เหตุการณ์ 9/11 จัดฉาก ทฤษฎีสมคบคิด ??? ภาค 3

ภาคแรก https://ppantip.com/topic/37902237
ภาคสอง https://ppantip.com/topic/38077147

สวัสดีเพื่อนๆชาว pantip ทุกท่าน วันนี้เราเดินทางมาถึงภาค 3 กันแล้ว
วันนี้ผมจะมาถอดและแปลคลิปของคุณ Richard Gage ที่บรรยายการถล่มของตึก ในเหตุการณ์ 9/11
ซึ่งหลักฐานจากคลิปนี้ อาจจะเชื่อได้ว่ามีผู้ไม่หวังดีแอบวางระเบิดไว้ในตึกล่วงหน้าทุกชั้น

อาจจะยาวสักหน่อยแต่ก็อยากให้ทุกท่านอ่านให้จบ งั้นเรามาเริ่มกันเลย

The 9/11 Building Collapse | Richard Gage
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
18:33 Professor Jonathan Barnett จาก Worcester Polytechnic Institute
          มีประสบการณ์เป็นวิศวกรด้านป้องกันไฟไหม้ เป็นเวลา 20 ปี
          I have not seen a protected steel structure collapse in a fire.
          ผมไม่เคยเห็นโครงสร้างเหล็กถล่มเพราะไฟไหม้

19:09 Flame-Engulfed Steel-Frame High-Rises Do Not Collapse
          ภาพตึก Steel-Frame High-Rises หลายตึกในอดีตที่ถูกไฟไหม้
          แต่ไม่ถล่มลงมา (ไม่เหมือนตึก WTC ที่ถล่มลงมา)
- ตึกแรกถูกไฟไหม้ 3.5 ชั่วโมง
- ตึกที่สองถูกไฟไหม้ 18 ชั่วโมง
- ตึกที่สามถูกไฟไหม้ 17 ชั่วโมง
         ไม่มีตึก Steel-Frame High-Rises ตึกไหนเลยที่พังลงมาจากไฟไหม้
          และไม่เคยมีตึกสูงที่พังลงมาเพราะไฟไหม้

19:27 ผู้บรรยาย ยกตัวอย่างตึกที่พังลงมา แต่พังลงมาเพราะสาเหตุอื่น นั้นก็คือแผ่นดินไหว

20:42 ผู้บรรยาย ยกตัวอย่างตึกที่พังลงมาแบบ symmetric (สมมาตร)
          ที่เกิดจากวิธี controlled demolition (ไฟไหม้ไม่สามารถทำแบบนี้ได้)

25:48 และ 27:12
          เป็นภาพการถล่มของตึก WTC7 ที่มีลักษณะการถล่มคล้าย controlled demolition

28:10 เป็นภาพตึก WTC7 ไฟไหม้ มีไฟไหม้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

31:53 ภาพเปรียบเทียบระหว่าง NIST animation vs Reality
          NIST คือ หน่วยงานที่บอกว่าตึก WTC7 ถล่ม เพราะไฟไหม้
          แต่ภาพเปรียบของ NIST กับ การถล่มของตึก WTC7 กลับไม่สอดคล้องกัน
          แถม NIST ไม่ยอมโชว์ภาพการถล่มจนจบ (animation)
          โชว์แค่ 2 วินาที

33:17 David Chandler ศาตราจารย์ด้านฟิสิกส์
          กราฟโชว์ว่า ลักษณะการถล่มของตึก WTC7 เป็นแบบ free fall

40:14 Danny Jowenko Top European Controlled Demolitions Expert
          ชาวเนเธอร์แลนด์ ผู้มีประสบการณ์ 27 ปี ในงาน Controlled Demolitions
          ยืนยันว่า ตึก WTC7 ถล่มลงมาเพราะระเบิดโดยวิธี Controlled Demolition

42:25 BBC รายงานการถล่มของตึก WTC7 ก่อนตึกถล่ม 20 นาที

51:34 ผู้เชี่ยวชาญพบหลักฐานที่เชื่อได้ว่า ระเบิด Thermite มีส่วนในการถล่มของตึก WTC

1:03:21 เจ้าหน้าที่และคนที่อยู่ในเหตุการณ์หลายคน ยืนยันว่าได้ยินเสียงระเบิด

1:04:13 เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์คิดว่ามีการวางระเบิดในตึกล่วงหน้า

1:04:52 คนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินเสียงระเบิดดังรัวๆเหมือนปืนกล ตอนตึกถล่ม

1:06:34 เจ้าหน้าที่ตำรวจและนักดับเพลิงในที่เกิดเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่าได้ยินเสียงระเบิดไล่ลงมาเป็นชั้นๆ

1:08:05 การถล่มของตึก WTC1 ขัดกับหลักฟิสิกส์

1:09:00 ส่วนบน(ยอด)ของตึก WTC1 ถล่มลงมาก่อน
           ในขณะที่ส่วนที่ถูกไฟไหม้หนักๆ กลับไม่มีการขยับ ในช่วงเสี้ยววินาทีแรก

1:09:20 ส่วนบน(ยอด)ของตึก WTC1 ถล่มลงมาก่อน
           ในขณะที่ส่วนที่ถูกไฟไหม้หนักๆ กลับไม่มีการขยับ ในช่วงเสี้ยววินาทีแรก

1:10:20 เป็นภาพการถล่มของตึก WTC 1 (North Tower)
           เห็นการระเบิดเป็นชั้นๆไล่ลงมา ค่อนข้างชัดเจน

