[CR] WildItaly ลุยธรรมชาติบนเส้นทาง Tuscany และ Dolomites


      สวัสดีค่ะ มาแล้วกับการรีวิวครั้งแรกประเทศที่ 18 ของเราเอง ถ้าพูดถึงอิตาลี คนส่วนใหญ่ก็จะนึกถึงสถาปัตยกรรม เมืองเก่า และศิลปะ แต่ทริปนี้เราจะพาไปเห็นอิตาลีในมุมที่แตกต่างพร้อมกับการเดินทางหลายพันกิโลตลอดทริป  ที่มีธรรมชาติที่สวยงาม และมีการรักษาดูแลไว้อย่างดี
     สำหรับคนที่หลงใหลธรรมชาติเหมือนกับเราแล้ว  จุดหมายปลายทางอย่าง Tuscany และ Dolomites เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่คุ้มค่าต่อการแบกเป้แล้วออกไปเห็นด้วยตาตัวเองกันค่ะ …ออกไปเที่ยวกัน
      ทริปนี้เราเพลนใช้เวลาการเดินทางทั้งหมด 9 วัน  (25 May 18  - 2 Jun 18 ) หมดงบไปประมาณ 45000 บาท รวมทุกอย่าง(ยกเว้นของฝาก) โดยเราตั้งใจเลือกช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิเพราะต้องการเห็นทุ่ง Tuscany ที่เป็นสีเขียวสดใส และบนยอดภูเขา Dolomites มีหิมะปกคลุมปะปราย ส่วนเบื้องล่างภูเขาก็เป็นทุ่งดอกไม้ที่กำลังผลิบานสดใส

1.    เส้นทางการเดินทางในครั้งนี้



Road Trip Route
Day 1:  BKK – Milan – La Spezia
Day 2:  Cinque Terre
Day 3:  La Spezia – Pisa – Asciano – San Gimignano - Siena
Day 4:  San Quirico d’Orcia – Pienaza – Montalcino - Siena
Day 5:  Siena – Lago di Carezza
Day 6:  Lago di Misurina - Passo di Giau - Cortina d'Ampezzo
Day 7:  Lago di braies – Villnoss - Passo Gardena - Passo Sella - Ortisei
Day 8:  Ortisei - Milan
Day 9:  Milan - BKK

2.    การเตรียมตัวก่อนเดินทาง



2.1    การเดินทางระหว่างประเทศ (BKK-Milan, Milan-BKK)
     เริ่มจากเข้าเว็บไซต์ https://www.skyscanner.co.th/ เพื่อค้นหาตั๋วในราคาที่ถูกที่สุดในช่วงเวลาที่เราต้องการเดินทาง ซึ่งครั้งนี้ได้เดินทางไปกับสายการบิน emirates ในราคา 25000 บาท ซึ่งขึ้นชื่อด้านคุณภาพและการบริการดีเยี่ยมมาก และราคาถูกที่สุด ณ ตอนนั้น ที่นั่งกว้างขวาง มีหนังให้ดูเยอะเลย เครื่องบินมี 2 ชั้น และแน่นอนต้องไป transit ที่ดูไบ



2.2    การเช่ารถขับ
      ก็ยังคงค้นหาจากเว็บไซต์ skyscanner เหมือนเดิม โดยเลือกรับรถและคืนรถที่สนามบิน มีด้วยกันหลายเจ้าครั้งนี้เราใช้บริการของ arguscarhire จองรถรุ่น Toyota Yaris hybrid ไปทั้งหมด 9 วันในราคา 5500 บาท แต่จะไปเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มในส่วนค่าประกันที่ต้องไปซื้อเพิ่มต่างหาก ตัดสินใจซื้อไว้เพื่อความอุ่นใจ

     การขับรถในต่างประเทศ ควรศึกษากฎระเบียบเบื้องต้นไปก่อน เช่น ความเร็วที่จำกัดแต่ละพื้นที่ แต่เหมือนที่อิตาลีจะไม่ค่อยเคร่งเรื่องความเร็วเท่าไร เพราะคนที่นี้ขับรถเร็วมากกกกก และก็ศึกษาพวกป้าย สัญลักษณ์ต่างๆไม่เช่นนั้น อาจจะโดนค่าปรับหลายยูโรเลยนะ เช่น

