จากรายได้ Box office 80 ล้านในสุดสัปดาห์แรก
และกระแสคนที่ไปดูแล้วบอกว่าสนุกมาก
ผมจึงไม่พลาดไปดูวันพฤหัสที่ผ่านมา

แต่ก็รู้ด้วยว่าคะแนนรีวิวไม่ได้ดีเท่าไหร่
แต่ก็กะไปบันเทิงอย่างเดียว หวังว่าสิ่งที่ติดลบจะไม่ทำให้ไม่สนุก

สำหรับบรรยากาศแรกที่หนังเริ่ม ความน่าตื่นตาตื่นใจ : น้อย ถึง ไม่มี
ตัวร้ายโผล่มาฉากแรก : ไม่มีความน่าประทับใจ ไม่มีอะไรเลยในตัวน้องตาโตคนนี้
เรื่องราวตั้งต้น : ไม่มีอะไรให้สงสัยเลย 555

เริ่มเข้าเรื่องที่ตัวเอก
ถ้ามองภาพรวมเหมือนถูกลากไปไกลมาก ไม่ถึงจุดที่จะเข้าเรื่องสักที
แต่เรากำลังถูกผูกติดไปกับการแสดงของ Tom Hardy ซะงั้นแหะ
เขาเป็นตัวละครเดียวที่ดูมีมิติที่สุดในหนัง เรียกได้ว่าบทให้แกโซโล่เดี่ยวก็ว่าได้
ทั้งมุข comedy อะไรต่างๆ การโต้ตอบกับ Venom ถ้าเป็นคนอื่นแสดงอาจจะไม่รอด
เพราะพี่ต้องแสดงทุกอย่างรับส่งอยู่คนเดียวกับจินตนาการ
ขอชื่นชมพระเอกครับ ซึ่งการแสดงของ Tom ก็ทำให้เด็กวัยรุ่นที่นั่งดูรอบๆ ขำอยู่เรื่อยๆ

ด้วยความที่กว่าจะพบจุดตัดระหว่างพระเอกกับ Venom ค่อนข้างจะเนิ่นนาน
ฉาก Action ต่างๆ ที่ตามมาก็เหมือนเป็นการปลดปล่อยอารมณ์ที่อดกลั้นของคนดู
จริงๆ ความยาวมันทำให้ผมนึกถึง Hulk ของอั้งลี่ที่กว่าจะปล่อยเต็มที่ก็ 20 นาทีสุดท้ายของเรื่อง (ฮา)
แต่จริงๆ คงไม่ได้ยืดขนาดนั้น ผมก็ไม่ได้จับเวลาซะด้วย

ความสัมพันธ์ของพระเอกนางเอก ที่มีเจ้าตัวนั้นเชียร์ เป็นอะไรที่ Surprise
เพราะแต่ละคนดูไม่น่าจะไปทางนั้นได้ นี่คือความแปลกใหม่ทำให้เนื้อเรื่องได้คะแนนบวกครับ
สิ่งนี้ทำให้นึกย้อนกลับมาดูตัวเอง ถ้าเราโดนแบบนั้น เราก็จะทำแบบนี้ อะไรแบบนั้น
มันอาจจะผิดไปหมดเลยก็ได้ "การให้อภัย" เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ จุดเล็กๆ ตรงนี้
ทำให้หนังดูดีขึ้นมามาก และทำให้ผมรู้สึกว่าผมได้อะไรกลับบ้าน

จุดบอดของหนังคือ เมื่อใดก็ตามที่ผู้ร้ายออกมา แม้ม ตัวหนังดู drop ลงทันที
ผมไม่รู้ว่าเขาเล่นเก่งจากเรื่องอื่นรึเปล่า แต่บทนี้ lame มากๆ ถ้าผู้ร้ายดูเจ๋ง
หนังจะดูอัพขึ้นอีกสัก 20-30 ล้านดอลล่าร์ เพิ่มอีกจาก 80 ล้านในสัปดาห์แรกก็เป็นได้

