Ghost Stories...
หนังสยองขวัญสั่นประสาทที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดในตอนนี้ จากสองผู้กำกับ เจรามี่ ไดสัน และแอนดี้ นายส์แมน ที่เคยสร้างผลงานละครเวทีแนวสยองขวัญชื่อดังอย่าง
"Ghost Stories"
ที่ขนานนามว่าเป็นละครเวทีที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา โดยมีการตระเวนจัดแสดงในหลายๆ เมืองทั่วโลก ตราตรึงความหลอนในใจของผู้ชมนับครึ่งล้านชีวิตอย่างไม่รู้ลืม และขายดิบขายดีจนเรียกได้ว่า บัตรเกลี้ยงกันไปทุกรอบที่เปิดแสดงเลยทีเดียว
โดยหนังเรื่องนี้ก็จะว่าด้วยเรื่องราวของ... ศาสตราจารย์ ฟิลิปส์ กู้ดแมน ชายผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง และมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ โกหกหลอกลวง เขาอุทิศตนทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ตนเชื่อด้วยการจัดทำรายการของตัวเองขึ้นมา เปิดโปงพวกเวทีร่างทรง หักหน้าพวกที่งมงายเรื่องวิญญาณมาหลายสำนัก
จนกระทั่งวันนึง ก็มีจดหมายลึกลับส่งตรงมาถึงศาสตราจารย์คนนี้ ท้าให้เขาไปพิสูจน์เหตุการณ์ประหลาดชวนขนหัวลุก 3 เรื่อง ที่ยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้แน่ชัด
ศาสตราจารย์จึงออกตระเวนไปตามสถานที่ทั้งสามและพยายามหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เขาเชื่อ แต่ก็น่าประหลาด เมื่อขณะที่เขาดูจะเข้าใกล้เบาะแสเหล่านั้นมากเท่าไหร่ สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ยิ่งอธิบายยากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเขาพยายามใช้เหตุผลมาอธิบายยังไง เหตุการณ์ก็ยิ่งห่างไกลความเป็นจริง... มากขึ้นเท่านั้น !
เชิญพบกับ เหตุการณ์สุดสะพรึงยากจะหาคำจำกัดความ ที่อาจจะเปลี่ยนโลกทั้งใบที่เขาเชื่อไปตลอดกาลใน...
GHOST STORIES พิสูจน์ผี !!
ถ้าทุกคนพร้อมรับมือประสบการณ์ชวนหลอนทั้งสามนี้แล้วล่ะก็ ไปรับชมรีวิวกันได้เลยครับ
= ความหลอนสั่นประสาท =
ในเรื่องของความหลอน ความสั่นประสาท เรื่องนี้ทำได้ดีเกินคาดเลยครับ เล่นกับแสงและความมืดได้ดีมาก บรรยากาศจัดเต็มชวนขนหัวลุก
มีการใช้จังหวะมุมกล้องที่ให้เราลุ้นระทึกจนใจสั่น สับขาหลอกจนคนดูคาดเดาอะไรไม่ได้ และสร้างอารมณ์หลอนได้ต่อเนื่องในจังหวะที่ตัวละครค่อยๆ เดินสำรวจเข้าไปในความมืด ก็จะมีเหตุการณ์นู่นนี่โผล่มาระหว่างทาง แถมหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ชวนเราลุ้นว่าจังหวะต่อไปอะไรจะโผล่มา
ผมไม่เคยดูหนังผีเรื่องไหนที่ทำให้ใจสั่นได้รัวๆ เท้าชุ่มเหงื่อได้เท่าเรื่องนี้อีกแล้วครับ...
