!!! **** พระพุทธเจ้าสอนให้พวกเราดำรงอยู่ในความไม่ประมาท, แต่หลวงพ่อปราโมทย์ แห่งสวนสันติธรรม สอนว่า.........






อมยิ้ม19
"เผลอแล้วเรารู้ว่าเผลอ จิตจะถูกต้อง ถ้าเพ่งอยู่รู้ว่าเพ่ง จิตก็ยังเพ่งอยู่
เพราะฉะนั้น เผลอดีนะ ไม่ใช่ไม่ดี เผลอเนี่ยเสี่ยงลงนรกจริง เสี่ยงไปอบายจริง
แต่ถ้าเรารู้จิตที่เผลอปุ๊บ จิตจะถูกต้อง เข้าสู่ทางสายกลางทันทีเลย"
-- พระธรรมเทศนา หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม
แผ่นที่ ๗๐ วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๐

https://radiopublic.com/-WRbZqO/ep/s1!cd66ef5c562265749eb6ba4561edebab180bbd5f




เม่าอ่านหนังสือพิมพ์
อย่าเพ่งตลอดกาล ถ้าเพ่งตลอดกาลเดี๋ยวมันไม่ยอมเผลอ ให้มันเผลอไว้
เผลอแล้วรู้ว่าเผลอดีที่สุดเลย ดีกว่าไปเพ่งไว้ไม่ยอมเผลอเลย ไปไหนไม่รอดนะ
อยู่แค่นั้นแหละ กี่ปีกี่ชาติก็อยู่อย่างนั้นแหละ

บางส่วนจาก
http://www.dhammada.net/2011/08/28/11203/



อมยิ้ม19
อย่าประคองจิตรักษาความตั้งมั่น
-------> คำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ แห่ง สวนสันติธรรม


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


https://youtu.be/N8sFeKyV1aw
Published on Feb 27, 2012
- อย่าประคองจิตเพื่อรักษาความตั้งมั่น
- การรู้บ้างเผลอบ้าง จิตจะได้รู้ถึงความเป็นอนัตตา
พระธรรมเทศนาโดยพระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช ที่ศาลากาญจนาภิเษก (ศาลาลุงชิน) เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2555







อมยิ้ม33
แต่พระพุทธเจ้าสอนว่า

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความไม่ประมาท ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงมั่น
เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม ฯ


อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=20&A=387&Z=521







ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ก็ ธรรมาธิปไตย เป็นไฉน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี อยู่โคนไม้ก็ดี อยู่ในเรือนว่างก็ดี ย่อมสำเหนียกว่า
ก็เราออกบวชเป็นบรรพชิต  ไม่ใช่เพราะเหตุแห่งจีวร ไม่ใช่เพราะเหตุแห่งบิณฑบาต
ไม่ใช่เพราะเหตุแห่งเสนาสนะเราออกบวชเป็นบรรพชิตไม่ใช่เพราะเหตุแห่งความมีและความไม่มีเช่นนั้น

......ก็แต่ว่าเราเป็นผู้อันชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว ชื่อว่าเป็นผู้มีทุกข์ท่วมทับแล้ว
ไฉนความทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้จะพึงปรากฏ พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว
อันบุคคลพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามาในตน
อันวิญญูชนจะพึงรู้เฉพาะตน ก็เพื่อนสพรหมจารีผู้ที่รู้อยู่ เห็นอยู่ มีอยู่แล


......ก็และการที่เราได้ออกบวชเป็นบรรพชิต ในธรรมวินัยอันพระผู้มีพระภาคตรัสดีแล้ว
จะพึงเป็นผู้เกียจคร้านมัวเมาประมาทอย่างนี้  ข้อนั้นไม่เป็นการสมควรแก่เราเลย ดังนี้
เธอย่อมสำเหนียกว่า ก็ความเพียรที่เราปรารภแล้วจักไม่ย่อหย่อน  สติที่เข้าไปตั้งมั่นแล้วจักไม่หลงลืม
กายที่สงบระงับแล้วจักไม่ระส่ำระสาย  จิตที่เป็นสมาธิแล้วจักมีอารมณ์แน่วแน่
ดังนี้

เธอทำธรรมนั่นแหละให้เป็นใหญ่ แล้วละอกุศล เจริญกุศล ละกรรมที่มีโทษ เจริญกรรมที่ไม่มีโทษ บริหารตนให้บริสุทธิ์


ดูกรภิกษุทั้งหลาย
นี้เรียกว่า ธรรมาธิปไตย




อธิปไตยสูตร
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  บรรทัดที่ ๓๘๒๗ - ๓๘๙๙.  หน้าที่  ๑๖๕ - ๑๖๗.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=20&A=3827&Z=3899&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=479








อมยิ้ม33
ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า มัชฌิมาปฏิปทา
https://ppantip.com/topic/33101094
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่