บทนำ
ฉันก้าวผ่านประตูเลื่อนอัตโนมัติออกมาอย่างมึนงง แดดอ่อนยามบ่ายสาดกระทบนัยน์ตาเรียวเล็ก ยกมือขึ้นกุมหน้าผากที่กำลังปวดหนึบ ฉันเพิ่งรู้สึกถึงของเหลวข้นหนืดกลิ่นคาวเหล็กไหลกระทบนิ้วซีดเซียว..เลือด แผลฉีกขาดลากยาวตรงนั้นเอง ต้นเหตุความเจ็บปวดของฉัน
แม้จะทรงตัวให้ยืนนิ่งแทบไม่ไหว แต่ฉันก็พยายามสูดลมหายใจลึกๆ รวบรวมเรียวแรงที่มีเอี้ยวศีรษะกลับไปมองยังที่จากมา ป้าย ‘ห้องฉุกเฉิน’ โดดเด่นอยู่ไม่ไกล เสียงผู้คนอื้ออึงฟังไม่ได้สรรพ กลิ่นยาฉุนจมุกตีกันอบอวล อากาศเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศในนั้นยังแผ่รังสีมาถึงข้างนอก
ฉันยิ่งมึนหนักกว่าเก่า..
ฉันมาทำอะไรที่นี่!!
เพียงเสี้ยวนาทีทีโลกของฉันวูบลงกะทันหัน โรงเรียนมัธยมอันคุ้นตากลับแปรเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ใจกลางเมืองปทุมธานีไปได้อย่างไรกัน?
ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันเคยเจ็บป่วยบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่เคยคิดย่างกรายมาเฉียดโรงพยาบาลแห่งนี้เลยสักครั้ง ชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัย เป็นโรงเรียนแพทย์แห่งใหญ่ในจังหวัดนี้ ไม่ได้ทำให้ฉันเปลี่ยนใจจากคลินิกหมอใกล้บ้าน หรือร้านขายยาในซอยเดิม ที่นี่ห่างจากบ้านฉันเป็นสิบกิโลเมตร..แล้วฉันมาทำไม..มาทำอะไร หรือเกิดอุบัติเหตุ..ฉันได้รับบาดเจ็บที่หัวนี่หรือ..แต่ไหนล่ะ ใครพาฉันมา ไม่มีใครเลยสักคน ฉันเดินออกมาคนเดียว ไม่มีถุงยาติดไม้ติดมือออกมาสักนิด จะว่าฉันเดินทางมาด้วยตัวเอง..แล้วทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ?
ฉันคงได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่มีทางได้คำตอบ
.
”ฮืออ...หมอฉัตร..มะ..ไม่จริง ฉันไม่เชื่ออ”
เสียงคร่ำครวญโหยไห้ปลุกฉันออกจากภวังค์ ผู้หญิงร่างบางหน้าตาสวยคมคนหนึ่งวิ่งเอามือปาดน้ำตา พุ่งออกมาจากฝูงชนที่ยืนล้อมกันเป็นวงกลมกลุ่มใหญ่เบื้องหน้า ห่างจากที่ฉันยืนไม่เกินร้อยเมตร เสียงผู้หญิงคนนั้นบาดแหลมเสียดหูฉันเหลือเกิน ช่างไม่สมกับหน้าตาเนื้อตัวที่ดูบอบบางแสนหวาน พลอยให้ฉันจำชื่อนั้นติดหูได้โดยไม่ตั้งใจ
หมอฉัตร..ใคร?