ลืมหนังผีตุ้งแช่ของเจมส์ วอน ไปได้เลย เพราะผีในเรื่องนี้ไม่ได้โผล่มาเล่นๆ ซะด้วย เขาจะมีจังหวะที่ค่อยๆ บีบคั้นคนดูหนักขึ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง แล้วค่อยอัดใส่หน้าทีเดียวจนร่วงกันไปทั้งโรง ความเฮี้ยนของผีจะไล่ตั้งแต่เสียงวิทยุ ของที่ถูกย้ายที่ ไฟติดๆ ดับๆ รอยข่วนบนราวไม้ คนที่หันหลังยืนนิ่ง ปล่อยคนดูอึดอัดตลอดเวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น จนไปถึงโผล่เข้าหน้าคนดูแบบไม่ให้สุ้มเสียง
จนแทนที่เราจะกลัวไม่อยากให้ผีออกมา กลายเป็นลุ้นให้มันรีบโผล่ออกมาให้จบๆไปสักที มันทรมานนนน... ฮืออ
ให้คะแนนส่วนนี้ไป 5 / 5 เลยครับ
= เนื้อเรื่อง / เทคนิคการเล่าเรื่อง =
ต้องยอมรับเลยว่า หนังเรื่องนี้มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องได้สนุก และมีศิลปะ รู้สึกถึงความพิถีพิถันในตัวบทของหนังที่ทำออกมาได้โอเค และเข้าใจง่าย มีการแทรกปมดราม่าผ่านเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกทั้งสาม ขณะที่เนื้อเรื่องก็ยังเดินไปข้างหน้า ไม่วกวนไปมา มีการโปรยปริศนาไว้ให้คนดูสงสัยตลอดทาง
ข้อเสียก็เห็นจะเป็นปริศนาในแต่ละคดี ที่อาจทิ้งไว้มากเกินไปหน่อยจนคนดูไม่อาจจดจำได้หมด และด้วยข้อมูลรายละเอียดในแต่ละเหตุการณ์ที่ปูมาค่อนข้างน้อย ทำให้เราหาความเชื่อมโยงได้ยาก เหมือนโดนมัดมือชกให้เดาไม่ได้นั่นแหละครับ
ในคดีทั้งสาม ตัวศาสตราจารย์แค่เดินทางไปหาคนที่ประสบเหตุการณ์พิลึกพิลั่นแล้วให้เขาเล่าให้ฟัง ก่อนจะตัดฉากย้อนไปถึงเหตุการณ์นั้น
ซึ่งการพิสูจน์ผีของฟิลิปค่อนข้างผิดคาด เพราะเขาไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์จับสัญญาณผี หรืออะไรอย่างนั้น แต่กลับเป็นการพูดปากเปล่าด้วยทฤษฎีของตัวเองเสียมากกว่า ซึ่งดูไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไหร่ เนื้อเรื่องเหมือนพยายามเร่งเล่าไปให้ครบสามเรื่องตามคอนเซ็ปส์ สรุปบ้างทิ้งให้งงบ้าง แบบไม่ค่อยปะติดปะต่อ แล้วตามด้วยเหตุการณ์แทรกบางอย่างที่เป็นจุดสำคัญ ก่อนจะพาคนดูไปเจอกับ... บทสรุปของเรื่อง
วางป้ายคะแนนไป 4 / 5 ครับส่วนนี้
= ความน่าสนใจ =
ถ้าพูดถึงความน่าสนใจของเนื้อเรื่อง ก็ทำได้ค่อนข้างดีครับ ถึงจะมีความเนือยๆ ไปบ้างตอนปูปมต้นเรื่อง แต่เมื่อถึงช่วงที่ดึงคนดูเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ทั้งสามคดี ตัวหนังก็สามารถดึงความสนใจคนดูกลับมาได้ ให้เรานั่งหลังตรงติดเบาะด้วยปริศนา ร่องรอยต่างๆ ที่ทิ้งให้คนดูสงสัยตลอดเวลา
การพิสูจน์ผีก็จะไม่ได้อารมณ์สืบสวนอะไร เหมือนตั้งใจให้คนดูอย่างเราๆ เป็นผู้รวบรวมเบาะแสแต่ละชิ้นมาประกอบกันเอง แต่หนังก็ดำเนินต่อไปในสไตล์ของมันได้ไหลลื่นครับ ไม่มีติดขัดอะไร
