สวัสดีค่ะ กลับมาแล้วอีกครั้งกับการรีวิว “สักครั้งหนึ่งขอให้ได้ไป Maldives” ประเทศที่ 19 ของเราเอง
Maldives คงเป็นประเทศในลิสต์ของใครหลายคน เกาะเล็ก ๆแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล การนอนชิวชิวอยุ่ที่รีสอร์ท ท่ามกลางน้ำทะเลสีฟ้าสดใส ปลาเล็กปลาน้อยและฉลามตัวเล็กว่ายน้ำแวะมาทักทาย อะไรจะฟินเว่อร์ขนาดนี้
ทริปนี้เราไป 4 วัน 3 คืน ราคารวมทุกอย่างแล้ว ตกที่คนละ 30000 บาท จริง ๆ แล้ว Maldives ไม่ได้แพงอย่างที่คิดนะ ทุกคนสามารถไปได้และทำให้ราคาถูกลงกว่านี้ได้อีก เช่น เลือกไปหน้า low season เลือกพักห้องชายหาด อาหารเลือก package แบบถูกลง หรือจะเลือกพักที่รีสอร์ทจำนวนวันน้อยลง แล้วไปพักที่ตัวเมือง Male น้ำทะเลก็สีฟ้าสวยใสเช่นเดียวกันไม่แพ้ตามรีสอร์ทเลย
สำหรับรีวิวทริปก่อนหน้าติดตามได้ที่ :
[CR] WildItaly ลุยธรรมชาติบนเส้นทาง Tuscany และ Dolomites :
https://ppantip.com/topic/37835204
1. สายการบิน
การไป Maldives มีสายการบินให้เลือกทั้งแบบบินตรง หรือจะเลือกไปแบบ transit ครั้งนี้เราเลือกไปกับสายการ AirAisa ซึ่งเป็นบินตรง และยังมีราคาโปรโมชั่นออกมาให้ตื่นตาตื่นใจอยุ่เรื่อยๆ รวมถึงเวลาไปถึง Male และกลับจาก Male เวลาดูลงตัวมาก คือไปถึง Maldives เที่ยง และขากลับออกจาก Male เที่ยงถึงไทยไม่ค่ำจนเกินไป (ในกรณีที่สายการบินไม่เปลี่ยนแปลงเวลานะ)
2. ฤดูกาล
จริงๆ แล้ว Maldives สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ช่วง low season ( พฤษภาคม - ตุลาคม ) จะราคาถูกที่สุด แต่อาจจะเจอฝนตกบ้าง แต่เค้าบอกมาว่าฝนที่ Maldives ถ้าตกจะตกไม่นาน และไม่หนัก หลังจากฝนตกน้ำก็ยังคงฟ้าใสเหมือนเดิม เราเลือกไปช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นหน้า low ไปมา 4 วัน ไม่เจอฝนเลย แดดเปรี้ยง น้ำสีฟ้าสดใส ค่าใช้จ่ายก็ถูกลง และคนไม่เยอะ สงบมาก
ส่วนช่วง high season (พฤศจิกายน – เมษายน) เป็นช่วงที่น่าเที่ยวสุด แต่ราคาค่อนข้างสูง
3. ออกเดินทางไป Maldives
การเดินทางครั้งนี้ เราเลือกพักที่ Thulhagiri Island Resort เป็นรีสอร์ทระดับ 4 ดาว ราคาไม่แพงจนเกินไป และอยุ่ไม่ไกลจากตัวเมือง Male นั่งเครื่องบินมา 4 ชม ก็ถึงสนามบินเมือง Male แล้ว หลังจากตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าเรียบร้อย ออกมาปุ๊บ ก็จะเจอ counter ของแต่ละรีสอร์ทเรียงรายอยุ่ตรงทางออก สำหรับ Thulhagiri Island Resort ก็มุ่งตรงไปยัง counter 15 ได้เลยค่ะ หลังจากนัดแนะกับทางเจ้าหน้าที่รีสอร์ทก่อนออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่พาเราไปขึ้นเรือ speed boat ที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้