เส้นสีฟ้า = เสียค่าบริการ  เส้นสีขาว = จอดฟรี เส้นสีเหลือง = สำรองไว้ให้เฉพาะประชากรในพื้นที่เท่านั้น


ป้ายวงกลมแดงขาว หมายถึงว่าห้ามขับเข้าไปใน zone นี้นะ อนุญาตให้เฉพาะรถคนในพื้นที่เท่านั้น

      ส่วนวิธีการเติมน้ำมัน มีทั้งเติมด้วยตัวเอง หรือจะใช้บริการเจ้าหน้าที่แต่จะมีชาร์ตเพิ่มเล็กน้อยสำหรับปั้มใหญ่ ส่วนปั้มเล็กการเติมด้วยตัวเองก็สามารถจ่ายสดหรือบัตรเครดิต ซึ่งจะหยอดเงินก่อนแล้วเติม หรือเติมแล้วเข้าไปจ่ายที่ร้านค้าข้างในก็ได้ ส่วนวิธีการเติมมีบอกไว้ข้างๆเครื่อง แต่เป็นภาษาอิตาลีค่ะ

      ทริปนี้หมดกับค่าทางด่วนเยอะเหมือนกัน วิธีการจ่ายค่าทางด่วน ก็ง่ายๆเลย เริ่มจากรับบัตร แล้วก็ไปจ่ายที่ทางออก ค่าทางด่วนจะถูกคำนวณตามระยะทางที่เราเดินทาง

คุณลุงเจ้าหน้าทางยิ้มร่าให้กล้อง น่ารักมาก


2.3    Internet Sim

      ทริปนี้เป็นการ road trip ดั้งนั้นสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ internet สำหรับ search google map แสดงเส้นทางในการขับขี่ เราเลือก dtac go inter 4 Gb ระยะเวลา 10 วัน ในราคา 399 บาท สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้จากลิงค์นี้เลยค่ะ https://www.dtac.co.th/gointer/ ตอนแรกก็หวั่นๆ เรื่องสัญญาณพอสมควร แต่ปรากฏว่ากลับใช้ได้ดีมาก ไม่มีปัญหาเรื่องสัญญาณเลย ทั้งในตัวเมืองและตอนขึ้นเขา ใช้ได้ดีทีเดียวสำหรับประเทศนี้นะ

3.    เริ่มออกเดินทางไปยังสถานที่ปักหมุด


3.1 Day 1,2: Cinque Terre
     วันแรกเดินทางมาถึง Milan หลังจากรับรถเช่าที่สนามบินเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางไปพักเมือง La Spezia 2 คืน เมืองนี้จะใกล้กับ Cinque Terre สถานที่ที่เราจะไปในวันพรุ่งนี้

เดินเล่นในเมือง La Spezia


บริเวณท่าเรือของเมือง La Spezia

       Cinque Terre คือ หมู่บ้านชาวประมง 5 หมู่บ้านที่เชื่อมต่อถึงกัน อยู่ติดริมชายทะเล ภูเขา และได้รับให้เป็น UNESCO World Heritage ของประเทศอิตาลีด้วย เริ่มต้นที่ centrale station ของเมือง La Spezia การไป Cinque Terre ไปได้ทั่งทางรถไฟหรือจะขับรถไป แต่ถ้าเอารถไปจะค่อนข้างหาที่จอดรถยาก เราจึงตัดสินใจไปรถไฟเพราะสะดวกกว่า เริ่มจากซื้อตั๋วขึ้นรถไฟแบบในราคาเหมาจ่าย สามารถขึ้นลงรถไฟไปหมู่ทั้ง 5 ได้ไม่จำกัด ซึ่งคำนวณดูแล้วคุ้มกว่าซื้อเป็นรายเที่ยว ราคา 16 ยูโรต่อคน ต่อวัน และก่อนขึ้นรถไฟอย่าลืม validate ตั่วที่เจ้าตู้สีเขียวที่สถานีก่อนด้วยนะ