จุดนี้ขอให้ไป 4 / 5 แล้วกันครับ
= การแสดง =
เป็นส่วนของหนังที่จัดว่าโคตรพีคครับ โดยเฉพาะเด็กผู้ประสบเหตุการณ์ในภาพนี้จากคดีที่สอง แสดงได้สมบทบาทมาก ทั้งสีหน้าหวาดกลัว คำพูดที่ฟังดูหลอน ท่าทางเหมือนคนที่เจอเหตุการณ์บ้าคลั่งซ้ำๆ จนเสียสติ ทำเอาคนดูอย่างผมอึ้งไปได้หลายซีน
โดยรวมแล้วจัดว่าทุกตัวละครในเรื่องแสดงได้ดีครับ ยิ่งผสมรวมกับบรรยากาศชวนหลอนที่หนังทำได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เราอินกับเหตุการณ์ตรงหน้าได้มากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าตัวละครกลัว คนดูกลัวจนตัวสั่น ตัวละครเศร้าเสียใจ คนดูก็จิตตกตามไปด้วย ซึ่งหนังเรื่องนี้กินขาดเรื่องการบิ๊วอารมณ์คนดู มีชั้นเชิงจิตวิทยาให้เรามีอารมณ์ร่วมอยู่ตลอดเวลาชั่วโมงครึ่งของหนังอย่างไม่ยากเย็น
ส่วนนี้ให้คะแนนกันไป 5/5 เลยครับ
= ดนตรีประกอบ =
หนังเรื่องนี้ ดนตรีประกอบนี่เรียกได้ว่าตัวดีเลยครับ แค่ภาพธรรมดา ทั้งบรรยากาศ ทั้งมุมกล้อง ก็กดดันจนหายใจไม่ทั่วท้องอยู่แล้ว ยังมาบิ๊วกันได้อีก ซึ่งดนตรีมันก็จะเป็นแนวบรรยากาศ ที่จังหวะแปลกๆ ฟังไม่รื่นหูเท่าไหร่ สร้างความไม่น่าไว้วางใจในกับคนดู เหมือนกับต้องกวาดตามองทุกฝีก้าวของตัวละคร
ถึงเรื่องนี้จะไม่ได้เน้นผีหลอกแบบตุ้งแช่ แต่จังหวะที่มันออกมา เราไม่สามารถคาดเดาได้จากดนตรีเหมือนหนังผีเรื่องอื่นครับ ซึ่งจุดนี้แหละครับ ที่ผมมองว่ามันดี และแหวกแนวมากๆ จะไม่เหมือนพวกหนัง conjoring ที่จังหวะตอนผีจะโผล่ จะรู้ได้ทันทีจากระดับความเร้าของดนตรีที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่จำเป็นเลยครับสำหรับเรื่องนี้ แค่เสียงของหล่นจากลำโพงด้านหลังก็เล่นเอาเสียวสันหลังวาบแล้ว
5 / 5 สั้นๆ ครับ
= การหักมุม =
ตรงจุดคลายปมที่เป็นบทสรุปของเรื่อง บอกได้คำเดียวว่าโคตรเหวอจนหงายหลัง หักหน้าคนดูแบบไม่เกรงใจ ลืมหนังผีจอมหักมุมอย่าง The Boy และ Hereditary ไปได้เลยครับ เพราะสองเรื่องนี้ยังพอมีเค้าให้คาดเดาอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้เบี่ยงเข้าข้างทางตกเหวกันไปข้างเลยทีเดียว เรียกได้ว่า ถ้าใครถูกใจการหักมุมแบบนี้ก็รักเรื่องนี้ไปเลย ถ้าใครเกลียดก็จะเกลียดเข้าไส้ไปเลยครับ
ส่วนตัวผมเองก็เหวอหนักอยู่ แต่ยังอินระดับกลางๆ ไม่รักไม่เกลียด เพราะว่าได้ดูรีวิวมาหลายเจ้า ซึ่งบอกเตือนผมเอาไว้แล้วเป็นเสียงเดียวกันว่า บทสรุปมันเหวอแบบเข้ารกเข้าพง ให้ทำใจก่อนไปดู
ผมก็ทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจ ตัดสินใจไปดูให้รู้กับตา ในใจคิดว่ามันจะซักแค่ไหนเชียว
แต่เมื่อไปเจอบทสรุปท้ายเรื่อง สมองผมแค่หยุดทำงานไปหลายนาที ทำหน้าเหวออ้าปากจนเกือบกรามค้างเท่านั้นเองครับ ขนาดทำใจมาแล้วนะเนี่ย...
