ต้องเกริ่นนำก่อนเนอะ ว่าตัวเราเองเป็นภูมิแพ้ ซึ่งอาจารย์หมอที่รักษาให้ประจำก็พูดอะไรสักอย่าง ที่เป็นศัพท์ทางแพทย์
อาจารย์หมอพูดเร็วมากฟังไม่ทัน ได้ใจความว่า ตา หู คอ จมูก ผิวหนัง อาหาร อากาศ เกสรดอกไม้ เหงื่อตัวเอง แพ้หมด
โปรดอย่าถาม... ว่าแพ้ขนาดไหน แพ้อะไรบ้าง ถามว่าไม่แพ้อะไร ตอบง่ายกว่า .....
ไม่สามารถหยุดยาได้ ต้องกินตลอด ไม่สามารถทำเทสได้ ต้องเจาะเลือดเทสเท่านั้น แลดูใช้ชีวิตลำบากนิดๆ
เริ่มต้นเลยแล้วกัน จากที่แพ้วิตามินตัวนึง ซึ่งจริงๆ ร่างกายก็ผลิตอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เครียดนอนไม่หลับเลยไปซื้อมากิน
ปรากฏว่าแพ้จ้าาาาาา แพ้โดยที่ไม่รู้ คิดว่าอากาศเปลี่ยนแปลงเลยเป็นลมพิษ เพราะเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว
วันที่ 1 ซึ่งยังไม่ไปหาหมอ เพราะมียาอยู่แล้ว เลยกินยา พ่นยา แล้วนอนพัก คิดว่าเดี๋ยวก็ยุบ เพราะยังไม่รู้ตัวว่าแพ้วิตามิน
ดูจากรูปก็ไม่เยอะไม่น้อยกำลังพอดี
พอวันที่ 2 แขนก็ยิ่งเห่อ คอเริ่มขึ้นผื่น ตัวเริ่มคัน จึงเดินทางไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งใกล้บ้าน เนื่องจากหลานแอดมิทที่นี่ประจำ
และหมอรักษาดี จึงคิดว่ารักษาที่นี่น่าจะดี พอถึงโรงพยาบาล เราโดนส่งไปแผนกผิวหนัง ซึ่งเราก็ไปตามที่เจ้าที่บอก
พอได้พบหมอ หมอก็ถามว่าไปแพ้อะไรมา ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าแพ้อะไร เลยบอกว่า “ไม่รู้ว่าแพ้อะไร” หมอบอกต้องรู้สิ
เราเลยงงว่าถ้ารู้ (กรู) จะมาไหม เราคุยกับหมอว่าเราเป็นภูมิแพ้นะ เราก็บรรยายให้หมอรู้ว่าเราเป็นอะไรยังไง ซึ่งคุยไปสักพัก
หมอบอกเอาสเตียรอยด์ กับ ยูเรียไปทา เราเลยบอกหมอว่า เราแพ้สเตียรอยด์นะ หมอบอกมันอ่อนไม่เป็นไร เราก็ไปรับยาอย่างงงๆ
แล้วกลับบ้านมาใช้ยา ไม่มียากินสักเม็ด หมดไป 1290 บาท ค่ายา 390 บาท นอกนั้นค่าหมอ และกลับมากินยาตัวเอง แล้วทายาตามหมอสั่ง
พอวันที่ 3 หน้าก็เริ่มบวม แดง เปล่งปลั่งดั่งมะเขือเทศ เนื่องจากเป็นไซนัสด้วย ไม่ไหวแล้ว ทั้งหน้าทั้งตัว เลยเดินทางไปโรงพยาบาล
เอกชนที่ใกล้ที่สุดอีกครั้ง โดนส่งไปแผนกผิวหนังอีกครั้ง แต่ไม่เจอหมอคนเดิม เจอหมอคนใหม่ และที่สำคัญหมอคนเดิมไม่บันทึก
