แบ่งปันคติธรรมจากหนังสือ กิร ดังได้สดับมา เรื่อง" พังพอนผู้เสียสละ " พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี, ราชบัณฑิต)

ค้นเจอหนังสือ ชุดนี้มี ๓ เล่ม หลากรสจริงๆ เป็นเรื่องเล่าที่หลวงพ่อท่านเคยอ่าน เคยได้ยินมา รวบรวมและมีคติธรรมข้อคิดดีๆ เพื่อการดำเนินชีวิตที่เหมาะสม อยากแบ่งปันลิขิตโดยพระโพธิวงศาจารย์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙, ราชบัณฑิต) สมัยที่ท่านดำรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมกิตติวงศ์
เรื่องจะเป็นอย่างไรนั้น ลองสดับสำหรับผู้ใคร่ศึกษาในธรรมเสริมปัญญากันครับ



พังพอนผู้เสียสละ  กิร ดังได้สดับมา เล่มที่ ๑
    สามีภรรยาคู่หนึ่ง เลี้ยงพังพอนไว้ดูแล่นเพราะเห็นว่าน่ารัก  ให้อาการและเล่นหัวกับมันทุกวัน  จนมันโตและ
คุ้นกับคนดี ทำให้ทั้งคู่รักมันมาก
    ต่อมา ภรรยาให้กำเนิดบุตร ทั้งคู่เลี้ยงดูอย่างทะนุถนอมไม่ให้ห่างหูห่างตา  เพราะยังไม่ไว้ใจพังพอนัก กลัวจะ
เข้ามากัดลูกเอา  
    วันหนึ่งทั้งคู่จำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน กะว่าสักชั่วโมงจะกลับลูกคงยังไม่ตื่น  แต่ใจก็กังวลกลัวพังพอนจะปีน
ขึ้นเปลไปกัดลูก
    เมื่อสองสามีภรรยา  ออกจากบ้านไปไม่นาน  งูเหลือมใหญ่ตัวหนึ่งเลื้อยเขามาในบ้านเพื่อหาอาหาร ขณะที่
เลื้อยเข้าไปใกล้เปลนั้น  พังพอนเห็นเขาจึงกระโจนกัดงูทันที  ทั้งๆที่ตัวเล็กกว่ามาก  แต่ก็สู้สุดฤทธิ์  งูก็พยายามรัด
พังพอนให้ได้  พังพอนกระโดดหลบและกระโดดเข้าหาเป็นพัลวันจนเกือบหมดแรง  แต่ก็ฮึดสู้กระโดดกัดเข้าที่คองู  
ฝังเขี้ยวลงไปจนสุด  เลือดงูทะลักออกมาเปื้อนเปราะปากพังพอนไปหมด  ดิ้นเท่าไรพังพอนก็ไม่ยอมคายเขี้ยว  
ในที่สุดงูทนพิษพังพอนไม่ไหว สิ้นใจตายตรงนั้น

    ชั่วโมงเศษ สองสามีภรรยากลับมา  พังพอนรีบออกไปต้อนรับ เพื่อเสนอหน้าว่าได้ทำวีรกรรมอันสำคัญ
ช่วยให้ลูกเจ้าของบ้านพ้นจากการเป็นเหยื่อของงูเหลือมยักษ์ได้  ฝ่ายภรรยาเห็นเลือดที่ปากพังพอนเท่านั้น ก็คิดว่า
..........พังพอนคงกัดลูกของตัวเข้าแล้ว เลือดยังกลบปากอยู่เลย  คิดแล้วก็ให้แค้นนัก  คว้าท่อนไม้ได้หวดเข้า
ที่หัวพังพอนไม่ยั้งจนพังพอน เละคามือ  แล้วรีบเข้าไปในห้อง  แต่อนิจจา ลูกนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเปล  
เห็นงูเหลือมขนาดใหญ่นอนตายจมกองเลือดอยู่ข้างเปล  ก็ทราบทันทีว่าอะไรเกิดขึ้น  รีบวิ่งไปที่ประตูอุ้มซากพังพอน
ขึ้นมาแนบอก ร้องไห้โฮ  รำพึงรำพัน

    "ขอโทษ  ขอโทษ  แม่ผิดไปแล้ว  แม่ทำให้เจ้าต้องตายเพราะความโมโหหุนหันแท้ๆ"

    แต่ก็สายเสียแล้ว  พังพอนตายไปตั้งแต่โดนหวดไม้แรกแล้ว.
.................................................................................................................................................

เรื่องนี้ สื่อความให้เห็นว่า

    ทุกสิ่งทุกอย่างอาจมิได้เป็นอย่างที่เราได้เห็นหรืออย่างที่เราเข้าใจ  จึงอย่าเพิ่งด่วนเชื่อด่วนตัดสินใจเชื่อ
หรือปฏิเสธไป ตามที่ได้เห็นหรือตามที่ได้ยิน  มันอาจไม่เป็นอย่างที่เราเห็นหรือที่เราคิดก็ได้  ที่ถูกที่ควรรับฟังไว้ก่อน  
พิจารณาให้รอบคอบถ้วนถี่  พิสูจน์ให้เห็นจริง  ให้ได้ความแน่นอนเสียก่อนค่อยเชื่อหรือปฏิเสธ  ไม่อย่างนั้น
อาจทำให้วู่วามไปทำเรื่องเสียหายร้ายแรงหรือทำให้เรื่องบานปลายไปกันใหญ่ก็ได้  มีหลายคนต้องมาเสียใจภายหลัง  
เพราความด่วนตัดสินใจ  ชี้ผิดชี้ถูกโดยที่ยังมิได้พิจารณหรือไตร่ตรองให้ถี่ถ้วนก่อน  ทำอะไรไปโดยหุนหันพลันแล่น

เชื่อเพียงที่ได้เห็นหรือได้ยิน  ในกรณีด่วนตัดสินใจนี้หากเป็นเรื่องสำคัญก็จะเสียหายบานปลายไปใหญ่โต  
ถึงกับเสียเงินเสียทอง เสียชื่อเสียง และเสียบ้านเสียเมืองก็ยังมีให้เห็น.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่