รักในรอยฝัน บทที่ 12 ความทรงจำอันว่างเปล่า

อาบิเกลตกอยู่ในฝันร้ายนับแต่เหตุฆาตกรรมในบ้านที่เธอเป็นผู้ต้องสงสัย ผ่านไป 4 ปี เธอพบเงื่อนงำ
ที่นำไปสู่เหตุฆาตกรรมที่ทำให้เธอเสียความทรงจำ ทว่ายิ่งความจำเธอกลับคืนมาอันตรายก็ยิ่งคืบคลาน
สู่ชีวิตเธอมากขึ้น ใครคือฆาตกรและมันต้องการอะไรกันแน่



12
ความทรงจำอันว่างเปล่า



โดย ฮาร์โมนิก้า


เธอตื่นขึ้นมาภายในห้องสีขาวสะอาดตา

ลักษณะของเตียงนอนสีขาวแบบปรับได้ สภาพห้องที่เรียบง่ายมีปลั๊กเสียบอุปกรณ์ฉุกเฉินมากมาย
พร้อมโต๊ะเลื่อนสำหรับพักอาหาร กลิ่นสะอาดผสานกับกลิ่นยาและแอลกอฮอล พร้อมบรรยากาศ
สงบโดยรอบบอกให้รู้ว่าเธอกำลังอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าที่ไหน

ข้อเท้าข้างขวามีเฝือกอ่อนหุ้มอยู่ แขนข้างซ้ายมีพลาสเตอร์ปิดแผลไว้อย่างสะอาดสะอ้าน หญิงสาว
ลองแตะที่ศีรษะซึ่งยังปวดตุบๆ ก็พบว่ามีผ้าพันแผลพันไว้เช่นกัน เธอได้รับการรักษาแต่โดยใครกัน
ห้องทั้งห้องว่างเปล่าพอๆ กับความทรงจำในสมองของเธอ มันก่อให้เกิดความรู้สึกอ้างว้าง
หวาดกลัวอย่างรุนแรง

เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ประตูห้องบานใหญ่จะถูกผลักออก หญิงสาวชาวจีนในชุดแพทย์เดินเข้ามา
พร้อมพยาบาลผมสีน้ำตาลซึ่งเดินตามมาพร้อมเครื่องวัดความดัน

“อ้อ ฟื้นแล้วหรือคะ สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับกลับมานะคะ ฉันลิซ่า ตัน เป็นแพทย์ที่รักษาคุณ”

เธอมองดูคุณหมอสาวชาวเอเซียที่เดินนำพยาบาลวัยกลางคนเข้ามาในห้องอย่างมึนงง พยาบาลขอ
อนุญาตก่อนจะนำเครื่องวัดความดันมาวัดที่ต้นแขน พร้อมสอดปรอทวัดไข้ในรูหู

“ความดันปกติค่ะคุณหมอ และไม่มีไข้แล้ว” พยาบาลสาวรายงาน

แพทย์หญิงลิซ่าพยักหน้า พร้อมกับเอาหูฟังมาตรวจดูหน้าอกของเธอนิ่งอยู่ครู่

“อืม ดูดีนะ ดีใจที่คุณกลับมาหาเรานะคะ รู้สึกเป็นยังไงบ้าง”

ผู้ป่วยสาวนิ่งคิดนิดหนึ่ง เป็นครั้งที่สองแล้วที่คุณหมอพูดเหมือนเธอไปที่ไหนมา

“มึนๆ หัวค่ะคุณหมอ แล้วก็เหมือนไม่มีแรง แต่ทำไมคุณหมอจึงทักว่าขอต้อนรับกลับมาล่ะคะ
ฉันไปที่ไหนมาหรือ”

แพทย์หญิงลิซ่ายิ้ม เธอเปิดเปลือกตาหญิงสาวแล้วใช้ไฟฉายส่องดู ก่อนตรวจดูบาดแผลที่ศีรษะ
แขน ชายโครงและที่หน้าแข้ง

“คุณหมดสติไปสามวันค่ะ หมอไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคุณไปที่ไหนมาบ้างในระหว่างสามวันนี้ แต่
หมอดีใจนะคะที่คุณเลือกที่จะกลับมา ร่างกายคุณฟื้นตัวได้ดีนะคะ บาดแผลดูดี ไม่น่าจะมีการ
ติดเชื้ออะไร เดี๋ยวหมอจะให้พยาบาลทำความสะอาดแผลให้ ส่วนน้ำเกลือนี่ยังต้องให้ต่ออีกสัก
สองขวด หมอจะฉีดยาแก้อักเสบไว้ให้อีกหนึ่งเข็มนะคะ หลังจากนี้ก็เปลี่ยนเป็นยากินได้ วันนี้
คุณเริ่มทานอาหารอ่อนได้แล้ว จะได้มีแรง”

คนป่วยนอนฟังคุณหมอพูดยาวด้วยดวงตาปริบๆ อย่างประหลาดใจ คุณหมอพูดไปทำงานไป
ไม่ได้หยุดนิ่ง กระทั่งหันมาบอกเธอเรื่องน้ำเกลือ ก่อนจะรับเข็มฉีดยาจากพยาบาลมาแทงเข็ม
เข้าท่อน้ำเกลือ