ประวัติการรักษาเรา หมอคนใหม่เลยไม่รู้ข้อมูลใดๆเลย เราจึงต้องบรรยายอีกครั้งให้หมอฟัง แต่มันพีคตรงที่หมอบอกเราแพ้เครื่อง
สำอางกับสเปรย์จัดแต่งทรงผมสินะ คือเราบอกหมอว่าเราเป็นไซนัส หน้าเราเลยบวม หมอไม่ส่องโพรงจมูกเราเลย แต่บอกว่าแพ้
เครื่องสำอาง เราอยากจะบอกหมอว่า... เราไม่ได้แต่งหน้า ทำผมมา 4 ปีแล้ว เพราะเราเอาหลานมาเลี้ยง เราเป็นกราฟฟิคฟรีแลนซ์
นอกจากหน้าคอม กะเตียงนอน เราไม่เคยออกไปไหนเลย เราจึงขอร้องหมอว่า ช่วยฉีดยาให้เราหน่อย และให้ยากินเราด้วย
เราแพ้สเตียรอยด์ และแพ้เพนนิซิลินนะ กินแล้วจะขึ้นผื่น คลื่นไส้อาเจียน ถ้าโดสยาเยอะเราจะแน่นหน้าอก ตอนแรกหมอไม่ยอมฉีดให้
เราขอร้องอยู่ครึ่งชั่วโมง เพราะเราไม่ไหวแล้ว จึงยอมฉีดให้ และได้ยาเม็ดมากิน 10 เม็ด ซึ่งยานั้นก็คือเพนนิซิลินแบบอ่อน
ที่เราแพ้นั่นเองและสเตียรอยด์อีก 1 ขวดมาทา และเราก็แพ้มันอยู่ดี พร้อมกับได้ยาแก้แพ้มา 5 เม็ด หมดไป 1590 บาทจ้า
ค่ายา 615 บาท นอกนั้นค่าหมอ ตอนเราไปรับยาเราถามเภสัชกรว่า “นี่ยาเพนนิศิลินไม่ใช่หรอ เราแพ้นะ”
เภสัชบอกว่า “อ๋อ แบบอ่อนค่ะ ไม่เป็นไร เต็มที่ก็แค่ขึ้นผื่น” ในใจคิด “กรูเป็นลมพิษนะ จะให้ผื่นขึ้นอีกหรอ”
แล้วเราก็บอกเภสัชอีกว่า “เราแพ้สเตียรอยด์นะ ตัวที่แล้วยิ่งทายิ่งคัน ผิวเราไหม้เลยนะ” เภสัชบอกว่า “ตัวนี้ 0.1% ไม่แพ้หรอก”
คือเข้าใจป่ะว่าแพ้ กี่ % ก็แพ้ป่ะ แต่ก็เอาว่ะ เค้าเป็นหมอ เป็นเภสัช เราต้องเชื่อเค้า รับยากลับบ้าน กินยา ทายาอย่างเคร่งครัด
เพราะอยากหายแต่ยิ่งกิน ยิ่งทา ก็ยิ่งขึ้นยิ่งคัน
พอผ่านไป 4-5 วัน เราไม่ไหวแล้ว เราคันไปทั้งตัว ผมร่วง หน้าบวม ตัวมีแต่แผลที่เราเกา เพราะมันคันมาก เราหยุดยาที่หมอให้ทุกอย่าง
เส้นเลือดตามตัวเราเริ่มแตก เรามีอาการเส้นเลือดเปราะ ตัวเราเป็นจ้ำเลือด ขาเราไม่มีแรง เราปวดท้องน้อยมาก เราจึงเริ่มค้นหาข้อมูล
และผลวิจัยต่างๆ ทั้งต่างประเทศ และในประเทศ
[img]
https://f.ptcdn.info/159/060/000/pga9na8tyyO8iX1hw32a-o.jpg[/img
จึงได้ความว่าเราแพ้วิตามินตัวที่เราซื้อมากินเพื่อให้นอนหลับ มีเอกสารการวิจัยพบว่ามันจะกระตุ้นภูมิแพ้ให้เป็นหนักขึ้นในบางรายบุคคล