= ความน่าดูโดยรวม =
ถึงตอนดูหนังเรื่องนี้จะผิดคาดจากที่คิดไว้ไปมาก แต่ก็ยังถือว่าไม่น่าเบื่อ และชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง มีหลายจุดให้ขบคิดกันเล่นว่าทำไม บางอย่างมันไม่สมเหตุสมผล แล้วทำไมบางจุดกับเรียลจนขนหัวลุก มีลูกหลอกลูกชนที่ถูกจังหวะ มีสไตล์การเล่าเรื่องน่าสนใจ
นอกจากการจัดบรรยากาศความมืด บรรยากาศกดดันชวนขนหัวลุกได้ดีทุกซีนแล้ว ตัวละครแต่ละตัวก็มีปมปริศนาของตัวเอง แสดงคาแรกเตอร์ และมุมมองค่อนข้างมีตัวตนจับต้องได้ แถมยังมีดราม่าชวนจิตตกที่แทรกเข้ามาประปรายให้ชวนกล้อมแกล้ม
โดยรวมแล้วจัดได้ว่าเป็นหนังผี ที่มีดีมากกว่าแค่ความหลอนจริงๆ ครับ ค่อนข้างประทับใจระดับนึงเลย ถึงตอนจบจะทำเอาเซไปสามตลบ และผิดคาดพล็อตบางจุดไปบ้าง
= ข้อดี - ข้อเสีย =
แล้วก็มาถึงช่วงสรุปข้อดีข้อเสียกันให้เห็นกันชัดๆ ว่าหนังเรื่องนี้จะเหมาะกับคุณหรือไม่
= ข้อดี
- ไม่เอะอะตุ้งแช่ แต่น่ากลัว และคงความหลอนอย่างหนักหน่วง
- เล่าเรื่องได้สนุก และผูกปมเรื่องได้น่าสนใจ
- ตัวละครมีมิติ และคาแรกเตอร์ชัดเจน
- การแสดงเหนือชั้นมาก อินเนอร์บทกันทุกคน
- เร้าอารมณ์คนดูให้อินตามได้แบบมีชั้นเชิง ไม่ยัดเยียด
- เนื้อเรื่องคาดเดาได้ยาก และน่าติดตาม
= ข้อเสีย
- การสืบสวนทั้งสามคดียังดูเลื่อนลอย และไม่มีน้ำหนักให้เชื่อถือ
- การดำเนินเรื่องค่อนข้างไว คดีทั้งสามเหมือนรีบเล่าให้พอผ่านๆ ไป
- การหักมุมแบบหลังหักชนิดลงเหว ที่อาจมองเป็นข้อเสีย หรือ ข้อดีก็ได้
=แนะนำ
- สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาโรคหัวใจ
- สำหรับคนที่จิตแข็ง เพราะมีบางฉากสะเทือนใจหนัก และติดตามากๆ
- สำหรับคนที่เบื่อหนังผีแบบตุ้งแช่ หรือเกลียดตัวละครที่ชอบทำอะไรโง่ๆ
- สำหรับคนที่ชื่นชอบความหักมุมเกินคาดคิด
- สำหรับคนที่ชอบการถ่ายทำสไตล์อังกฤษ
- สำหรับคนที่ชอบหนังผีที่มีอะไรมากกว่าความสยองขวัญ
เอาล่ะครับ หลังจากรีวิวความหลอนจัดเต็มจากสามเรื่องเล่าขนหัวลุก จิ้งจอกสายอินดี้ ก็จะมาวางป้ายให้คะแนนกับหนังเรื่องนี้ไปที่ 4.5 คะแนน เต็มห้าไปนะขอรับ
หัก 0.5 คะแนน ข้อหาทำผมเหวอจนเกือบกรามค้างในโรงหนัง 555
เอาล่ะครับ รีวิววันนี้ก็เริ่มยาวซะแล้ว งั้นกระผม จิ้งจอกสายอินดี้ ขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ ^ ^
--------------------------------------
ติดตามรีวิวจัดเต็มของบล็อกเกอร์ "IndyFox จิ้งจอกสายอินดี้" ได้ที่
Maggang :
https://indyfox.maggang.com/
เพจเฟสบุ้ค :
https://www.facebook.com/Indyfoxreview
[CR] รีวิวหนังผี Ghost Stories [ไม่สปอย] มิติใหม่แห่งความหลอน และความเหวอขั้นสุด
Ghost Stories...