ฉันเร่งฝีเท้าไปยังเป้าหมายใหม่ข้างหน้า นอกจากความมึนงงว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง..ดูท่าจะยังมีเรื่องโกลาหลมากกว่า
กลุ่มคนตรงหน้าแตกฮือ เมื่อเจ้าหน้าที่เข็นเตียงคลุมผ้าขาวคนไข้แหวกออกมาในที่สุด ฉันพยายามเขย่งเท้าขึ้นชะโงกมองร่างที่นอนบนนั้น เพราะผู้คนมากมายต่างเบียดเสียดกรูกันตามมาไม่เลิก บางคนแทบจะเกาะขอบเตียงสี่ล้อตามเวรเปลคนนั้นไปด้วย
ผ้าขาวคลุมร่างตลอดตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า..ไม่เห็นใบหน้าร่างนั้น..ผ้าคลุมปิดมิดชิดเหลือเกิน
ฉันเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนั้นเองว่าชายฉกรรจ์หน้าแขกคนนั้นไม่ได้เข็นคนไข้ฝ่าผู้คนออกมา กลิ่นคาวคลุ้งสีแดงฉานชุ่มซึมเต็มฟูกและผ้าห่มสีขาวโพลน ช่างดูตัดกันน่ากลัวพิลึก..เขาเข็นศพออกมาต่างหาก ร่างนั้นไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้ว
นั่นหรือ..หมอฉัตร?
“อ้าว..น้องดาว”
ผู้หญิงสวยในชุดขาวอีกคนหันมาทางฉัน เธอเดินตามหลังเวรเปลออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน
บุคลิกและการแต่งตัวของเธอนั้นดูเหมือนหมอไม่มีผิด นั่นเธอเดินตรงมาที่ฉันนี่นา ฉันไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน ทำไมทำหน้าเหมือนรู้จักกันมานาน แล้วนั่นเธอเรียกฉันหรือ..ฉันไม่ได้ชื่อดาวสักหน่อย
“เฮ้อ..ไม่น่าเลยเนอะหมอฉัตร น้องดาวก็รู้จักแกใช่ไหม” เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วคร่ำครวญ ดีที่ไม่ฟูมฟายเหมือนสาวสวยคนเมื่อครู่ เธอยังคงเรียกฉันว่า ‘น้องดาว’
“คุณพูดกับหนูหรือคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้ว เหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ฉันถาม แต่พักเดียวก็เปลี่ยนความสนใจมาทีแผลบนหน้าผากฉัน
“นั่นไปโดนอะไรมา เลือดออกเต็มเลย” เธอกุลีกุจอเข้ามาแตะเลือดอันเหม็นคาวบนหน้าฉัน แล้วคว้าข้อมือฉัน ดึงให้เดินไปด้วยกัน “รีบไปเย็บแผลเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง..ข้างหลังเป็น ER พอดีเลย”
ฉันไม่มีเวลาปฏิเสธหรือแม้จะตั้งคำถามใดต่อไป ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันมึนไปหมด ทั้งมึนทั้งปวดแผลตุบๆ ได้แต่เดินตามคนที่ดูเหมือนหมอกลับเข้าไปในห้องแอร์เย็นเฉียบนั่นอีก
บนเตียงฟูกบางหุ้มผ้าขาวโพลนสุดมุมห้อง ฉันครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ตรงนั้น เจ็บก็เจ็บ งงก็งง คุณพยาบาลชุดขาวกลมกลืนกับผ้าปูเตียงก็ยังไม่หยุดพร่ำพรรณนาถึงฉันราวกับรู้จักกันมานาน ชื่อที่ฉันไม่คุ้นเคย ชื่อที่มั่นใจได้ว่าไม่ใช่ตัวฉัน ทั้งที่ความสับสนกำลังขมวดปมขั้นรุนแรงจนเกือบวิกฤต ฉันก็ยังพยายามฝืนตัวให้นิ่ง สะกดกลั้นความพลุ่งพล่านทั้งมวล ทั้งที่ใจอยากถลันลงจากเตียงแล้วกวดฝีเท้าวิ่งออกไปแบบเต็มเหยียด ให้สมกับดีกรีนักวิ่งประจำโรงเรียน
