ภรรยาผม.. เธอเคยเป็นเลสเบี้ยน ผมควรทำไงดีเมื่ออดีตแฟนสาว (สวย) ของเธอกลับมา.

สวัสดีครับเพื่อนๆ ทุกคน ผมขอเริ่มเลยล่ะกัน
           
    คือ ผมรู้จักแฟนผมมา 3 ปี ก่อนเราแต่งงานกัน  

เธอไม่เคยเล่าอะไรเกี่ยวกับแฟนเก่า ของเธอให้

ผมฟังเลยสักครั้ง ผมเองก็ไม่เคยอยากถามเธอ

ด้วย เพราะผมว่าการถามเรื่องแฟนเก่า มันเป็น

เรื่องที่ไม่ควรถามถึงเลย ว่ามั้ยครับ...

       ผ่านไป 3 ปี ผมขอเธอแต่งงานกัน และก็เป็น

เรื่องที่น่ายินดีมาก เธอตอบตกลงผม แล้วเราก็อยู่

กินกันมา 2 ปี หลังจากแต่งงานกัน เราทั้งคู่ยังไม่มี

ลูกด้วยกัน เรามีอะไรกันมาตลอด 5 ปี แรกๆที่คบ

กัน เรามีอะไรกันวันเว้นวัน หลังๆมา ก็อาทิตย์ละ

3-4 ครั้ง พอแต่งงานกัน ก็ 2 ครั้งต่ออาทิตย์ เธอ

ชมว่าผมเก่งไม่เบื่อเลย (การบ้านไม่เคยบกพร่อง)

     จนมาเมื่อเดือนสองเดือนก่อน เราไปดูหนังด้วยกัน

หลังจากหนังจบลง เราทั้งคู่ก็เดินออกจากโรงหนัง

แล้วผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิง เรียกชื่อแฟนผม ผมก็หันไปดู

แล้วเค้าก็เข้ามาทักทายภรรยาผม

เหมือนเป็นเพื่อนกับ ภรรยาผมมานาน แฟนผมเลยแนะนำให้รู้จัก

ปรากฎว่า เธอคนนี้เป็นเพื่อนกับภรรยาผม

ทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อกัน อย่างสนิทสนมกันมาก

ผมเองก็ดีใจ ที่เธอได้เจอเพื่อน

ผมยังแซวภรรยากลับเลยว่า

มีเพื่อนสวยขนาดนี้ ทำไมไม่บอก จะได้เปลี่ยนใจ

ก่อนขอแต่งงานได้ทัน เพื่อนภรรยาผม เธอดูตกใจ

กับประโยคที่ผมพูดออกมา ระดับนึง แต่ก็ไม่ได้

ถามอะไรผม เธอดูยิ้มๆ เหมือนไม่อยากจะเชื่อ

แล้วก็พูดแซวภรรยาผมขึ้นมาว่า แหม่!! แต่งงานได้

ไง ไม่น่ามีใครคบนะ ยั้ยงี่เง้า!
    
       หลังจากวันนั้นมา เธอกับภรรยาผม ก็พบปะ

พูดคุย ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ โดยที่มีผมไปด้วย

บ้าง และไม่ได้ไปด้วยบ้าง แรกๆก็เจอกัน อาทิตย์

ละ วัน ถึง 2 วัน หลังๆมา อาทิตย์ละ 4-5 วัน ทั้งวัน

หยุด และหลังเลิกงาน มา 2-3 อาทิตย์ก่อน ภรรยา

ผม เธอขอไปนอนบ้านเพื่อนคนนี้บ้าง อาทิตย์แรก

1 วัน อาทิตย์ต่อมา ขอไปนอน 2 วัน  และอาทิตย์

ก่อน ขอไปนอนทั้งอาทิตย์  ผมเลยถามภรรยาว่า มี

อะไรรึป่าว ถึงไปบ่อยจัง เพื่อนมีปัญหาอะไรที่เรา

พอจะช่วยเค้าได้ไหม? หรือเค้าเป็นอะไร?
    
