สภาพอันย่ำแย่ของMNL48
ภาพของเด็กๆMNL48ทำให้เด็กผู้หญิงในฟิลิปปินส์ต่างรู้สึกอิจฉาที่ได้เห็นคนกลุ่มนี้วิ่งไล่ตามความฝันอย่างไม่ลดละ แต่ถ้าหากไม่มีกระโปรงที่พลิ้วไสวกับแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ฉายแสงลงมา จริงๆแล้วพวกเธอเป็นยังไงกันแน่??
สภาพแวดล้อมการทำงานอันย่ำแย่
เมมเบอร์ของMNL48ต้องทำงานหนักจนมีเวลานอนน้อยและต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำงานต่อจนไม่ได้ไปโรงเรียนแบบเด็กปกติทั่วไป ทางทีมงานได้จัดการเรียนทางเลือก (Alternative Learning System – ALS Classes) ให้กับเมมเบอร์ 1 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งเมมเบอร์เบอร์ของ MNL48 ส่วนใหญ่มีอายุ 15-18 ปี ซึ่งขัดกับกฏหมายกฎหมายของฟิลิปปินส์ภายใต้มาตรา 12-A ของรัฐบัญญัติ 7610 ที่ระบุว่า เยาวชนที่อายุ 15 ปีบริบูรณ์แต่ต่ำกว่า 18 ปีไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่ควรทำงานเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมถึงต้องเลิกงานตอน 4 ทุ่มและเริ่มงานในเวลา 6 โมงเช้าในวันถัดไป และภายใต้มาตรา 13 ในบัญญัติเดียวกันระบุว่า เยาวชนทุกคนควรได้รับการศึกษาทั้งในรูปแบบทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งถ้าหากมีการจ้างงานเยาชนที่ต่ำกว่า 18 ปีผู้จ้างควรให้ลูกจ้างเข้าถึงการศึกษาในระดับประถมและมัธยมเป็นอย่างน้อย
นอกจากนี้เมมเบอร์ยังต้องเผชิญรถตู้ประจำวงที่แอร์ไม่สามารถใช้งานได้ ถึงแม้อากาศจะร้อนแค่ไหนบนรถมีเพียงพัดลมตัวเดียวเท่านั้นที่ช่วยบรรเทาความร้อนได้ รวมถึงยังมีการสั่งห้ามไม่ให้เมมเบอร์ให้เปิดหน้าต่างรถอีกต่างหาก นอกจากนี้ทีมงานได้สั่งห้ามให้ผู้ปกครองไปส่งยังสถานที่ทำงานอีกด้วย
MNL48 รุ่นที่ 1
ยังไม่ได้เซ็นสัญญา
งานหลักของเมมเบอร์ MNL48 มีดังนี้
1.แสดงเธียเตอร์
2.ซ้อมร้องและเต้น
3.ถ่ายทำรายการของMNL48 และเดินสายโปรโมทรายการ
4.ถ่ายภาพลงไปในสินค้าของMNL48และเดินสายโปรโมทสินค้า
5.ไปเป็นแขกรับเชิญตามรายการต่างๆ
6.อัพเดตโซเชี่ยลมีเดีย
ถึงแม้งานจะหนักแค่ไหนแต่เมมเบอร์บางคนกลับไม่ได้รับสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ทำให้ทีมงานมีอำนาจเต็มที่ในการต่อรองกับเมมเบอร์ได้ สิ่งเดียวที่เมมเบอร์ได้รับตอบแทนคือเงินเดือน 15,000 เปโซ (ประมาณ 9 พันบาท) ซึ่งเซมบัตสึกับเด็กฝึก (เค็งคิวเซย์) จะได้เงินเดือนเท่ากัน ถึงแม้เซมบัตสึจะต้องทำงานมากกว่าและต้องแบกรับความกดดันที่มากกว่าก็ตาม แต่ว่าเซมบัตสึก็จะได้ผลประโยชน์อย่างอื่นแทนไม่ว่าจะในรูปแบบของเงินหรืออย่างอื่นที่นอกเหนือจากเงิน งผลประโยชน์ต่างๆทางทีมงานจะเป็นผู้จัดสรรให้ โดยห้ามมีการต่อรอง ใครที่เรียกร้องมากไปอาจจะไม่ได้รับสัญญาหรืออาจจะไม่ได้ต่อสัญญาในอนาคตอีกด้วย เมื่อไม่นานมานี้มีเมมบอร์ถูกตำหนิจากทีมงานอย่างหนักเรื่องการไปร่วมงานไอดอลโดยไม่ได้ขออนุญาต นอกจากนี้การที่ทางทีมงานไม่มอบสัญญา ทำให้เมมเบอร์ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานที่ควรได้ เช่น ประกันสุขภาพและประกันสังคม