เปล่าเลย..ฉันยังคงนั่งนิ่ง ไม่ปริปากสักคำเดียว ขณะที่พยาบาลรุ่นคราวแม่กำลังทำแผลบนหน้าผากให้ฉัน กลิ่นแอลกอฮอล์และยาบางอย่างที่ฉุนจัดโชยมาเป็นระลอก เธอคนนั้นจ้องตาฉันอย่างจะหาคำตอบอะไรบางอย่าง อุปกรณ์การเย็บแผลวางรออยู่บนถาดโลหะข้างเตียง บาดแผลของฉันฉกรรจ์พอสมควร มันเป็นรอยบากคมกริบ รอยที่คุณพยาบาลเอ่ยปากด้วยความประหลาดใจ
“ใครกันที่ทำน้องดาว นี่มันรอยคัตเตอร์ชัดๆ แถมยังกรีดเป็นรูปกากบาทอีกต่างหาก ”
เสียงทุ้มนุ่มแบบสาวใหญ่ผู้อ่อนโยน แววตาในกรอบแว่นหนามองอย่างพยายามวินิจฉัย สลับกับพินิจพิเคราะห์รอยบากบนหน้าผากฉัน คิ้วขมวดมุ่น “น้องดาวไม่รู้สึกตัวเลยเหรอจ๊ะ แล้วมีศัตรูหรือขัดแย้งกับใครหรือเปล่าช่วงนี้”
ฉันเกือบจะโพล่งออกไปด้วยความรำคาญ อยากตะโกนไล่ให้ใครก็ตามออกห่างจากตัวฉัน ทว่าสำนึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ล้ำลึกบอกให้ฉันใจเย็นไว้ก่อน พอดีกับที่หมอคนนั้นก้าวเข้ามายืนสมทบอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยเหลือประมาณ แววตาคู่กลมใสดำสนิทเหมือนน้ำนิ่งมองฉันอย่างคนคุ้นเคย
“เดี๋ยวพี่เย็บให้เองนะ เจ็บตอนฉีดยาชาแป๊บเดียว” เธอบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ลักยิ้มบนแก้มสีมะปรางสุกปลั่ง ริมฝีปากอิ่มเต็ม นัยน์ตาหวานซึ้ง ทุกอย่างที่รวมเป็นใบหน้าของหญิงคนนี้ช่างงดงาม..งามจนฉันอดอิจฉาไม่ได้
“หมอฉัตรเค้าไม่น่าคิดสั้นเลยนะคะ ถึงแป๋มจะไม่ค่อยชอบที่แกเจ้าชู้..แต่เสียดายศัลย์พลาสติกฝีมือดีโรงพยาบาลเรา” เสียงพยาบาลคนเดิมแทรกเข้ามา ขณะที่หมอฉีดยาชาให้ฉันเสร็จพอดี
“เนี่ย..สาวๆห้องนี้น่ะผ่านมีดหมอฉัตรกันมาทั้งนั้น ญาติพี่น้องก็ขนกันมาให้ดึงหน้าบ้าง เสริมจมูกบ้าง ทำตา ทำนมอะไรกันอีกเพียบ”
“เฮ้อ..เพิ่งเห็นกันอยู่หลัดๆ เมื่อเช้ายังยกมือไหว้แกอยู่เลย”
สาวใหญ่หมวกขาวยังคงรำพึงรำพันถึง ‘ศพ’ ร่างนั้นไม่หยุดปาก เข็มติดไหมเส้นที่สองกำลังถูกปักลงบนเนื้อหนังอันหนาเตอะไร้ความรู้สึกจากฤทธิ์ยาชา เธอยังคงพูดและมองกราดไปรอบห้องราวกับจะมองหาสาวๆหน้าพลาสติกดังกล่าว ส่วนหมอคนสวยก็เพียงแต่ยิ้มเย็น ไม่ออกความเห็นใดๆ จนกระทั่ง..
“แต่แป๋มว่านะคะ..คนในนี้ทำไปก็งั้นๆล่ะค่ะ ใครจะทำแล้วออกมาสวยเท่าแฟนเก่าหมอฉัตร”
ฉันรู้สึกว่าหมอคนที่เย็บแผลให้ฉันหยุดชะงักฝีเข็มลงทันควัน ตวัดสายตาคมเฉียบขึ้นมอง เหมือนจะปรามให้หยุดพูด ทว่าเธอคนนั้นไม่สามารถเบรกความเมามันนี้ได้อีกต่อไป ทั้งยังเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ฉัน รอยยิ้มนั้นมีเลศนัย แววหยามหยันปรากฏขึ้นใต้กรอบแว่น
“จริงมั้ยคะน้องดาว...หาน้องสาวเจอหรือยังคะ น้องแพรน่ะ หายไปกี่ปีแล้ว”
น้องแพร..
