####ที่สุดของแจ้#### อิสระภาพทางการเงิน...วิกฤติของการทำงานของมนุษย์เงินเดือน

คนที่เป็นมนุษย์เงินเดือนไม่ว่าราชการหรือทำเอกชนย่อมมีวิกฤติการในการทำงานใหญ่ๆอยู่สองช่วง
พี่แจ้ทำงานเอกชน และอยู่ฝ่ายขายมาตลอด  โหด เลว ดี เห็นวงจรวิกฤติของการทำงานเอามาเหลาสู่นักลงทุนฟัง
หน่วยงานขายจะมีผู้รอด 30% ผู้ไม่ไหว 70% ต้องหันไปหาอาชีพอื่น บางคนไปรับราชการ
บางคนไปเป็นเจ้าของกิจการ บางคนหายตัวไม่รู้ว่าไปทำอะไร มันเป็นเรื้องปกติของการทำงานเอกชน
เลยเอาวิกฤติการทำงานของมนุษย์เงินเดือนเอกชนมาเหลาให้ฟัง ฝ่ายขายต้องวัดผลทุกเดือน เลยต้องลงทุนเอาไว้กันพลาด

  >>>วิกฤติช่วงที่ 1 วิกฤติเริ่มทำงาน <<<

    อันนี้ทุกคนน่าจะเจอในฝ่ายเอกชนเป็นอันมาก ฟากข้าราชการจะมีไม่ค่อยมากเรื่อยๆความชั่วไม่มีความดีไม่ปรากฎอยู่ได้
    
   ปีที่ 1 เราจะเป็นช่วงทำงานใหม่ๆเป็นช่วงปรับตัว คนที่ปรับตัวได้ก็ทำงานต่อ ปรับไม่ได้ก็หางานใหม่หรือไปเรียนต่อ
   ปีที่ 2 เริ่มเรียนรู้จะเริ่มเข้าใจงาน แต่ก็มีความอยากเปลี่ยนงานเพราะดูเงินเดือนรายได้เทียบกับเพื่อนๆ
   ปีที่ 3 ทำงานเป็นแล้ว แต่รายได้ไม่มาก เริ่มก่อภาระอาจ ซื้อรถ บ้าน เก็บเงินแต่งงาน มองหารายได้เพิ่มหรืออยากเเปลี่ยนงาน
   ปีที่ 4-5 งานเริ่มเข้าที่ไม่มีปัญหา เริ่มคิดในอนาคตการแต่งงาน คิดเรื่องเงิน การหารายได้เพิ่ม เริ่มคิดว่าเป็นมนุษย์เงินเดือน
           รายได้ไม่ตอบโจทย์ อยากมีเงินเยอะๆ บางคนกระโดดไปบริษัทอื่นๆ บางคนออกไปทำธุระกิจเอง(น้อยมากครับ)
  ปีที่ 6-20 รายได้เริ่มมากขึ้น เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร มีรายได้เพิ่มมีงานมั่นคงเป็นทรัพยากรบริษัท
          จะคิดว่าเงินได้มาง่าย ใช้จ่ายสบายๆไม่ต้องคิดมาก บางคนอาจละเลยการออม แต่บางคนก็เห็นอนาคตก็มีการเก็บออม
          และมีการลงทุนถ้ามีลูกก็ออมได้น้อยแต่ก็ควรออมและลงทุนบ้าง  คนที่ไม่ออมไม่ลงทุนก็จะเจอวิกฤติการทำงานช่วงปลาย




   วันหยุดยาวๆเดือนนี้ ถ้ามาเที่ยวเหนือ มาแวะอุทธยานแจ้ซ้อน  จ.ลำปาง>>> น้ำตก ภูเขา แช่ออนเซน บริการแบบครบวงจร







เครดิตภาพ : ขอบคุณเจ้าของภาพทุกท่าน


>>>>วิกฤติช่วงที่ 2 วิกฤติก่อนเกษียน<<<<

ช่วง ปีที่ 21- เกษียน

>>>> ข้าราชการช่วงนี้ถือว่าช่วงพีคสุด ตำแหน่งเงินเดือนมาช่วงนี้แหละครับ  ต้องให้ครับเพราะ
ช่วงต้นราชการรายได้จะน้อยกว่าเอกชน แต่จะเริ่มมั่นคงช่วงนี้ ยกเว้นกู้ทุกอย่างเงินเดือนจะไม่ค่อยเหลือ
แต่ข้าราชการรุ่นที่มีบำนาญพอเกษียนก็รับบำนาญ 25,000 - 30,000 บาท/เดือน
ก็พอๆกับคนทีมีพอร์ทหุ้น10ล้าน ที่มีปันผล 3-4% ต่อปี ข้าราชการก็มีดีเช่นกันครับถ้าบริหารเป็น

>>>มนุษย์เงินเดือนเอกชนช่วงนี้ถือว่าเป็นวิกฤติสุดๆของชีวิต เพราะว่า
       ก่อนเกษียนช่วงนี้จะเครียดถ้าอยู่มานานย่อมเป็นผู้บริหารระดับกลางและระดับสูง ต้องรับผิดชอบ
      กำไร รายได้ การเติบโตของบริษัท ต้องเครียดเกินเงินเดือน ความเห็นผมช่วงนี้ต้องภาระหนี้ใกล้หมด
      และมีเงินเก็บพอสมควร ลงทุนเพื่อหลังเกษียน ใครที่มีหนี้จะเครียดสองเท่า จะลาออกก็ไม่ได้
      งานก็เครียดโดยเฉพาะบริษัทที่ขาดทุน ยอดตก กำไรหด ผู้บริหารระดับกลาง-สูง จะถูกกดดันจากบริษัทมาก
      สำหรับฝ่ายขายที่พี่แจ้อยู่  มักจะให้โอกาส 1 ปี ถ้าไม่ไหวเปลี่ยนตัว บริษัทที่ใจดีก็ให้อยู่ต่อแต่ย้ายไปตำแหน่งอื่นๆ
     ที่ไม่สำคัญ  บางคนเคยใหญ่รับไม่ได้ลาออกเพราะเสียหน้า อันนี้ไม่ควรทำเพราะเป็นการพักยกรอโอกาสถ้ามีหนี้ ลูกเรียนต้องอยู่ต่อ
                  
           แต่บริษัทที่ใจร้ายก็ให้ออกค่าชดเชยไปฟ้องเอาเอง  อันนี้ต้องฟ้องค่าชดเชย ส่วนมากกฎหมายแรงงานลูกจ้างได้เปรียบ
     พอเห็นภาพนะครับ มนุษย์เงินเดือนเอกชนยิ่งอยู่นานเงินเดือนสูงๆ ถ้าไม่มีผลงานถือเป็นค่าใช้จ่าย การลดค่าใช้จ่ายคือ.....
      เอาเงินที่ลดมาจ้างพนักงานใหม่ๆได้ 5-6คน ถึงแม้จะทำงานไม่เก่ง แต่ 5 หัว ดีกว่าหัวเดียวครับ
    
          ...เรื่องนี้บริษัทไม่เคยบอก...บางคนไม่เคยรู้....แต่เราต้องตระหนักรู้เองครับสำหรับมนุษเงินเดือนเอกชน......


                คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


     สรุปว่า   เราต้องลงทุนเพื่อชีวิต การลงทุนมีหลายวิธี ไม่จำเป็นต้องมาลงทุนในตลาดหุ้น


                   ๑๑๑๑๑๑๑ บุญรักษา  มนุษย์เงินเดือนทุกท่าน๑๑๑๑๑๑๑๑
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่