ปล.จนบัดนี้คามิ 7 ของวงที่ทีมงานสัญญาว่าจะได้ไปฝึกที่ญี่ปุ่นก็ยังไม่ได้ไปไหนและยังไม่มีคำตอบจากทีมงาน
คอนเท้นบนยูทูปของMNL48
เบื้องหลังรอยยิ้ม
เหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้เมมเบอร์บางคนรู้สึกเครียด ท้อใจ และเริ่มจบการศึกษาออกไป ตั้งแต่มีการเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมามีเมมเบอร์ประกาศจบการศึกษาไปแล้ว 5 คน ซึ่งมีเมมเบอร์ระดับคามิ 7 ที่จบการศึกษาไปถึง 2 คน ส่วนเมมเบอร์ที่เหลือกล่าวถึงเหตุผลในการจบการศึกษาว่ารู้สึกถึงการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันของทีมงาน อดีตเด็กฝึกคนนึงกล่าวว่าการที่เธอได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นเมมเบอร์อย่างเป็นทางการ (Official Member)นับว่าเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ เนื่องจากเธอได้ค่าตอบแทนเพิ่มเพียงน้อยนิดหากเทียบกับความพยายามของเธอ
ถึงเวลารึยังที่เราจะมาคิดทบทวนถึงจุดยืนของพวกเรา บางทีนี่คงเป็นโอกาศที่ดีที่เราจะได้ถามตัวเองเรารักโอชิของเรามากแค่ไหน? เริ่มรู้สึกตัวหรือเริ่มสงสารเด็กๆพวกนี้ได้รึยัง? พวกเรากำลังสนับสนุนให้เด็กๆไล่ตามความฝันหรือว่ากำลังสนับสนุนฝันร้ายให้ดำเนินต่อไป? สถานการณ์มันก็เป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ แฟนๆอย่างเราล่ะจะเอายังไงต่อไป
คามิ7ของMNL48 คนที่จบการศึกษาคือ Zen (แถวแรก คนที่สองจากซ้ายมือ) และ Trixie (แถวสอง ขวาสุด)
ที่มาจาก
https://medium.com/@padua.mikah/the-sorry-state-of-mnl48-girls-19cc87a050df
(บทความแปล) สภาพอันย่ำแย่ของMNL48
ภาพของเด็กๆMNL48ทำให้เด็กผู้หญิงในฟิลิปปินส์ต่างรู้สึกอิจฉาที่ได้เห็นคนกลุ่มนี้วิ่งไล่ตามความฝันอย่างไม่ลดละ แต่ถ้าหากไม่มีกระโปรงที่พลิ้วไสวกับแสงไฟสปอร์ตไลท์ที่ฉายแสงลงมา จริงๆแล้วพวกเธอเป็นยังไงกันแน่??
สภาพแวดล้อมการทำงานอันย่ำแย่
เมมเบอร์ของMNL48ต้องทำงานหนักจนมีเวลานอนน้อยและต้องตื่นแต่เช้าเพื่อทำงานต่อจนไม่ได้ไปโรงเรียนแบบเด็กปกติทั่วไป ทางทีมงานได้จัดการเรียนทางเลือก (Alternative Learning System – ALS Classes) ให้กับเมมเบอร์ 1 วันต่อสัปดาห์ ครั้งละ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งเมมเบอร์เบอร์ของ MNL48 ส่วนใหญ่มีอายุ 15-18 ปี ซึ่งขัดกับกฏหมายกฎหมายของฟิลิปปินส์ภายใต้มาตรา 12-A ของรัฐบัญญัติ 7610 ที่ระบุว่า เยาวชนที่อายุ 15 ปีบริบูรณ์แต่ต่ำกว่า 18 ปีไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน และไม่ควรทำงานเกิน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมถึงต้องเลิกงานตอน 4 ทุ่มและเริ่มงานในเวลา 6 โมงเช้าในวันถัดไป และภายใต้มาตรา 13 ในบัญญัติเดียวกันระบุว่า เยาวชนทุกคนควรได้รับการศึกษาทั้งในรูปแบบทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งถ้าหากมีการจ้างงานเยาชนที่ต่ำกว่า 18 ปีผู้จ้างควรให้ลูกจ้างเข้าถึงการศึกษาในระดับประถมและมัธยมเป็นอย่างน้อย