Centrale Station



เครื่องสำหรับ Validate ตั่ว

      จริงๆแล้วหมู่บ้านทั้ง 5 มีความคล้ายคลึงกัน แตกต่างกันที่ความกว้างใหญ่ของแต่ละหมู่บ้าน ถ้าใครมีเวลาน้อย ก็เลือกไปบางหมู่บ้านก็ได้ ที่แนะนำคือ Manarola กับ Vernazza เป็นสองหมู่บ้านยอดนิยม ที่มีวิวสวยที่สุด ตอนแรกเพลนไปแค่ 2 หมู่บ้าน กะเที่ยวแบบชิวชิว แต่ปรากฏว่า เฮ้ยเก็บได้หมดเลยทั้ง 5 หมู่บ้าน แบบไม่เร่งรีบด้วย ครบเลยจ้า มาทำความรู้จักทั้ง 5 หมู่บ้านกัน
      - Riomaggiore เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ซึ่งมีความครึกครื้น เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเงียบ มีร้านค้า ร้านเจลาโต้นี่ มากมาย



     - Manarola เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ค่อนข้างโรแมนติก มีวิวที่สวยงามแบบสุดๆเลย มีมุมยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นมุมที่เห็นหมู่บ้านแบบมุมกว้าง เดินเล่นเพลินๆ และมีร้านค้ามากมาย



      -    Corniglia เป็นหมู่บ้านที่เล็กที่สุด อยู่บนหน้าผา ต้องเดินขึ้นบันไดหลายขั้นมาก ค่อนข้างเงียบสงบ และไม่มีท่าเรือ ร้านอาหารบนนี้จะมีวิวดีมาก

      -    Vernazza เป็นหมู่ที่ได้รับฉายา ราชินีแห่ง Cinque Terre มีความคล้าย Riomaggiore แต่มีท่าเรือที่กว้างและยาวกว่า



นางแบบของเราในวันนี้ สง่างามมากเลย


เจลาโต้ที่หมู่บ้านนี้อร่อยมาก

      -    Monterosso เป็นหมู่บ้านที่ใหญ่ มีหาดทรายที่ยาวที่สุด เหมาะสำหรับคนมานอนอาบแดด นั่งเล่นตามชายหาด บรรยากาศครึกครื้นเป็นที่สุด


3.2     Day 3,4: Tuscany
      แคว้น Tuscany อยู่ทางตอนกลางของอิตาลี มีเมืองเล็กใหญ่มากมายที่เต็มไปด้วยสีสันของธรรมชาติ และความขลังของโบราณสถาน และที่นี้แระที่มีทุ่งหญ้าเขียวขจีบนเนินเขาที่ยาวสุดลูกหูลูกตาที่สวยงามอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ Tuscany พื้นที่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไร่องุ่น ฟาร์มเลี้ยงสัตว์ ทุ่งข้าวสาลี เราเลือกพักที่เมือง Siena 2 คืน และแวะเที่ยวตามเมืองต่างๆ ซึ่งอยุ่ไม่ไกลกัน ตลอดสองข้างทางหลับตาไม่ลงเลยทีเดียว วิวเต็มไปด้วยเนินเขาสีเขียวสะท้อนกับแสงแล้วสวยงามมากเลย ยังกับ wallpaper ของ window
      -    Tower of Pisa
      เริ่มต้นกันที่หอเอนที่ใครๆก็รู้จัก แห่งเมืองปิซ่าอิตาลี และเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เป็นสถานที่ทดลองแรงโน้มถ่วงของกาลิเลโอนั่นเอง

      -    San Gimignano
      หลังจากนั้นก็แวะเที่ยว San Ginignano ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ที่อยู่บนเนินเขา เป็นอีกจุดหมายปลายทางของนักท่องที่ยว มีร้านขายของที่ระลึก ภาพวาด ไวน์ รวมถึงไอศกรีมเจลาโต้ที่ได้รางวัลแชมป์โลก และมีสิ่งก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมยุคกลาง มีความโดดเด่นตรงหอคอยและมีกำแพงล้อมรอบ

      -    Siena
       ต่อด้วยตอนเย็นกลับมาที่พักและออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เป็นสวนที่สามารถมองเห็นวิวเมือง siena ได้หมดเลย สวยงามมากยามเย็น และช่วงที่เราไปข้างๆสวนสาธารณะก็มีสวนสนุกมากเปิดอยู่ คล้าย ๆงานวัดบ้านเรา น่ารักดี
ชื่อสินค้า:   บันทึกนักเดินทาง ท่องเที่ยวต่างประเทศ เที่ยวต่างประเทศ Backpack ประเทศอิตาลี
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่