ซึ่งผลข้างเคียงนี้พบได้น้อยมากๆ (และกรูคือผู้โชคดี) แต่ที่เราแพ้หนักขึ้นเพราะเพนนิซิลิน กับสเตียรอยด์ ที่เราได้แจ้งว่าแพ้ แต่ก็ยังได้มา
เราจึงตัดสินใจแล้วว่าเราจะกลับไปหาอาจารย์หมอที่รักษาเราประจำ ไม่ว่าจะต้องตื่นเช้าแค่ไหน ให้รอพบนานยันค่ำก็จะไป เพราะไม่มี
ใครรักษาเราได้นอกจากอาจารย์หมอท่านนี้อีกแล้ว เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่าโรงพยาบาลจะแพงแค่ไหน ก็ใช่ว่าหมอจะเก่งทุกคน
นอกจากลมพิษจะไม่หาย ยังได้โรคเส้นเลือดเปราะมาเพิ่มด้วย และเภสัชกรขนาดคนป่วยแพ้ยา ก็ยังให้มาโดยไม่สนใจอะไร
ต่อไปจะไปรักษาที่ไหนต้องเลือกหมอที่รักษาดีๆ ไม่ควรเลือกที่โรงพยาบาล ไม่งั้นอาจได้โรคมาเพิ่ม อยากให้เคสเราเป็นกรณีศึกษานะ
จะได้ไม่มีใครพลาดแบบเรา โชคดีก็ไม่ตายแต่ได้โรคเพิ่ม โชคร้ายก็ตายไม่รู้ตัว
ปล. ที่เราไม่ได้ไปหาอาจารย์หมอแต่แรกเพราะอาจารย์หมออยู่ไกล และนางติสแตก จากที่เคยตรวจเอกชน อยู่ๆนางก็เลิกตรวจ
ไปตรวจแค่โรงพยาบาลรัฐที่หนึ่ง และที่สำคัญนางไม่ได้มาทุกวัน ต้องโทรถามว่ามาไหม เพื่อรีบไปรับบัตรคิว
วันหนึ่งฉันเดินเข้าโรงพยาบาล
อาจารย์หมอพูดเร็วมากฟังไม่ทัน ได้ใจความว่า ตา หู คอ จมูก ผิวหนัง อาหาร อากาศ เกสรดอกไม้ เหงื่อตัวเอง แพ้หมด
โปรดอย่าถาม... ว่าแพ้ขนาดไหน แพ้อะไรบ้าง ถามว่าไม่แพ้อะไร ตอบง่ายกว่า .....
ไม่สามารถหยุดยาได้ ต้องกินตลอด ไม่สามารถทำเทสได้ ต้องเจาะเลือดเทสเท่านั้น แลดูใช้ชีวิตลำบากนิดๆ
เริ่มต้นเลยแล้วกัน จากที่แพ้วิตามินตัวนึง ซึ่งจริงๆ ร่างกายก็ผลิตอยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เครียดนอนไม่หลับเลยไปซื้อมากิน
ปรากฏว่าแพ้จ้าาาาาา แพ้โดยที่ไม่รู้ คิดว่าอากาศเปลี่ยนแปลงเลยเป็นลมพิษ เพราะเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว
วันที่ 1 ซึ่งยังไม่ไปหาหมอ เพราะมียาอยู่แล้ว เลยกินยา พ่นยา แล้วนอนพัก คิดว่าเดี๋ยวก็ยุบ เพราะยังไม่รู้ตัวว่าแพ้วิตามิน
ดูจากรูปก็ไม่เยอะไม่น้อยกำลังพอดี
พอวันที่ 2 แขนก็ยิ่งเห่อ คอเริ่มขึ้นผื่น ตัวเริ่มคัน จึงเดินทางไปโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งใกล้บ้าน เนื่องจากหลานแอดมิทที่นี่ประจำ