นอกจากนี้เมมเบอร์ยังต้องเผชิญรถตู้ประจำวงที่แอร์ไม่สามารถใช้งานได้ ถึงแม้อากาศจะร้อนแค่ไหนบนรถมีเพียงพัดลมตัวเดียวเท่านั้นที่ช่วยบรรเทาความร้อนได้ รวมถึงยังมีการสั่งห้ามไม่ให้เมมเบอร์ให้เปิดหน้าต่างรถอีกต่างหาก นอกจากนี้ทีมงานได้สั่งห้ามให้ผู้ปกครองไปส่งยังสถานที่ทำงานอีกด้วย
ยังไม่ได้เซ็นสัญญา
งานหลักของเมมเบอร์ MNL48 มีดังนี้
1.แสดงเธียเตอร์
2.ซ้อมร้องและเต้น
3.ถ่ายทำรายการของMNL48 และเดินสายโปรโมทรายการ
4.ถ่ายภาพลงไปในสินค้าของMNL48และเดินสายโปรโมทสินค้า
5.ไปเป็นแขกรับเชิญตามรายการต่างๆ
6.อัพเดตโซเชี่ยลมีเดีย
ถึงแม้งานจะหนักแค่ไหนแต่เมมเบอร์บางคนกลับไม่ได้รับสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ทำให้ทีมงานมีอำนาจเต็มที่ในการต่อรองกับเมมเบอร์ได้ สิ่งเดียวที่เมมเบอร์ได้รับตอบแทนคือเงินเดือน 15,000 เปโซ (ประมาณ 9 พันบาท) ซึ่งเซมบัตสึกับเด็กฝึก (เค็งคิวเซย์) จะได้เงินเดือนเท่ากัน ถึงแม้เซมบัตสึจะต้องทำงานมากกว่าและต้องแบกรับความกดดันที่มากกว่าก็ตาม แต่ว่าเซมบัตสึก็จะได้ผลประโยชน์อย่างอื่นแทนไม่ว่าจะในรูปแบบของเงินหรืออย่างอื่นที่นอกเหนือจากเงิน งผลประโยชน์ต่างๆทางทีมงานจะเป็นผู้จัดสรรให้ โดยห้ามมีการต่อรอง ใครที่เรียกร้องมากไปอาจจะไม่ได้รับสัญญาหรืออาจจะไม่ได้ต่อสัญญาในอนาคตอีกด้วย เมื่อไม่นานมานี้มีเมมบอร์ถูกตำหนิจากทีมงานอย่างหนักเรื่องการไปร่วมงานไอดอลโดยไม่ได้ขออนุญาต นอกจากนี้การที่ทางทีมงานไม่มอบสัญญา ทำให้เมมเบอร์ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ขั้นพื้นฐานที่ควรได้ เช่น ประกันสุขภาพและประกันสังคม
ปล.จนบัดนี้คามิ 7 ของวงที่ทีมงานสัญญาว่าจะได้ไปฝึกที่ญี่ปุ่นก็ยังไม่ได้ไปไหนและยังไม่มีคำตอบจากทีมงาน
เบื้องหลังรอยยิ้ม
เหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้เมมเบอร์บางคนรู้สึกเครียด ท้อใจ และเริ่มจบการศึกษาออกไป ตั้งแต่มีการเลือกตั้งเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมามีเมมเบอร์ประกาศจบการศึกษาไปแล้ว 5 คน ซึ่งมีเมมเบอร์ระดับคามิ 7 ที่จบการศึกษาไปถึง 2 คน ส่วนเมมเบอร์ที่เหลือกล่าวถึงเหตุผลในการจบการศึกษาว่ารู้สึกถึงการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมกันของทีมงาน อดีตเด็กฝึกคนนึงกล่าวว่าการที่เธอได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นเมมเบอร์อย่างเป็นทางการ (Official Member)นับว่าเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ เนื่องจากเธอได้ค่าตอบแทนเพิ่มเพียงน้อยนิดหากเทียบกับความพยายามของเธอ
ถึงเวลารึยังที่เราจะมาคิดทบทวนถึงจุดยืนของพวกเรา บางทีนี่คงเป็นโอกาศที่ดีที่เราจะได้ถามตัวเองเรารักโอชิของเรามากแค่ไหน? เริ่มรู้สึกตัวหรือเริ่มสงสารเด็กๆพวกนี้ได้รึยัง? พวกเรากำลังสนับสนุนให้เด็กๆไล่ตามความฝันหรือว่ากำลังสนับสนุนฝันร้ายให้ดำเนินต่อไป? สถานการณ์มันก็เป็นอย่างที่เห็นเนี่ยแหละ แฟนๆอย่างเราล่ะจะเอายังไงต่อไป
ที่มาจาก https://medium.com/@padua.mikah/the-sorry-state-of-mnl48-girls-19cc87a050df