1:10:57 ภาพ ตึก WTC2 ถล่ม โดยยอดตึกเอียง 22 องศา

1:11:22 ภาพ ตึก WTC2 ถล่มลงมาแบบ symmetric (สมมาตร)
           เท่ากันทั้ง 4 ด้าน (ทั้งๆที่ตึกถล่มโดยยอดตึกเอียง 22 องศา) (ไฟไหม้ทำแบบนั้นได้ไหม?)
           นี่คือการถล่มของตึกหรือการระเบิดเป็นชุดๆของวัตถุระเบิดนับร้อยๆลูก

1:13:25 ภาพตึก WTC2 มีการระเบิดล่วงหน้าบางจุด ก่อนการถล่มจากชั้นบนจะมาถึง
           ห่างกันถึง 20, 40 และ 60 ชั้น จากชั้นด้านบน

1:13:40 ภาพตึก WTC2 มีการระเบิดล่วงหน้าบางจุด ก่อนการถล่มจากชั้นบนจะมาถึง

1:12:23 ภาพยอดตึก WTC2 เห็นควันจากแรงระเบิดพุ่งออกมาจากตัวตึกหลายจุดพร้อมกัน

1:14:50 David Chandler ศาตราจารย์ด้านฟิสิกส์
           โชว์หลักฐานว่า การประทุที่พุ่งออกมาจากตัวตึกเป็นความเร็วจากวัตถุระเบิด
การประทุจุดแรกพุ่งออกมาด้วยความเร็ว 44.98 เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 100 ไมล์ต่อขั่วโมง (160.9 กิโลเมตร)
การประทุจุดที่สองพุ่งออกมาด้วยความเร็ว 56.3 เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 126 ไมล์ต่อขั่วโมง (202.77 กิโลเมตร)
เป็นความเร็วของวัตถุระเบิดไม่ใช่แรงดันอากาศจากการถล่มของตึกปกติ

1:15:42 ภาพตึก WTC2 ถล่มแบบ free fall speed โดยไม่มีแรงต้านจากด้านล่าง (no resistance)

1:18:14 ภาพเปรียบเทียบการถล่มของตึก WTC1 กับ ตึกที่ถล่มแบบปกติ(ตามแรงโน้มถ่วงของโลก)
ซากการถล่มของตึก WTC1 ไม่มีพื้นชั้นของตึกหลงเหลืออยู่เลยแม้แต่ชั้นเดียว ไม่เหมือนกับตึกที่นำมาเปรียบเทียบ

1:18:48 concrete 90,000 ตัน ของทั้ง 2 ตึก หายไปกลางอากาศ(ถูกบดขยี้ ทำลาย)

1:19:00 เศษ concrete ที่ถูกบดขยี้ ทำลายจนกลายเป็นฝุ่นเมฆ (100 micron particles)
           เป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อ (take an incredible force all by itself)
           (แรงจากการถล่มปกติไม่น่าจะทำแบบนั้นได้)

1:19:10 ภาพเศษ concrete 180,000 ตัน ที่ถูกป่นทำลายเป็นฝุ่นผง
           กระจัดกระจายไปทั่ว Downtown ใน Manhattan

1:19:51 ในซากตึก office building ที่มีความสูงรวมกันถึง 210 ชั้น
           แต่กลับไม่พบ โต๊ะทำงาน เก้าอี้ โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์
           พบเพียงชิ้นส่วนเล็กๆของโทรศัพท์
           ตึกถล่มลงมาเป็นผงธุลี (the building collapsed to dust)

1:20:46 ในตึก WTC มีตู้เหล็กเก็บเอกสาร (steel file cabinets) เป็นหมื่นตู้
           แต่หลังจากการถล่มของตึก WTC กลับพบเพียงชิ้นส่วนเล็กๆเพียงชิ้นเดียว

1:27:25 พยานเห็นเหล็กละลาย (molten steel)
1:28:43 เหล็กจะละลายที่ประมาณ 1,500 องศาเซลเซียส
           ไฟไหม้ที่ตึก WTC มีความร้อนแค่ประมาณ 650 องศาเซลเซียส บวกลบไม่มาก
           ไม่มีตึก WTC ตึกไหนที่ถูกไฟไหม้จนถึงระดับความร้อน 1,500 องศาเซลเซียส

ผู้บรรยายพูดถึงสารเคมี Thermite เมื่อมีการสันดาป จะมีระดับความร้อนสูงมากกว่า 2,500 องศาเซลเซียส


1:29:20 เทปการบรรยายสาร Thermite ที่ใช้ในกองทัพ
           Thermite เมื่อมีการสันดาป จะมีความร้อนมากเพียงพอในการทำให้เหล็กละลาย
           เหมือนเหล็กที่ละลายในตึก WTC

1:32:38 ภาพเสาเหล็กจากซากตึก WTC7 ที่โดนตัดขาดจากความร้อน
           Thermite ถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เสาเหล็กของตึก WTC7 ขาด
           (เพราะไฟไหม้ตึกปกติไม่สามารถทำได้)

1:37:11 พบชิ้นส่วน ที่มีสาร thermite จากซากตึก WTC

1:40:11 หลักฐานที่พบ วัตถุระเบิดที่ใช้อาจจะถึงขั้น
           super thermite (nano thermite)


ก็จบกันไปแล้วสำหรับการนำเสนอข้อมูลในครั้งที่ 3 นี้ อาจจะยาวไปสักหน่อย
เพื่อนๆชาว pantip มีความคิดเห็นอย่างไรก็สามารถ comment ได้ตามอัธยาศัยครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่