สำหรับคนที่ต้องการ sim internet สามารถหาซื้อได้ที่สนามบิน หลังจากออกมาจากตรงรับกระเป๋า ให้เลี้ยวขวาและเดินออกมาไม่ไกล จะมีอยุ่ 2 เจ้า คือ Ooredoo และ Dhiraagu ไม่แน่ใจว่าแต่ละเจ้าสัญญาณเป็นยังไง เพราะครั้งนี้เราไม่ได้ซื้อ เราใช้ wifi ที่ทาง resort มีให้ แต่สัญญาณก็จะติดๆดับๆบ้าง แต่พอใช้ได้อยุ่ค่ะ
หลังจากเดินออกมาจากสนามบิน ข้างหน้าก็จะเป็นท่าเรือ สำหรับเดินทางไปตามรีสอร์ทต่างๆ แค่ตรงจุดนี้น้ำทะเลก็ฟ้าใสมากเลย หลังจากนั้นก็ขึ้น speed boat ไปยัง Thulhagiri Island Resort ระยะทางไม่ไกลจากฝั่ง ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 15-20 นาที
ในที่สุด ก็มาถึงแล้ววววววววว Thulhagiri Island Resort
ห้องพักที่นี้มีทั้งแบบบังกะโลกลางน้ำ และห้องพักหน้าชายหาด แต่มาถึง Maldives ทั้งที เราก็ไม่พลาดที่จะเลือกจองห้องพักแบบกลางน้ำมา ฟินเฟ่อร์มากกกก แต่หลังจากเดินสำรวจและอยุ่มา 4 วันแล้ว พบว่าห้องหน้าชายหาด ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลย วิวตอนพระอาทิตย์ตกหน้าชายหาด ดีเว่อร์วังมากกกกคะ และราคาก็ถูกกว่าด้วย และช่วงที่เราไปน้ำตรงห้องบังกะโลกลางน้ำค่อนข้างแรง เลยต้องออกไปดำน้ำตรงหน้าชายหาดซะส่วนใหญ่
ห้องพักแบบบังกะโลกลางน้ำ ภายในห้องพักก็จะประมาณนี้ค่ะ วิวตรงระเบียงดีมาก มองลงไปน้ำใสแจ๋ว ตอนเช้าตรู่ จะมีปลาตัวใหญ่ว่ายมาเต็มเลยใต้ห้องพักมองดูจากโต๊ะใสที่มองลงไปเห็นน้ำทะเล เพลินเลย
ส่วนห้องอาบน้ำมีอ่างน้ำให้นอนแช่ฟองสบู่กันแบบเพลินๆไปเลย มองออกไปเห็นวิวทะเล และท้องฟ้า
ส่วนห้องพักหน้าชายหาดจะเป็นแบบนี้ค่ะ มีสระว่ายน้ำอยุ่หน้าห้องพักด้วย ห้องพักหน้าชายหาดจะมีค่อนข้างเยอะรอบเกาะ โดยเฉพาะฝั่งด้านที่พระอาทิตย์ตกดิน จะได้บรรยากาศมาก
อาหารที่รีสอร์ทจะมีเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ มีอาหารหลากหลายเชื้อชาติ จะคิดราคาเป็น package ให้เลือกตั้งแต่ตอนจองที่พักแล้ว ซึ่งราคาแต่ละ package ก็จะแตกต่างกันไป มาดูความหมายของแต่ละ package กัน (ในห้องพักจะมีบริการน้ำเปล่าให้แต่ละวันอยุ่แล้วสำหรับผู้เข้าพัก)
All Inclusive = อาหารเช้า + กลางวัน + เย็น + เครื่องดื่ม
Full Board = อาหารเช้า + กลางวัน + เย็น (ไม่รวมเครื่องดื่ม)
Half Board = อาหารเช้า + เย็น // อาหารเช้า + กลางวัน (ขึ้นอยู่กับแต่ละรีสอร์ท)
Bed & Breakfast = อาหารเช้า