“ยามันเจ็บหน่อยนะคะ แต่แป๊บเดียวค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็รู้สึกแปลบนิดๆ เมื่อตัวยาแทรกผ่าน
สายน้ำเกลือเข้าสู่เส้นเลือด

“ฉันเป็นอะไรหรือคะคุณหมอ”

“คุณได้รับอุบัติเหตุ เจ็บหนักหลายแผลแต่ไม่มีอันตรายรุนแรง ที่น่าห่วงคืออาการกระทบกระเทือน
ที่ศีรษะ หมอให้ทำเอ็มอาร์ไอดูแล้ว สมองไม่ได้รับบาดเจ็บหรืออันตรายอะไร ว่าแต่ คุณพอนึกอะไร
ออกบ้างมั้ย”

เธอเอียงศีรษะทำท่าครุ่นคิด คิดอะไรออกงั้นหรือ

“คุณรู้มั้ยว่าคุณชื่ออะไร เป็นใคร แล้วมาประสบอุบัติเหตุได้ยังไง” คุณหมอถามซ้ำ

หญิงสาวเบิกตากว้างอย่างตกตะลึง เธอคิดไม่ออก เธอเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่ และที่นี่คือที่ไหนงั้นหรือ

แพทย์หญิงลิซ่ามองดวงตาสีเขียวมรกตที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกก็เข้าใจ “อย่ากังวลค่ะ อาการ
ความจำเสื่อมชั่วคราวแบบนี้ไม่ได้น่ากลัวอะไร ปกติแผลหายสักพักความจำก็จะฟื้นคืนมา”

“แต่นี่ แผลฉันยังไม่หายหรือคะคุณหมอ” ถามเสียงสั่น รู้สึกถึงดวงตาที่รื้นน้ำตา

“ก็ดีขึ้นมากค่ะ อย่าเพิ่งรีบกังวลนะคะ บางครั้งหากคุณมีเรื่องที่กระทบใจรุนแรง ความจำก็อาจ
จะกลับมาช้านิดหนึ่ง เพราะสมองของเราบางครั้งก็มีกลไกป้องกันตัวเอง การลืมชั่วขณะเป็น
การช่วยให้เวลาจิตใจในการรับมือกับเรื่องเสทือนใจบางอย่าง ในกรณีของคุณอาจไม่ใช่ก็ได้
อาจเป็นผลของบาดแผลที่ศีรษะเท่านั้น ดังนั้นพักผ่อนให้สบายก่อนค่ะ หากได้กลับไปเจอ
ผู้คนและสถานที่คุ้นเคย ก็อาจจะจำได้ก็ได้ ที่สำคัญแผลยังไม่หายเลย นอนต่อรักษาตัวอีก
สักพัก หากแผลที่ศีรษะหายก็อาจจะเริ่มจดจำอะไรได้ก็ได้”

“จริงหรือคะคุณหมอ”

“ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนั้นนะคะ แต่อย่างไรเสียคุณจะได้พบจิตแพทย์ ให้จิตแพทย์เป็นคน
ตรวจดูและสรุปอาการของคุณดีกว่า เอาล่ะ พักก่อนนะคะ พยาบาลจะทำความสะอาดและ
เปลี่ยนผ้าพันแผลให้ เสร็จแล้วจะมีอาหารมาให้ทาน ทานเสร็จก็ทานยา หมออยากให้คุณ
พักที่โรงพยาบาลดูอาการต่ออีกสักสองสามวัน”

หญิงสาวพยักหน้า มึนงงและเพลียเกินกว่าจะโต้แย้ง เธอมองดูพยาบาลที่นำอุปกรณ์มาทำ
ความสะอาดแผลแล้วก็กล่าวขอบคุณคุณหมอผู้ซึ่งขอตัวออกไปราวด์ต่อ โดยสัญญาว่าจะ
มาเยี่ยมเธอใหม่วันรุ่งขึ้น

หลังจากกินยาหลังอาหารเสร็จหญิงสาวก็เพลียและหลับไปอีกครั้ง เธอตื่นขึ้นอีกทีตอนเย็น
เพราะถูกปลุกให้กินอาหาร หญิงสาวกินได้ค่อนข้างมากรู้สึกหิวอย่างที่ไม่เคยหิวมาก่อน
ผู้ช่วยพยาบาลบอกว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่บอกว่าร่างกายกำลังฟื้นตัว ยาที่หมอจ่ายให้คงทำ
ให้เธอง่วงนอน เพราะเธอหลับหลังจากที่กินอาหารและยาเสร็จไม่นาน ทำให้ไม่มีเวลาคิด
กังวลเรื่องอาการความจำเสื่อมของตัวเอง เธอตื่นขึ้นเป็นพักๆ บางครั้งก็ลืมตามาเห็นใบหน้า
คมสัน ดวงตาสีน้ำเงินเข้ม ผมสีน้ำตาลดำของชายร่างสูงที่ช่วยเธอออกมาจากป่าพร้อมกับ
สุนัขของเขา เธอยิ้มให้ ดีใจกับตัวเองที่ยังจดจำเขาได้ ก่อนจะผล็อยหลับไปอีก หญิงสาว
ตื่นเต็มตาอีกครั้งตอนรุ่งเช้า พบว่าน้ำเกลือถูกถอดออกไปแล้ว เธอลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ
อาบน้ำ แปรงฟัน สระผมให้ตัวเองเสร็จก็นอนรอพบคุณหมออย่างตั้งใจ