หายไปกี่ปีแล้ว..
หายไปกี่ปีแล้ว..
น้องตายไปแล้ว..
น้องหายไปกี่ปีแล้วว
โลกกำลังหมุนรอบตัวฉัน โลกหมุนด้วยความเร็วมากขึ้น มากขึ้น
เสียงสะท้อนดังก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา ฉันรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิด เหมือนใครกำลังขยำขยี้ทุกสรรพสิ่งในหัวฉันให้แหลกสลาย ชื่อนั้น..ประโยคนั้น..ฉันไม่รู้ ฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่รู้จักคนชื่อนั้น ทว่าทำไม..ฉันถึงเจ็บปวด เหมือนไม่ใช่ตัวฉัน ทันใดนั้นตัวฉันก็ค่อยๆลีบลง เล็กลง ฉันถูกดูดเข้ามาอยู่ในมุมมืด เสียงทุ้มๆของพยาบาล เสียงที่เคยอ่อนโยนในตอนแรก กลับกลายมาเป็นอาวุธทำร้ายฉันในตอนนี้ เสียงนั้นค่อยๆไกลออกไป ห่างออกไป แสงสว่างรอบตัวริบหรี่ลง จนมืดสนิท ฉันกำลังจะหายไป
ก่อนที่ฉันจะหายไปจากตรงนั้น ฉันได้ยินตัวเอง ที่เสมือนไม่ใช่ตัวเองกำลังขยับริมฝีปากพูดอะไรบางอย่าง
เสียงนั้นดัง ฟังชัด ฉะฉาน เด็ดเดี่ยว ทว่าเยียบเย็นในหางเสียง
“แพรอยู่กับฉัน..แพรกลับมาทวงบาป!”
(นิยาย) บาปนั้น..คืนสนอง บทนำ
ฉันก้าวผ่านประตูเลื่อนอัตโนมัติออกมาอย่างมึนงง แดดอ่อนยามบ่ายสาดกระทบนัยน์ตาเรียวเล็ก ยกมือขึ้นกุมหน้าผากที่กำลังปวดหนึบ ฉันเพิ่งรู้สึกถึงของเหลวข้นหนืดกลิ่นคาวเหล็กไหลกระทบนิ้วซีดเซียว..เลือด แผลฉีกขาดลากยาวตรงนั้นเอง ต้นเหตุความเจ็บปวดของฉัน
แม้จะทรงตัวให้ยืนนิ่งแทบไม่ไหว แต่ฉันก็พยายามสูดลมหายใจลึกๆ รวบรวมเรียวแรงที่มีเอี้ยวศีรษะกลับไปมองยังที่จากมา ป้าย ‘ห้องฉุกเฉิน’ โดดเด่นอยู่ไม่ไกล เสียงผู้คนอื้ออึงฟังไม่ได้สรรพ กลิ่นยาฉุนจมุกตีกันอบอวล อากาศเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศในนั้นยังแผ่รังสีมาถึงข้างนอก
ฉันยิ่งมึนหนักกว่าเก่า..
ฉันมาทำอะไรที่นี่!!
เพียงเสี้ยวนาทีทีโลกของฉันวูบลงกะทันหัน โรงเรียนมัธยมอันคุ้นตากลับแปรเปลี่ยนเป็นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ใจกลางเมืองปทุมธานีไปได้อย่างไรกัน?
ตั้งแต่เล็กจนโต ฉันเคยเจ็บป่วยบ้างเล็กๆน้อยๆ แต่ไม่เคยคิดย่างกรายมาเฉียดโรงพยาบาลแห่งนี้เลยสักครั้ง ชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นโรงพยาบาลประจำมหาวิทยาลัย เป็นโรงเรียนแพทย์แห่งใหญ่ในจังหวัดนี้ ไม่ได้ทำให้ฉันเปลี่ยนใจจากคลินิกหมอใกล้บ้าน หรือร้านขายยาในซอยเดิม ที่นี่ห่างจากบ้านฉันเป็นสิบกิโลเมตร..แล้วฉันมาทำไม..มาทำอะไร หรือเกิดอุบัติเหตุ..ฉันได้รับบาดเจ็บที่หัวนี่หรือ..แต่ไหนล่ะ ใครพาฉันมา ไม่มีใครเลยสักคน ฉันเดินออกมาคนเดียว ไม่มีถุงยาติดไม้ติดมือออกมาสักนิด จะว่าฉันเดินทางมาด้วยตัวเอง..แล้วทำไมฉันจำอะไรไม่ได้เลยล่ะ?