เมื่อไปถึงห้องอาหารจะมีหลายโซน แต่ละห้องก็จะมีโต๊ะประจำเวลานั่งกินอาหารตามเลขที่ห้องพัก ทุกวันทุกมื้อก็จะนั่งโต๊ะเดิมตลอด และสังเกตเห็นว่าพนักงานที่รีสอร์ทเป็นผู้ชายหมดเลย และที่สำคัญบริการดีเยี่ยม ยิ้มแย้มแจ่มใสมาก ดูแลดี ประทับใจค่ะ
ส่วนอาหารของทางรีสอร์ท รสชาติรวมๆก็กลางๆ บางอย่างก็อร่อย บางอย่างก็เฉยๆ
นี่คือหน้าตาอาหารที่รู้สึกว่าอร่อยยยยยยยย ตักกินหลายรอบเลย ฮ่าๆ
ส่วนต่อไปจะพาไปสำรวจรอบรีสอร์ทกัน ชีวิต 4 วัน 3 คืน บนเกาะแห่งนี้ ถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง ใช้ชีวิตแบบ slow life แบบสุดสุด เดินเล่นรอบเกาะถ่ายรูป นอนอ่านหนังสือชิวชิว ดำน้ำดูปะการัง กินนอน กับบรรยากาศที่แบบสงบมาก และน้ำทะเลใสฟ้าอ่อนสวยงามที่สุด
ตรงนี้คือสะพานไม้ที่ยื่นไปตามทางเดินบ้านพักบังกะโลกลางน้ำ น้ำทะเลสีฟ้าใสปะทะกับท้องฟ้า วิวนี้เริ่ดไปเลยค่ะ มุมมหาชนของทุกคนเลยก็ว่าได้
ถัดมาจากสะพานไม้ก็จะเจอกับสถานที่สปา ใครนิยมพักผ่อนด้วยการสปา ต้องไม่พลาดที่จะเดินเข้าไปใช้บริการค่ะ แต่จะไม่รวมอยุ่ใน package ที่จองมานะคะ ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเอง
ส่วนตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่ชอบมาก มานั่งเล่นถ่ายรูป นั่งอ่านหนังสือ ฟังเสียงคลื่นตรงนี้หลายรอบ มุมโปรดเลยคะ เดินเลยจากตรงโซนกินอาหารก็จะเจอเลย ฉากหลังก็จะเห็นที่พักบังกะโลยื่นออกไปกลางทะเล และขณะที่กำลังนั่งเพลินๆ ก็มีนกอะไรไม่รุ้บินมาเป็นนางแบบให้พอดีเลย ชิวดีจังเลย
ตรงจุดนี้ จะมีบริการสำหรับทำกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งไม่ได้รวมอยุ่ใน package ตอนจองมา ไม่ว่าจะเป็น scuba diving, ขี่ jetski, พายเรือคายัค, ตกปลา และอีกมากมาย
เดินต่อไปจากจุดนี้ ก็จะเป็นหน้าชายหาดที่มีพื่นที่โล่งและกว้างมาก เป็นแนวยาวสำหรับดำน้ำดูปะการังตรงพื้นที่หน้าชายหาด คนนิยมมานอนอาบแดดตรงบริเวณนี้ อ่านหนังสือ จุดนี้บ้านพักแบบชายหาดจะวิวดีที่สุด โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ ชอบมากกกกกก
ส่วนใครที่ชอบดำน้ำ snorkel แล้ว สามารถดำน้ำได้ตลอดหน้าชายหาดเลย ซึ่งมีแนวปะการังสวยงามตลอดเป็นแนวยาว ไม่ต้องนั่งเรือออกไปกลางทะเล หรือจะดำน้ำจากตรงที่พักตรงบังกะโลกลางน้ำก็ได้ ถ้าโชคดีก็จะเจอฉลามตัวเล็กว่ายมาทักทายด้วยนะ
และสิ่งที่ไม่ควรพลาดเลย แสงสุดท้ายก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แสงสีส้มอ่อนกลางเกาะ ชั่งอ่อนหวานและมีเสน่ห์มากมาย เราเรียกช่วงนี้ว่า “Magic hours”
ส่วนตอนกลางคืนที่ห้องพัก ลองมองขึ้นฟ้าไป จะพบเจอดาวมาส่งยิ้มอยุ่เต็มท้องฟ้าเยอะมาก
ขอจบการรีวิวทริป “สักครั้งหนึ่งขอให้ได้ไป Maldives” แต่เพียงเท่านี้
หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ทีสนใจไม่มากก็น้อย
และสำหรับเพื่อนคนไหนที่มีคำถามสงสัย สามารถ comment ตอบกลับมาได้เลย ยินดีช่วยเหลือค่ะ
หรือจะทักมาพูดคุยกันได้ที่
แล้วเจอกันสักที่บนโลกใบนี้นะคะ
[CR] สักครั้งหนึ่งขอให้ได้ไป Maldives
Maldives คงเป็นประเทศในลิสต์ของใครหลายคน เกาะเล็ก ๆแห่งนี้เต็มไปด้วยเสน่ห์ชวนน่าหลงใหล การนอนชิวชิวอยุ่ที่รีสอร์ท ท่ามกลางน้ำทะเลสีฟ้าสดใส ปลาเล็กปลาน้อยและฉลามตัวเล็กว่ายน้ำแวะมาทักทาย อะไรจะฟินเว่อร์ขนาดนี้
ทริปนี้เราไป 4 วัน 3 คืน ราคารวมทุกอย่างแล้ว ตกที่คนละ 30000 บาท จริง ๆ แล้ว Maldives ไม่ได้แพงอย่างที่คิดนะ ทุกคนสามารถไปได้และทำให้ราคาถูกลงกว่านี้ได้อีก เช่น เลือกไปหน้า low season เลือกพักห้องชายหาด อาหารเลือก package แบบถูกลง หรือจะเลือกพักที่รีสอร์ทจำนวนวันน้อยลง แล้วไปพักที่ตัวเมือง Male น้ำทะเลก็สีฟ้าสวยใสเช่นเดียวกันไม่แพ้ตามรีสอร์ทเลย
สำหรับรีวิวทริปก่อนหน้าติดตามได้ที่ :
[CR] WildItaly ลุยธรรมชาติบนเส้นทาง Tuscany และ Dolomites : https://ppantip.com/topic/37835204
1. สายการบิน
การไป Maldives มีสายการบินให้เลือกทั้งแบบบินตรง หรือจะเลือกไปแบบ transit ครั้งนี้เราเลือกไปกับสายการ AirAisa ซึ่งเป็นบินตรง และยังมีราคาโปรโมชั่นออกมาให้ตื่นตาตื่นใจอยุ่เรื่อยๆ รวมถึงเวลาไปถึง Male และกลับจาก Male เวลาดูลงตัวมาก คือไปถึง Maldives เที่ยง และขากลับออกจาก Male เที่ยงถึงไทยไม่ค่ำจนเกินไป (ในกรณีที่สายการบินไม่เปลี่ยนแปลงเวลานะ)
2. ฤดูกาล
จริงๆ แล้ว Maldives สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี
ช่วง low season ( พฤษภาคม - ตุลาคม ) จะราคาถูกที่สุด แต่อาจจะเจอฝนตกบ้าง แต่เค้าบอกมาว่าฝนที่ Maldives ถ้าตกจะตกไม่นาน และไม่หนัก หลังจากฝนตกน้ำก็ยังคงฟ้าใสเหมือนเดิม เราเลือกไปช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเป็นหน้า low ไปมา 4 วัน ไม่เจอฝนเลย แดดเปรี้ยง น้ำสีฟ้าสดใส ค่าใช้จ่ายก็ถูกลง และคนไม่เยอะ สงบมาก
ส่วนช่วง high season (พฤศจิกายน – เมษายน) เป็นช่วงที่น่าเที่ยวสุด แต่ราคาค่อนข้างสูง
3. ออกเดินทางไป Maldives
การเดินทางครั้งนี้ เราเลือกพักที่ Thulhagiri Island Resort เป็นรีสอร์ทระดับ 4 ดาว ราคาไม่แพงจนเกินไป และอยุ่ไม่ไกลจากตัวเมือง Male นั่งเครื่องบินมา 4 ชม ก็ถึงสนามบินเมือง Male แล้ว หลังจากตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าเรียบร้อย ออกมาปุ๊บ ก็จะเจอ counter ของแต่ละรีสอร์ทเรียงรายอยุ่ตรงทางออก สำหรับ Thulhagiri Island Resort ก็มุ่งตรงไปยัง counter 15 ได้เลยค่ะ หลังจากนัดแนะกับทางเจ้าหน้าที่รีสอร์ทก่อนออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว จะมีเจ้าหน้าที่พาเราไปขึ้นเรือ speed boat ที่ทางรีสอร์ทจัดไว้ให้