และหมอรักษาดี จึงคิดว่ารักษาที่นี่น่าจะดี พอถึงโรงพยาบาล เราโดนส่งไปแผนกผิวหนัง ซึ่งเราก็ไปตามที่เจ้าที่บอก
พอได้พบหมอ หมอก็ถามว่าไปแพ้อะไรมา ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่รู้ว่าแพ้อะไร เลยบอกว่า “ไม่รู้ว่าแพ้อะไร” หมอบอกต้องรู้สิ
เราเลยงงว่าถ้ารู้ (กรู) จะมาไหม เราคุยกับหมอว่าเราเป็นภูมิแพ้นะ เราก็บรรยายให้หมอรู้ว่าเราเป็นอะไรยังไง ซึ่งคุยไปสักพัก
หมอบอกเอาสเตียรอยด์ กับ ยูเรียไปทา เราเลยบอกหมอว่า เราแพ้สเตียรอยด์นะ หมอบอกมันอ่อนไม่เป็นไร เราก็ไปรับยาอย่างงงๆ
แล้วกลับบ้านมาใช้ยา ไม่มียากินสักเม็ด หมดไป 1290 บาท ค่ายา 390 บาท นอกนั้นค่าหมอ และกลับมากินยาตัวเอง แล้วทายาตามหมอสั่ง
พอวันที่ 3 หน้าก็เริ่มบวม แดง เปล่งปลั่งดั่งมะเขือเทศ เนื่องจากเป็นไซนัสด้วย ไม่ไหวแล้ว ทั้งหน้าทั้งตัว เลยเดินทางไปโรงพยาบาล
เอกชนที่ใกล้ที่สุดอีกครั้ง โดนส่งไปแผนกผิวหนังอีกครั้ง แต่ไม่เจอหมอคนเดิม เจอหมอคนใหม่ และที่สำคัญหมอคนเดิมไม่บันทึก
ประวัติการรักษาเรา หมอคนใหม่เลยไม่รู้ข้อมูลใดๆเลย เราจึงต้องบรรยายอีกครั้งให้หมอฟัง แต่มันพีคตรงที่หมอบอกเราแพ้เครื่อง
สำอางกับสเปรย์จัดแต่งทรงผมสินะ คือเราบอกหมอว่าเราเป็นไซนัส หน้าเราเลยบวม หมอไม่ส่องโพรงจมูกเราเลย แต่บอกว่าแพ้
เครื่องสำอาง เราอยากจะบอกหมอว่า... เราไม่ได้แต่งหน้า ทำผมมา 4 ปีแล้ว เพราะเราเอาหลานมาเลี้ยง เราเป็นกราฟฟิคฟรีแลนซ์
นอกจากหน้าคอม กะเตียงนอน เราไม่เคยออกไปไหนเลย เราจึงขอร้องหมอว่า ช่วยฉีดยาให้เราหน่อย และให้ยากินเราด้วย
เราแพ้สเตียรอยด์ และแพ้เพนนิซิลินนะ กินแล้วจะขึ้นผื่น คลื่นไส้อาเจียน ถ้าโดสยาเยอะเราจะแน่นหน้าอก ตอนแรกหมอไม่ยอมฉีดให้
เราขอร้องอยู่ครึ่งชั่วโมง เพราะเราไม่ไหวแล้ว จึงยอมฉีดให้ และได้ยาเม็ดมากิน 10 เม็ด ซึ่งยานั้นก็คือเพนนิซิลินแบบอ่อน
ที่เราแพ้นั่นเองและสเตียรอยด์อีก 1 ขวดมาทา และเราก็แพ้มันอยู่ดี พร้อมกับได้ยาแก้แพ้มา 5 เม็ด หมดไป 1590 บาทจ้า
ค่ายา 615 บาท นอกนั้นค่าหมอ ตอนเราไปรับยาเราถามเภสัชกรว่า “นี่ยาเพนนิศิลินไม่ใช่หรอ เราแพ้นะ”