        เธอเลยบอกว่าไม่มีอะไร แค่คิดถึงเพื่อนไม่

ได้เจอกันนานมากกกก!!!  แต่ไม่ไปนอนก็ได้ค่ะ ผม

เลยจบคำถามไป...  

เธอเลยขอแทนว่าจะเอาเพื่อนมากินข้าวที่บ้านได้ไหม

ผมเลยตอบไปว่าได้ เมื่อวันเสาร์

ที่ผ่านมา เพื่อนภรรยาผมเธอก็มาที่บ้าน พวกเรา

เลยช่วยกันทำอาหาร ผมเลยปล่อยให้พวกเธอทำ

อาหารไป ส่วนผมขออาสา ไปซื้อเครื่องดื่มเบาๆ

มาเพิ่ม ผ่านไปประมาณ 30-45 นาที ไม่น่าจะถึง

ชั่วโมงนะที่ผมออกไป ถ้าจำไม่ผิด  
  
        ผมขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน โดยที่ไม่ได้เอา

รถเข้ามาจอดในลานจอดของในบ้าน เพราะเผื่อไว้

ว่าอาจะต้องออกไปซื้ออะไรเพิ่มอีกรึป่าว แค่นั้น

เองที่คิดไว้ ผมเลยถือของเข้ามาในบ้าน แล้วผมก็

เปิดประตูเข้าบ้านไป ผมเลี้ยวไปทางห้องครัว

แต่ยังไม่พ้นผนังครัวก็... ได้ยินเสียงเธอสองคนคุยกันปกติ

แต่มีประโยคนึงที่ทำให้ผมหยุดเดินต่อ

เพื่อนภรรยาผมพูดขึ้นว่า :
      
            ผู้ชายคนนี้เธอรักเค้าไหม? รักจริงๆไหม? ถ้าไม่รักเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมกันได้ไหม?...
    
เสียงภรรยาผม เธอเงียบ ไม่ตอบอะไร

ผมอึ้งๆ งงๆ หูอื้อๆ ไม่ค่อยเข้าใจที่เพื่อนภรรยาผม

ถามเท่าไหร่ครับ แล้วทุกอย่างก็ดูเงียบไปหมด ได้ยิน

แต่เสียง น้ำในหม้อเดือดที่ตั้งไว้ จากนั้นสักพัก นึง

ผมก็ได้ยินภรรยาผมพูดขึ้นว่า "เราสามคนก็อยู่

แบบนี้กันไปเรื่อยๆ ก็ดีอยู่แล้วนี่หน่า"  

ผมตกใจนิดหน่อย หรือไม่หน่อยก็ไม่แน่ใจ
      
            ผมเลยย้อนถอยหลังเดินออกไปที่รถ

แล้วขับรถเข้ามาจอดในบ้านแทน

เพื่อให้พวกเธอได้ยิน แล้วก็เดินเข้าบ้านไป

ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ

ผมรอจนวันนั้น เพื่อนภรรยาผมกลับไป แล้ว

กะว่าจะถามภรรยาถึงเรื่องที่ผมได้ยิน

แต่ก็ไม่กล้าถาม กลัวเธอหาว่าผมแอบฟัง

ผมเลยเก็บมา 2 วัน จนเมื่อวานนี้ตอนกลางคืน

คือ ผมอึดอัด เลยเลือกที่จะถามภรรยาตรงๆ ออกไป

เรื่องที่ทั้งคู่คุยกัน มันหมายความว่าไง?

มันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆนะ ทั้งจังหวะ น้ำเสียง

ของการพูดประโยคนั้น มันไม่เหมือนเพื่อนคุยกัน

เหมือนจริงๆแล้ว คุณสองคนไม่ใช่เพื่อนกันเลย มี

อะไรที่ปิดบังผมรึป่าว อยากบอกอะไรผมหน่อยมั้ย

อย่าให้ผมคาดเดาไปเอง มันอึดอัด !!
  