สำหรับคนที่ต้องการ sim internet สามารถหาซื้อได้ที่สนามบิน หลังจากออกมาจากตรงรับกระเป๋า ให้เลี้ยวขวาและเดินออกมาไม่ไกล จะมีอยุ่ 2 เจ้า คือ Ooredoo และ Dhiraagu ไม่แน่ใจว่าแต่ละเจ้าสัญญาณเป็นยังไง เพราะครั้งนี้เราไม่ได้ซื้อ เราใช้ wifi ที่ทาง resort มีให้ แต่สัญญาณก็จะติดๆดับๆบ้าง แต่พอใช้ได้อยุ่ค่ะ
หลังจากเดินออกมาจากสนามบิน ข้างหน้าก็จะเป็นท่าเรือ สำหรับเดินทางไปตามรีสอร์ทต่างๆ แค่ตรงจุดนี้น้ำทะเลก็ฟ้าใสมากเลย หลังจากนั้นก็ขึ้น speed boat ไปยัง Thulhagiri Island Resort ระยะทางไม่ไกลจากฝั่ง ซึ่งใช้เวลาเดินทางเพียงแค่ 15-20 นาที
ในที่สุด ก็มาถึงแล้ววววววววว Thulhagiri Island Resort
ห้องพักที่นี้มีทั้งแบบบังกะโลกลางน้ำ และห้องพักหน้าชายหาด แต่มาถึง Maldives ทั้งที เราก็ไม่พลาดที่จะเลือกจองห้องพักแบบกลางน้ำมา ฟินเฟ่อร์มากกกก แต่หลังจากเดินสำรวจและอยุ่มา 4 วันแล้ว พบว่าห้องหน้าชายหาด ก็มีความน่าสนใจไม่น้อยเลย วิวตอนพระอาทิตย์ตกหน้าชายหาด ดีเว่อร์วังมากกกกคะ และราคาก็ถูกกว่าด้วย และช่วงที่เราไปน้ำตรงห้องบังกะโลกลางน้ำค่อนข้างแรง เลยต้องออกไปดำน้ำตรงหน้าชายหาดซะส่วนใหญ่
ห้องพักแบบบังกะโลกลางน้ำ ภายในห้องพักก็จะประมาณนี้ค่ะ วิวตรงระเบียงดีมาก มองลงไปน้ำใสแจ๋ว ตอนเช้าตรู่ จะมีปลาตัวใหญ่ว่ายมาเต็มเลยใต้ห้องพักมองดูจากโต๊ะใสที่มองลงไปเห็นน้ำทะเล เพลินเลย
ส่วนห้องอาบน้ำมีอ่างน้ำให้นอนแช่ฟองสบู่กันแบบเพลินๆไปเลย มองออกไปเห็นวิวทะเล และท้องฟ้า
ส่วนห้องพักหน้าชายหาดจะเป็นแบบนี้ค่ะ มีสระว่ายน้ำอยุ่หน้าห้องพักด้วย ห้องพักหน้าชายหาดจะมีค่อนข้างเยอะรอบเกาะ โดยเฉพาะฝั่งด้านที่พระอาทิตย์ตกดิน จะได้บรรยากาศมาก
อาหารที่รีสอร์ทจะมีเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ที่ทางรีสอร์ทจัดเตรียมไว้ให้ มีอาหารหลากหลายเชื้อชาติ จะคิดราคาเป็น package ให้เลือกตั้งแต่ตอนจองที่พักแล้ว ซึ่งราคาแต่ละ package ก็จะแตกต่างกันไป มาดูความหมายของแต่ละ package กัน (ในห้องพักจะมีบริการน้ำเปล่าให้แต่ละวันอยุ่แล้วสำหรับผู้เข้าพัก)
All Inclusive = อาหารเช้า + กลางวัน + เย็น + เครื่องดื่ม
Full Board = อาหารเช้า + กลางวัน + เย็น (ไม่รวมเครื่องดื่ม)
Half Board = อาหารเช้า + เย็น // อาหารเช้า + กลางวัน (ขึ้นอยู่กับแต่ละรีสอร์ท)
Bed & Breakfast = อาหารเช้า