หนังสยองขวัญสั่นประสาทที่ถูกพูดถึงกันมากที่สุดในตอนนี้ จากสองผู้กำกับ เจรามี่ ไดสัน และแอนดี้ นายส์แมน ที่เคยสร้างผลงานละครเวทีแนวสยองขวัญชื่อดังอย่าง
"Ghost Stories"
ที่ขนานนามว่าเป็นละครเวทีที่น่ากลัวที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมา โดยมีการตระเวนจัดแสดงในหลายๆ เมืองทั่วโลก ตราตรึงความหลอนในใจของผู้ชมนับครึ่งล้านชีวิตอย่างไม่รู้ลืม และขายดิบขายดีจนเรียกได้ว่า บัตรเกลี้ยงกันไปทุกรอบที่เปิดแสดงเลยทีเดียว
โดยหนังเรื่องนี้ก็จะว่าด้วยเรื่องราวของ... ศาสตราจารย์ ฟิลิปส์ กู้ดแมน ชายผู้ไม่เชื่อเรื่องผีสาง และมองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ โกหกหลอกลวง เขาอุทิศตนทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ตนเชื่อด้วยการจัดทำรายการของตัวเองขึ้นมา เปิดโปงพวกเวทีร่างทรง หักหน้าพวกที่งมงายเรื่องวิญญาณมาหลายสำนัก
จนกระทั่งวันนึง ก็มีจดหมายลึกลับส่งตรงมาถึงศาสตราจารย์คนนี้ ท้าให้เขาไปพิสูจน์เหตุการณ์ประหลาดชวนขนหัวลุก 3 เรื่อง ที่ยังไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้แน่ชัด
ศาสตราจารย์จึงออกตระเวนไปตามสถานที่ทั้งสามและพยายามหาหลักฐานเพื่อพิสูจน์สิ่งที่เขาเชื่อ แต่ก็น่าประหลาด เมื่อขณะที่เขาดูจะเข้าใกล้เบาะแสเหล่านั้นมากเท่าไหร่ สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็ยิ่งอธิบายยากขึ้นเท่านั้น ยิ่งเขาพยายามใช้เหตุผลมาอธิบายยังไง เหตุการณ์ก็ยิ่งห่างไกลความเป็นจริง... มากขึ้นเท่านั้น !
เชิญพบกับ เหตุการณ์สุดสะพรึงยากจะหาคำจำกัดความ ที่อาจจะเปลี่ยนโลกทั้งใบที่เขาเชื่อไปตลอดกาลใน...
GHOST STORIES พิสูจน์ผี !!
ถ้าทุกคนพร้อมรับมือประสบการณ์ชวนหลอนทั้งสามนี้แล้วล่ะก็ ไปรับชมรีวิวกันได้เลยครับ
ในเรื่องของความหลอน ความสั่นประสาท เรื่องนี้ทำได้ดีเกินคาดเลยครับ เล่นกับแสงและความมืดได้ดีมาก บรรยากาศจัดเต็มชวนขนหัวลุก
มีการใช้จังหวะมุมกล้องที่ให้เราลุ้นระทึกจนใจสั่น สับขาหลอกจนคนดูคาดเดาอะไรไม่ได้ และสร้างอารมณ์หลอนได้ต่อเนื่องในจังหวะที่ตัวละครค่อยๆ เดินสำรวจเข้าไปในความมืด ก็จะมีเหตุการณ์นู่นนี่โผล่มาระหว่างทาง แถมหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ชวนเราลุ้นว่าจังหวะต่อไปอะไรจะโผล่มา
ผมไม่เคยดูหนังผีเรื่องไหนที่ทำให้ใจสั่นได้รัวๆ เท้าชุ่มเหงื่อได้เท่าเรื่องนี้อีกแล้วครับ...