ส่วนตัวผมชอบนักวิทยาศาสตร์ แต่เธอก็... ตรงนี้คงเป็นอะไรที่ทำให้เราผิดคาดมั้ง
ถ้าเป็น story line ของเรื่องอื่น เธอคงได้มาเป็นนางเอกแทน ซึ่งนั่นก็อาจจะทำให้
หนังดูซ้ำ เดาง่ายก็ได้

ฉาก Action ต่างๆ หลังจากปลดปล่อยมาแล้วในช่วงแรก (5 นาที) ทุกอย่างก็
เริ่ม drop ลงเรื่อยๆ เพราะการต่อสู้อะไรต่างๆ มันไม่ได้มีอะไรใหม่ และ
การต่อสู้สไตล์ Symbiote หรือมนุษย์ต่างดาวเมือกๆ เส้นๆ นั้น ดูวุ่นวาย ยุ่งเหยิง
และต้องเพ่งมากว่ากำลังทำอะไรอยู่ ในขณะที่ symbiote ของ Sam raimi ใน
Spider man 3 ก็ดูแข็งเกินไปเหมือนคนใส่ชุดเฉยๆ น่าจะมีทางสายกลางของ
ทั้งสอง version ในจุดนี้

หนังเครดิตช่วงท้าย ไม่ว่าอันแรก หรืออันที่สองที่ยาวดูคุ้ม แต่ก็ไม่ได้ทำให้
story ดูน่าเชื้อเชิญเพื่อให้ไปดูภาค 2 ส่วนตัวคิดว่า ไม่ต้องมียังได้

สรุปแล้ว หนังไม่ได้บันเทิง หรือพูดได้ว่า สนุก เพราะสนุก อย่างที่คิด
เพราะหนังกลายเป็นให้แง่คิด และให้ในแง่ของการแสดง แต่ฉาก action
มั่วๆ ยุ่งเหยิงๆ อาจจะทำให้สมองแปลความหมายว่า "สนุก" มันก็อาจจะ
พูดพอได้ ถ้านึกถึงวัยรุ่นวัยมัน อะไรที่วุ่นวายๆ ก็จะ entertain ได้ แต่กับ
วัยที่โตพ้นวัยรุ่น แต่ไม่ใช่แก่นะ! มันเป็นอะไรที่ดูยุ่งเหยิง และขาดความสวยงาม
ของภาพ ดนดรีประกอบไม่ได้ดี แต่ก็ไม่ได้แย่ ก็คลอๆ ไป จุดนี้จะทำให้คอหนัง
ที่ประสบการณ์เยอะหน่อย นึกถึง Danny Elfman เสมอๆ เพราะเขาดึงจุดเด่นของ
ของ theme กับ superhero ออกมาได้ดี หลายเรื่อง (อาจจะไม่ทุกเรื่อง)

ถ้าให้คะแนนคือ 7.5 เต็ม 10 เกินกว่าครึ่งยกให้เป็นเครดิตของ Tom Hardy
แต่ส่วนอื่นๆ อาจจะเรียกว่าเกือบตกก็ว่าได้ แต่หนังก็สนุกใช้ได้ในระดับหนึ่ง
และความยุ่งเหยิงต่างๆ ทำให้เริ่มกังวลว่าภาค 2 จะสนุกไหม
ในขณะที่ถ้าเป็นกรณี Dead pool ก็จะเริ่มคิดว่า ภาคต่อๆ
ไปมุขจะเริ่มฝืดขึ้นเรื่อยๆ ไหม (มุขใหม่ๆ ยิ่งคิดยิ่งยาก)

ก่อนหน้าที่จะไปดู Venom ก็กลับไปดู Spider-man 3 ที่คนก่นด่าเยอะ
และเป็นจุดจบของไตรภาค แม้ว่าผู้กำกับจะโดนบีบบังคับมาเยอะ
แต่ว่าแต่ละฉากๆ ก็เห็นสไตล์ของ Raimi ซึ่งมีความเป็น melodrama
นึกแล้วก็เสียดาย แต่ก็ยอมรับว่าหนังทำให้ตัว Venom เสียของไปในตอนท้าย

ผมใส่ดาวไม่เป็น ให้ 3 ดาวนะครับ ปุ่มมันอยู่ตรงไหนหว่า? ? ?