เมื่อไปถึงห้องอาหารจะมีหลายโซน แต่ละห้องก็จะมีโต๊ะประจำเวลานั่งกินอาหารตามเลขที่ห้องพัก ทุกวันทุกมื้อก็จะนั่งโต๊ะเดิมตลอด และสังเกตเห็นว่าพนักงานที่รีสอร์ทเป็นผู้ชายหมดเลย และที่สำคัญบริการดีเยี่ยม ยิ้มแย้มแจ่มใสมาก ดูแลดี ประทับใจค่ะ
ส่วนอาหารของทางรีสอร์ท รสชาติรวมๆก็กลางๆ บางอย่างก็อร่อย บางอย่างก็เฉยๆ
นี่คือหน้าตาอาหารที่รู้สึกว่าอร่อยยยยยยยย ตักกินหลายรอบเลย ฮ่าๆ
ส่วนต่อไปจะพาไปสำรวจรอบรีสอร์ทกัน ชีวิต 4 วัน 3 คืน บนเกาะแห่งนี้ ถือว่าเป็นการพักผ่อนอย่างแท้จริง ใช้ชีวิตแบบ slow life แบบสุดสุด เดินเล่นรอบเกาะถ่ายรูป นอนอ่านหนังสือชิวชิว ดำน้ำดูปะการัง กินนอน กับบรรยากาศที่แบบสงบมาก และน้ำทะเลใสฟ้าอ่อนสวยงามที่สุด
ตรงนี้คือสะพานไม้ที่ยื่นไปตามทางเดินบ้านพักบังกะโลกลางน้ำ น้ำทะเลสีฟ้าใสปะทะกับท้องฟ้า วิวนี้เริ่ดไปเลยค่ะ มุมมหาชนของทุกคนเลยก็ว่าได้
ถัดมาจากสะพานไม้ก็จะเจอกับสถานที่สปา ใครนิยมพักผ่อนด้วยการสปา ต้องไม่พลาดที่จะเดินเข้าไปใช้บริการค่ะ แต่จะไม่รวมอยุ่ใน package ที่จองมานะคะ ต้องเสียค่าบริการเพิ่มเอง
ส่วนตรงนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่ชอบมาก มานั่งเล่นถ่ายรูป นั่งอ่านหนังสือ ฟังเสียงคลื่นตรงนี้หลายรอบ มุมโปรดเลยคะ เดินเลยจากตรงโซนกินอาหารก็จะเจอเลย ฉากหลังก็จะเห็นที่พักบังกะโลยื่นออกไปกลางทะเล และขณะที่กำลังนั่งเพลินๆ ก็มีนกอะไรไม่รุ้บินมาเป็นนางแบบให้พอดีเลย ชิวดีจังเลย
ตรงจุดนี้ จะมีบริการสำหรับทำกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งไม่ได้รวมอยุ่ใน package ตอนจองมา ไม่ว่าจะเป็น scuba diving, ขี่ jetski, พายเรือคายัค, ตกปลา และอีกมากมาย
เดินต่อไปจากจุดนี้ ก็จะเป็นหน้าชายหาดที่มีพื่นที่โล่งและกว้างมาก เป็นแนวยาวสำหรับดำน้ำดูปะการังตรงพื้นที่หน้าชายหาด คนนิยมมานอนอาบแดดตรงบริเวณนี้ อ่านหนังสือ จุดนี้บ้านพักแบบชายหาดจะวิวดีที่สุด โดยเฉพาะตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน บรรยากาศโรแมนติกสุดๆ ชอบมากกกกกก
ส่วนใครที่ชอบดำน้ำ snorkel แล้ว สามารถดำน้ำได้ตลอดหน้าชายหาดเลย ซึ่งมีแนวปะการังสวยงามตลอดเป็นแนวยาว ไม่ต้องนั่งเรือออกไปกลางทะเล หรือจะดำน้ำจากตรงที่พักตรงบังกะโลกลางน้ำก็ได้ ถ้าโชคดีก็จะเจอฉลามตัวเล็กว่ายมาทักทายด้วยนะ
และสิ่งที่ไม่ควรพลาดเลย แสงสุดท้ายก่อนพระอาทิตย์ตกดิน แสงสีส้มอ่อนกลางเกาะ ชั่งอ่อนหวานและมีเสน่ห์มากมาย เราเรียกช่วงนี้ว่า “Magic hours”
ส่วนตอนกลางคืนที่ห้องพัก ลองมองขึ้นฟ้าไป จะพบเจอดาวมาส่งยิ้มอยุ่เต็มท้องฟ้าเยอะมาก
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น