      ภรรยาผม เธอฟัง แต่กลับไม่พูด ไม่ตอบอะไร

กลับมาเลย เราต่างนั่งนิ่งกันเกือบชั่วโมง

แล้วภรรยาผมก็พูดขึ้นมาว่า แพท เคยเป็นแฟนเก่า

เรารักกันมากตอนนั้น คบกันมา 4 ปี แล้วก็เลิกกัน

หลังจากนั้น แพท ก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ

ไม่ได้ติดต่ออะไรกันอีกเลย

ผมบอกเลยเป็นการ เปิดประโยคแบบอึ้งๆ

และจบประโยคแบบเงียบๆ
  
      ตอนนี้ผมตึ่มๆๆ ยังไงไม่รู้ เหมือนอยากจะ

ร้องไห้แต่ก็ไม่ร้อง ผมเลยถามว่า คุณเป็นทอมกับดี้เหรอ?

เธอเงียบไป 1 นาที และบอก ไม่ใช่

แต่เราเป็นเลสเบี้ยนกันค่ะ....

(ถึงว่า ทั้งภรรยาผม
และรูปเพื่อนเธอสมัยนั้น ก็เป็นผู้หญิงผมยาวและสวยทั้งคู่ ไม่ได้มีใครตัดผมเป็นทอมบอยเลย คนนึงดูเป็นสาวหวานๆ อีกคนนึงดูเป็นสาวเปรี้ยวๆ).....
      
          ผมได้ยินแบบนั้นแล้ว ผมทำตัวไม่ถูก

เลยเลือกที่จะไม่พูดอะไรต่อ แล้วเดินขึ้นห้องนอนไป

โดยที่ไม่ได้พูดอะไรกับเธออีกเลย จนขณะนี้

-----------------------------------------------------------------------


(ผมไม่รู้ว่า ผมต้องไปต่ออย่างไงดีครับ?)

ผมยังรักภรรยาอยู่ และก็ไม่เคยแอนตี้เรื่องเพศที่ 3,4,5 แต่อย่างใด

แค่ไม่คิดว่ามัน จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตผมได้จริงๆ.

............................................................
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 13
ทำไมทุกคนที่แสดงความคิดเห็นถึงบอกพี่เขาให้รีบมีลูกล่ะ ลองคิดดูนะในเมื่อตอนนี้พี่เขาได้แต่งงานกับภรรยาที่เคยเป็นเลสเบี้ยน  .......เอ๊ะ! นี่มันไม่สมควรใช้คำว่า"เคยเป็น"นะ เพราะปัจจุบันพี่เขาก็ยังมีรสนิยมหญิงรักหญิงหลงเหลืออยู่เกิน50%ในจิตใจเลยแหละ  ทั้งพี่และภรรยาพร้อมกับแฟนเก่าภรรยาของพี่มานั่งคุยกันให้รู้เรื่อง แบบก็รู้อ่ะนะว่าแบบอาจจะมองหน้ากันไม่ติดแต่เรื่องนี้มันปล่อยผ่านไปไม่ได้จริงๆ เพราะอนาคตพี่ๆทั้งสามคนจะไม่มีใครมีความสุขเลย ลองเปิดใจคุยกันว่าภรรยาพี่เขายังรักแฟนเก่าเขาอยู่ไหมเพราะหนูว่าเหตุผลที่ภรรยาพี่เขาเลิกกับแฟนเก่าเป็นเพราะแฟนเก่าพี่เขาไปเรียนต่อต่างประเทศแค่นั้นหรือยังไงก็ลองถามดู เพราะของแบบนี้มันแก้ยากนะคะ พี่ลองคิดดูว่าพี่ที่เป็นชายแท้ที่ชอบผู้หญิงปกติอยู่แล้วจะมีสิทธิไปชอบผู้ชายไหม หนูบอกเลยว่ามีมันมีโอกาสแน่นอน แต่มันคงจะเป็นแค่ความชื่นชอบเท่านั้น เพราะยังไงพี่ก็ชอบผู้หญิงอยู่ดี ก็เปรียบเหมือนภรรยาพี่นั้นแหละค่ะที่ชอบผู้หญิงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ภรรยาพี่เขาแพ้ระยะทางที่พี่เขาห่างกับแฟนเก่าเขามากเกินไป แล้วตอนนั้นมีพี่เดินเข้ามาและเขาก็คงประทับใจในความดีความใส่ใจของพี่ เขาถึงได้ตัดสินใจแต่งงานกับพี่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รักพี่นะคะ คือพี่เขารักพี่แหละค่ะรักมากๆเลยด้วย แต่พอมีอยู่วันหนึ่งภรรยาพี่ได้บังเอิญไปพบแฟนเก่าที่พี่เขาก็ดูรักกันดีนะคะ ความรู้สึกเก่าๆมันเลยกลับมา แต่พี่ต้องถามว่าภรรยาพี่เขารักพี่หรือแค่ยังมีเยื้อใยให้แฟนเก่าเท่านั้น แต่พี่ก็อย่าไปกดดันภรรยาพี่มากเกินไปเพราะมันจะทำให้เขาเครียด