ฉันคงได้แต่ถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่มีทางได้คำตอบ
.
”ฮืออ...หมอฉัตร..มะ..ไม่จริง ฉันไม่เชื่ออ”
เสียงคร่ำครวญโหยไห้ปลุกฉันออกจากภวังค์ ผู้หญิงร่างบางหน้าตาสวยคมคนหนึ่งวิ่งเอามือปาดน้ำตา พุ่งออกมาจากฝูงชนที่ยืนล้อมกันเป็นวงกลมกลุ่มใหญ่เบื้องหน้า ห่างจากที่ฉันยืนไม่เกินร้อยเมตร เสียงผู้หญิงคนนั้นบาดแหลมเสียดหูฉันเหลือเกิน ช่างไม่สมกับหน้าตาเนื้อตัวที่ดูบอบบางแสนหวาน พลอยให้ฉันจำชื่อนั้นติดหูได้โดยไม่ตั้งใจ
หมอฉัตร..ใคร?
ฉันเร่งฝีเท้าไปยังเป้าหมายใหม่ข้างหน้า นอกจากความมึนงงว่าฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง..ดูท่าจะยังมีเรื่องโกลาหลมากกว่า
กลุ่มคนตรงหน้าแตกฮือ เมื่อเจ้าหน้าที่เข็นเตียงคลุมผ้าขาวคนไข้แหวกออกมาในที่สุด ฉันพยายามเขย่งเท้าขึ้นชะโงกมองร่างที่นอนบนนั้น เพราะผู้คนมากมายต่างเบียดเสียดกรูกันตามมาไม่เลิก บางคนแทบจะเกาะขอบเตียงสี่ล้อตามเวรเปลคนนั้นไปด้วย
ผ้าขาวคลุมร่างตลอดตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า..ไม่เห็นใบหน้าร่างนั้น..ผ้าคลุมปิดมิดชิดเหลือเกิน
ฉันเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนั้นเองว่าชายฉกรรจ์หน้าแขกคนนั้นไม่ได้เข็นคนไข้ฝ่าผู้คนออกมา กลิ่นคาวคลุ้งสีแดงฉานชุ่มซึมเต็มฟูกและผ้าห่มสีขาวโพลน ช่างดูตัดกันน่ากลัวพิลึก..เขาเข็นศพออกมาต่างหาก ร่างนั้นไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้ว
นั่นหรือ..หมอฉัตร?
“อ้าว..น้องดาว”
ผู้หญิงสวยในชุดขาวอีกคนหันมาทางฉัน เธอเดินตามหลังเวรเปลออกมาในเวลาใกล้เคียงกัน
บุคลิกและการแต่งตัวของเธอนั้นดูเหมือนหมอไม่มีผิด นั่นเธอเดินตรงมาที่ฉันนี่นา ฉันไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน ทำไมทำหน้าเหมือนรู้จักกันมานาน แล้วนั่นเธอเรียกฉันหรือ..ฉันไม่ได้ชื่อดาวสักหน่อย
“เฮ้อ..ไม่น่าเลยเนอะหมอฉัตร น้องดาวก็รู้จักแกใช่ไหม” เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วคร่ำครวญ ดีที่ไม่ฟูมฟายเหมือนสาวสวยคนเมื่อครู่ เธอยังคงเรียกฉันว่า ‘น้องดาว’
“คุณพูดกับหนูหรือคะ?”
ผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้ว เหมือนไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ฉันถาม แต่พักเดียวก็เปลี่ยนความสนใจมาทีแผลบนหน้าผากฉัน
“นั่นไปโดนอะไรมา เลือดออกเต็มเลย” เธอกุลีกุจอเข้ามาแตะเลือดอันเหม็นคาวบนหน้าฉัน แล้วคว้าข้อมือฉัน ดึงให้เดินไปด้วยกัน “รีบไปเย็บแผลเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง..ข้างหลังเป็น ER พอดีเลย”
ฉันไม่มีเวลาปฏิเสธหรือแม้จะตั้งคำถามใดต่อไป ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันมึนไปหมด ทั้งมึนทั้งปวดแผลตุบๆ ได้แต่เดินตามคนที่ดูเหมือนหมอกลับเข้าไปในห้องแอร์เย็นเฉียบนั่นอีก
บนเตียงฟูกบางหุ้มผ้าขาวโพลนสุดมุมห้อง ฉันครึ่งนั่งครึ่งนอนอยู่ตรงนั้น เจ็บก็เจ็บ งงก็งง คุณพยาบาลชุดขาวกลมกลืนกับผ้าปูเตียงก็ยังไม่หยุดพร่ำพรรณนาถึงฉันราวกับรู้จักกันมานาน ชื่อที่ฉันไม่คุ้นเคย ชื่อที่มั่นใจได้ว่าไม่ใช่ตัวฉัน ทั้งที่ความสับสนกำลังขมวดปมขั้นรุนแรงจนเกือบวิกฤต ฉันก็ยังพยายามฝืนตัวให้นิ่ง สะกดกลั้นความพลุ่งพล่านทั้งมวล ทั้งที่ใจอยากถลันลงจากเตียงแล้วกวดฝีเท้าวิ่งออกไปแบบเต็มเหยียด ให้สมกับดีกรีนักวิ่งประจำโรงเรียน
เปล่าเลย..ฉันยังคงนั่งนิ่ง ไม่ปริปากสักคำเดียว ขณะที่พยาบาลรุ่นคราวแม่กำลังทำแผลบนหน้าผากให้ฉัน กลิ่นแอลกอฮอล์และยาบางอย่างที่ฉุนจัดโชยมาเป็นระลอก เธอคนนั้นจ้องตาฉันอย่างจะหาคำตอบอะไรบางอย่าง อุปกรณ์การเย็บแผลวางรออยู่บนถาดโลหะข้างเตียง บาดแผลของฉันฉกรรจ์พอสมควร มันเป็นรอยบากคมกริบ รอยที่คุณพยาบาลเอ่ยปากด้วยความประหลาดใจ
“ใครกันที่ทำน้องดาว นี่มันรอยคัตเตอร์ชัดๆ แถมยังกรีดเป็นรูปกากบาทอีกต่างหาก ”
เสียงทุ้มนุ่มแบบสาวใหญ่ผู้อ่อนโยน แววตาในกรอบแว่นหนามองอย่างพยายามวินิจฉัย สลับกับพินิจพิเคราะห์รอยบากบนหน้าผากฉัน คิ้วขมวดมุ่น “น้องดาวไม่รู้สึกตัวเลยเหรอจ๊ะ แล้วมีศัตรูหรือขัดแย้งกับใครหรือเปล่าช่วงนี้”
ฉันเกือบจะโพล่งออกไปด้วยความรำคาญ อยากตะโกนไล่ให้ใครก็ตามออกห่างจากตัวฉัน ทว่าสำนึกบางอย่างที่ซ่อนอยู่ล้ำลึกบอกให้ฉันใจเย็นไว้ก่อน พอดีกับที่หมอคนนั้นก้าวเข้ามายืนสมทบอยู่ข้างๆด้วยสีหน้าเป็นห่วงเป็นใยเหลือประมาณ แววตาคู่กลมใสดำสนิทเหมือนน้ำนิ่งมองฉันอย่างคนคุ้นเคย