เภสัชบอกว่า “อ๋อ แบบอ่อนค่ะ ไม่เป็นไร เต็มที่ก็แค่ขึ้นผื่น” ในใจคิด “กรูเป็นลมพิษนะ จะให้ผื่นขึ้นอีกหรอ”
แล้วเราก็บอกเภสัชอีกว่า “เราแพ้สเตียรอยด์นะ ตัวที่แล้วยิ่งทายิ่งคัน ผิวเราไหม้เลยนะ” เภสัชบอกว่า “ตัวนี้ 0.1% ไม่แพ้หรอก”
คือเข้าใจป่ะว่าแพ้ กี่ % ก็แพ้ป่ะ แต่ก็เอาว่ะ เค้าเป็นหมอ เป็นเภสัช เราต้องเชื่อเค้า รับยากลับบ้าน กินยา ทายาอย่างเคร่งครัด
เพราะอยากหายแต่ยิ่งกิน ยิ่งทา ก็ยิ่งขึ้นยิ่งคัน
พอผ่านไป 4-5 วัน เราไม่ไหวแล้ว เราคันไปทั้งตัว ผมร่วง หน้าบวม ตัวมีแต่แผลที่เราเกา เพราะมันคันมาก เราหยุดยาที่หมอให้ทุกอย่าง
เส้นเลือดตามตัวเราเริ่มแตก เรามีอาการเส้นเลือดเปราะ ตัวเราเป็นจ้ำเลือด ขาเราไม่มีแรง เราปวดท้องน้อยมาก เราจึงเริ่มค้นหาข้อมูล
และผลวิจัยต่างๆ ทั้งต่างประเทศ และในประเทศ
[img]https://f.ptcdn.info/159/060/000/pga9na8tyyO8iX1hw32a-o.jpg[/img
จึงได้ความว่าเราแพ้วิตามินตัวที่เราซื้อมากินเพื่อให้นอนหลับ มีเอกสารการวิจัยพบว่ามันจะกระตุ้นภูมิแพ้ให้เป็นหนักขึ้นในบางรายบุคคล
ซึ่งผลข้างเคียงนี้พบได้น้อยมากๆ (และกรูคือผู้โชคดี) แต่ที่เราแพ้หนักขึ้นเพราะเพนนิซิลิน กับสเตียรอยด์ ที่เราได้แจ้งว่าแพ้ แต่ก็ยังได้มา
เราจึงตัดสินใจแล้วว่าเราจะกลับไปหาอาจารย์หมอที่รักษาเราประจำ ไม่ว่าจะต้องตื่นเช้าแค่ไหน ให้รอพบนานยันค่ำก็จะไป เพราะไม่มี
ใครรักษาเราได้นอกจากอาจารย์หมอท่านนี้อีกแล้ว เรื่องนี้จึงสอนให้รู้ว่าโรงพยาบาลจะแพงแค่ไหน ก็ใช่ว่าหมอจะเก่งทุกคน
นอกจากลมพิษจะไม่หาย ยังได้โรคเส้นเลือดเปราะมาเพิ่มด้วย และเภสัชกรขนาดคนป่วยแพ้ยา ก็ยังให้มาโดยไม่สนใจอะไร
ต่อไปจะไปรักษาที่ไหนต้องเลือกหมอที่รักษาดีๆ ไม่ควรเลือกที่โรงพยาบาล ไม่งั้นอาจได้โรคมาเพิ่ม อยากให้เคสเราเป็นกรณีศึกษานะ
จะได้ไม่มีใครพลาดแบบเรา โชคดีก็ไม่ตายแต่ได้โรคเพิ่ม โชคร้ายก็ตายไม่รู้ตัว
ปล. ที่เราไม่ได้ไปหาอาจารย์หมอแต่แรกเพราะอาจารย์หมออยู่ไกล และนางติสแตก จากที่เคยตรวจเอกชน อยู่ๆนางก็เลิกตรวจ
ไปตรวจแค่โรงพยาบาลรัฐที่หนึ่ง และที่สำคัญนางไม่ได้มาทุกวัน ต้องโทรถามว่ามาไหม เพื่อรีบไปรับบัตรคิว