(หนูจะบอกให้นะคะว่าคนที่เป็นเกย์เป็นเลสเบี้ยน(หมายถึงคนที่เป็นจริงๆนะคะไม่ใช่เพราะเบื่อผู้ชายเบื่อผู้หญิงหรือเกลียดอะไรใดๆทั้งนั้น)จริงพวกเขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เกิดแล้วเพราะมันจะมีสารในสมองบางอย่างผิดปกติ(นี้ก็ไม่ชัวร์นะว่าสมองหรือกรรมพันธุ์)ทำให้พวกเขาเป็นแบบนี้ ซึ่งทฤษฎีนี้ได้รับการยืนยันว่าเป็นจริงแล้ว ไม่เชื่อลองสังเกตคนที่เป็นเกย์เป็นตุ๊ดส่วนใหญ่สิคะเพราะว่าลักษณะเด่นๆที่จะเป็นเหมือนๆกันเลยก็คือจะมีลูกตาที่ค่อนข้างโต ดูมีอะไรให้น่าค้นหา)

อืม....งั้นหนูขอเล่าเรื่องชีวิตหนูด้วยเลยเเล้วกัน

ตอนป.6หนูได้เกิดตกหลุดรักรักผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นคนที่ไม่ควรรักเลยด้วยซ้ำ คนคนนั้นก็คือ....คุณครูของหนูเองค่ะ เขาเป็นผู้หญิงที่มีสามี มีลูก มีครอบครัวแล้ว อ่า...แบบมันก็ยังไงๆอยู่นะคะเนี่ย ฮ่าๆๆ คุณครูเป็นคนที่เวลาหนูอยู่ด้วยแล้วมีความสุข เวลาเจอหน้าหัวใจหนูมันเต้นเเรงมากๆเหมือนจะหลุดออกมาเลยค่ะ ซึ่งคุณครูก็คือรักแรกของหนู แต่หนูเป็นคนที่รักก็คือรัก แค่ได้รักก็พอแล้วไม่จำเป็นต้องครอบครองเขาเลย พอจบป.6มาหนูก็ได้มาอยู่กับป้า เวลาที่เพื่อนๆไปเยี่ยมโรงเรียนเก่าหนูก็จะค่อยถามเพื่อนตลอดว่า "เองคุณครูเป็นไงบ้างอ่ะ เขาสบายดีไหม" อะไรทำนองนี้ แต่หนูก็ไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวายกับชีวิตคุณครูเขาเลยนะคะ เพราะหนูบอกแล้วไงว่ารักก็คือรัก รักไม่จำเป็นต้องครอบครอง

(หนูก็ไม่รู้นะคะว่าพี่จะได้อ่านหรือเปล่าเพราะกระทู้นี้ก็นานมากแล้ว แต่ถ้าพี่ไม่ได้อ่านก็ไม่เป็นไร ข้อความนี้หนูอยากฝากไว้ให้ทุกคนได้คิด ได้ไตร่ตรองดูดีๆ หนูอาจจะบอกอะไรพี่ๆมากไม่ได้หรอกค่ะเพราะว่าหนูก็เพิ่งอายุแค่15เอง)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่