“เดี๋ยวพี่เย็บให้เองนะ เจ็บตอนฉีดยาชาแป๊บเดียว” เธอบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน ลักยิ้มบนแก้มสีมะปรางสุกปลั่ง ริมฝีปากอิ่มเต็ม นัยน์ตาหวานซึ้ง ทุกอย่างที่รวมเป็นใบหน้าของหญิงคนนี้ช่างงดงาม..งามจนฉันอดอิจฉาไม่ได้
“หมอฉัตรเค้าไม่น่าคิดสั้นเลยนะคะ ถึงแป๋มจะไม่ค่อยชอบที่แกเจ้าชู้..แต่เสียดายศัลย์พลาสติกฝีมือดีโรงพยาบาลเรา” เสียงพยาบาลคนเดิมแทรกเข้ามา ขณะที่หมอฉีดยาชาให้ฉันเสร็จพอดี
“เนี่ย..สาวๆห้องนี้น่ะผ่านมีดหมอฉัตรกันมาทั้งนั้น ญาติพี่น้องก็ขนกันมาให้ดึงหน้าบ้าง เสริมจมูกบ้าง ทำตา ทำนมอะไรกันอีกเพียบ”
“เฮ้อ..เพิ่งเห็นกันอยู่หลัดๆ เมื่อเช้ายังยกมือไหว้แกอยู่เลย”
สาวใหญ่หมวกขาวยังคงรำพึงรำพันถึง ‘ศพ’ ร่างนั้นไม่หยุดปาก เข็มติดไหมเส้นที่สองกำลังถูกปักลงบนเนื้อหนังอันหนาเตอะไร้ความรู้สึกจากฤทธิ์ยาชา เธอยังคงพูดและมองกราดไปรอบห้องราวกับจะมองหาสาวๆหน้าพลาสติกดังกล่าว ส่วนหมอคนสวยก็เพียงแต่ยิ้มเย็น ไม่ออกความเห็นใดๆ จนกระทั่ง..
“แต่แป๋มว่านะคะ..คนในนี้ทำไปก็งั้นๆล่ะค่ะ ใครจะทำแล้วออกมาสวยเท่าแฟนเก่าหมอฉัตร”
ฉันรู้สึกว่าหมอคนที่เย็บแผลให้ฉันหยุดชะงักฝีเข็มลงทันควัน ตวัดสายตาคมเฉียบขึ้นมอง เหมือนจะปรามให้หยุดพูด ทว่าเธอคนนั้นไม่สามารถเบรกความเมามันนี้ได้อีกต่อไป ทั้งยังเปลี่ยนเป้าหมายมาที่ฉัน รอยยิ้มนั้นมีเลศนัย แววหยามหยันปรากฏขึ้นใต้กรอบแว่น
“จริงมั้ยคะน้องดาว...หาน้องสาวเจอหรือยังคะ น้องแพรน่ะ หายไปกี่ปีแล้ว”
น้องแพร..
หายไปกี่ปีแล้ว..
หายไปกี่ปีแล้ว..
น้องตายไปแล้ว..
น้องหายไปกี่ปีแล้วว
โลกกำลังหมุนรอบตัวฉัน โลกหมุนด้วยความเร็วมากขึ้น มากขึ้น
เสียงสะท้อนดังก้องอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมา ฉันรู้สึกเหมือนสมองจะระเบิด เหมือนใครกำลังขยำขยี้ทุกสรรพสิ่งในหัวฉันให้แหลกสลาย ชื่อนั้น..ประโยคนั้น..ฉันไม่รู้ ฉันไม่เข้าใจ ฉันไม่รู้จักคนชื่อนั้น ทว่าทำไม..ฉันถึงเจ็บปวด เหมือนไม่ใช่ตัวฉัน ทันใดนั้นตัวฉันก็ค่อยๆลีบลง เล็กลง ฉันถูกดูดเข้ามาอยู่ในมุมมืด เสียงทุ้มๆของพยาบาล เสียงที่เคยอ่อนโยนในตอนแรก กลับกลายมาเป็นอาวุธทำร้ายฉันในตอนนี้ เสียงนั้นค่อยๆไกลออกไป ห่างออกไป แสงสว่างรอบตัวริบหรี่ลง จนมืดสนิท ฉันกำลังจะหายไป
ก่อนที่ฉันจะหายไปจากตรงนั้น ฉันได้ยินตัวเอง ที่เสมือนไม่ใช่ตัวเองกำลังขยับริมฝีปากพูดอะไรบางอย่าง
เสียงนั้นดัง ฟังชัด ฉะฉาน เด็ดเดี่ยว ทว่าเยียบเย็นในหางเสียง
“แพรอยู่กับฉัน..แพรกลับมาทวงบาป!”