“สวัสดีค่ะ วันนี้ตื่นมารอหมอเลยหรือคะ” แพทย์หญิงลิซ่าถามเมื่อเปิดประตูห้องมาพบ
คนไข้นั่งเอนๆ รออยู่ด้วยดวงตาใสแจ๋ว

“สวัสดีค่ะคุณหมอ ฉันนอนอยู่ในโรงพยาบาลกี่วันแล้วหรือคะ”

“ห้าวันค่ะ” คุณหมอตอบหลังเหลือบมองวันที่ในแฟ้มประวัติ จากนั้นจึงเริ่มตรวจร่างกายคนป่วย

“อืม ดูดีนะ แผลหายเร็วมาก ไม่มีอาการข้างเคียงอะไร อีกสองวันก็น่าจะกลับบ้านได้”

“บ้านหรือคะ แต่…คุณหมอคะ ฉันยังจำไม่ได้เลยว่าบ้านอยู่ไหน และตัวเองเป็นใคร”

“อืม อย่ากังวลไปค่ะ ปกติแผลหายแล้วความจำน่าจะกลับมา ในกรณีของคุณอาจมีปัญหากระทบ
กระเทือนจิตใจ อย่างที่บอก ให้เวลากับจิตใจสักพัก และหากได้กลับไปอยู่ในสถานที่คุ้นเคย
ประกอบกับสภาพจิตใจและร่างกายดี สักพักความทรงจำจะกลับมาเอง”

“แล้วถ้ามันไม่กลับมาล่ะคะ”

“ไม่หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องกลับมา จะเร็วหรือช้าเท่านั้น ใจเย็นๆ ค่ะ ต้องพยายามคิดบวกเข้าไว้
อ้อ! วันนี้พยาบาลจะพาคุณไปพบจิตแพทย์นะคะ บางทีผู้เชี่ยวชาญอาจวิเคราะห์และสรุปอาการ
ของคุณได้ดีกว่า”

“ค่ะ”

คุณหมอออกไปแล้ว ทิ้งให้เธอนั่งเหงาหงอยรออาหารเช้ามาเสริฟ เธอกินได้ค่อนข้างดีอาจ
เพราะร่างกายต้องการอาหารเพื่อฟื้นตัว เมื่อกินยาหลังอาหารแล้วเธอก็ผล็อยหลับอีก พยาบาล
มาพาเธอไปพบจิตแพทย์ตอนสิบโมงเช้า แต่ก็ไม่ได้ทราบอะไรเพิ่มมากขึ้น หมอยังไม่ต้องการ
สะกดจิตเธอเวลานี้ เพราะเชื่อว่าสักพักเธอจะจำได้เอง หมอนัดพบเธออีกสองสัปดาห์หลังจากนี้
ซึ่งถึงตอนนั้นเธอคงออกจากโรงพยาบาลแล้ว

พยาบาลเข็นเธอกลับมายังห้องพักผู้ป่วย ซึ่งความอ่อนเพลีย ฤทธิ์ยา และบรรยากาศซึมเซาขาว
สะอาดไปหมดในโรงพยาบาล ก็ทำให้เธอหลับต่อได้อย่างรวดเร็ว หญิงสาวตื่นขึ้นเป็นพักๆ เพื่อ
กินอาหารกลางวัน และรู้สึกอุ่นใจที่ลืมตามาในตอนบ่ายและเห็นชายหนุ่มดวงตาสีน้ำเงินคนเดิม
ที่ช่วยเธอไว้จากในป่า ดูเหมือนเธอจะลืมตามาเห็นเขาเป็นระยะทุกวัน แม้จะไม่ได้คุยกันแต่มัน
ก็สร้างความเคยชินและความอบอุ่นใจให้เธออย่างประหลาด

เช้าวันที่เจ็ดแพทย์หญิงลิซ่ามาตรวจอาการเธอเป็นวันสุดท้ายในตอนเช้า พยาบาลที่เดินตามมา
ด้วยช่วยวัดความดันและวัดไข้ให้พร้อมกับทำแผลเป็นครั้งสุดท้ายก่อนออกจากโรงพยาบาล

“อาการคุณดีขึ้นมาก แผลก็หายเร็ว ทั้งที่ศีรษะด้วย หมอให้อยู่รอดูอาการ แต่ผลตรวจทั้งหมด
ออกมาปกติ ตัวคนไข้ก็สุขภาพร่างกายแข็งแรงดี หมอคิดว่าจะให้คุณกลับบ้านได้วันนี้แล้วค่ะ”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่