ลืมหนังผีตุ้งแช่ของเจมส์ วอน ไปได้เลย เพราะผีในเรื่องนี้ไม่ได้โผล่มาเล่นๆ ซะด้วย เขาจะมีจังหวะที่ค่อยๆ บีบคั้นคนดูหนักขึ้นจนหายใจไม่ทั่วท้อง แล้วค่อยอัดใส่หน้าทีเดียวจนร่วงกันไปทั้งโรง ความเฮี้ยนของผีจะไล่ตั้งแต่เสียงวิทยุ ของที่ถูกย้ายที่ ไฟติดๆ ดับๆ รอยข่วนบนราวไม้ คนที่หันหลังยืนนิ่ง ปล่อยคนดูอึดอัดตลอดเวลาที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น จนไปถึงโผล่เข้าหน้าคนดูแบบไม่ให้สุ้มเสียง
จนแทนที่เราจะกลัวไม่อยากให้ผีออกมา กลายเป็นลุ้นให้มันรีบโผล่ออกมาให้จบๆไปสักที มันทรมานนนน... ฮืออ
ให้คะแนนส่วนนี้ไป 5 / 5 เลยครับ
ต้องยอมรับเลยว่า หนังเรื่องนี้มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องได้สนุก และมีศิลปะ รู้สึกถึงความพิถีพิถันในตัวบทของหนังที่ทำออกมาได้โอเค และเข้าใจง่าย มีการแทรกปมดราม่าผ่านเรื่องเล่าชวนขนหัวลุกทั้งสาม ขณะที่เนื้อเรื่องก็ยังเดินไปข้างหน้า ไม่วกวนไปมา มีการโปรยปริศนาไว้ให้คนดูสงสัยตลอดทาง
ข้อเสียก็เห็นจะเป็นปริศนาในแต่ละคดี ที่อาจทิ้งไว้มากเกินไปหน่อยจนคนดูไม่อาจจดจำได้หมด และด้วยข้อมูลรายละเอียดในแต่ละเหตุการณ์ที่ปูมาค่อนข้างน้อย ทำให้เราหาความเชื่อมโยงได้ยาก เหมือนโดนมัดมือชกให้เดาไม่ได้นั่นแหละครับ
ในคดีทั้งสาม ตัวศาสตราจารย์แค่เดินทางไปหาคนที่ประสบเหตุการณ์พิลึกพิลั่นแล้วให้เขาเล่าให้ฟัง ก่อนจะตัดฉากย้อนไปถึงเหตุการณ์นั้น
ซึ่งการพิสูจน์ผีของฟิลิปค่อนข้างผิดคาด เพราะเขาไม่ได้มีเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์จับสัญญาณผี หรืออะไรอย่างนั้น แต่กลับเป็นการพูดปากเปล่าด้วยทฤษฎีของตัวเองเสียมากกว่า ซึ่งดูไม่ค่อยมีน้ำหนักเท่าไหร่ เนื้อเรื่องเหมือนพยายามเร่งเล่าไปให้ครบสามเรื่องตามคอนเซ็ปส์ สรุปบ้างทิ้งให้งงบ้าง แบบไม่ค่อยปะติดปะต่อ แล้วตามด้วยเหตุการณ์แทรกบางอย่างที่เป็นจุดสำคัญ ก่อนจะพาคนดูไปเจอกับ... บทสรุปของเรื่อง
วางป้ายคะแนนไป 4 / 5 ครับส่วนนี้
ถ้าพูดถึงความน่าสนใจของเนื้อเรื่อง ก็ทำได้ค่อนข้างดีครับ ถึงจะมีความเนือยๆ ไปบ้างตอนปูปมต้นเรื่อง แต่เมื่อถึงช่วงที่ดึงคนดูเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ทั้งสามคดี ตัวหนังก็สามารถดึงความสนใจคนดูกลับมาได้ ให้เรานั่งหลังตรงติดเบาะด้วยปริศนา ร่องรอยต่างๆ ที่ทิ้งให้คนดูสงสัยตลอดเวลา
การพิสูจน์ผีก็จะไม่ได้อารมณ์สืบสวนอะไร เหมือนตั้งใจให้คนดูอย่างเราๆ เป็นผู้รวบรวมเบาะแสแต่ละชิ้นมาประกอบกันเอง แต่หนังก็ดำเนินต่อไปในสไตล์ของมันได้ไหลลื่นครับ ไม่มีติดขัดอะไร
จุดนี้ขอให้ไป 4 / 5 แล้วกันครับ
เป็นส่วนของหนังที่จัดว่าโคตรพีคครับ โดยเฉพาะเด็กผู้ประสบเหตุการณ์ในภาพนี้จากคดีที่สอง แสดงได้สมบทบาทมาก ทั้งสีหน้าหวาดกลัว คำพูดที่ฟังดูหลอน ท่าทางเหมือนคนที่เจอเหตุการณ์บ้าคลั่งซ้ำๆ จนเสียสติ ทำเอาคนดูอย่างผมอึ้งไปได้หลายซีน
โดยรวมแล้วจัดว่าทุกตัวละครในเรื่องแสดงได้ดีครับ ยิ่งผสมรวมกับบรรยากาศชวนหลอนที่หนังทำได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ทำให้เราอินกับเหตุการณ์ตรงหน้าได้มากขึ้นไปอีก เรียกได้ว่าตัวละครกลัว คนดูกลัวจนตัวสั่น ตัวละครเศร้าเสียใจ คนดูก็จิตตกตามไปด้วย ซึ่งหนังเรื่องนี้กินขาดเรื่องการบิ๊วอารมณ์คนดู มีชั้นเชิงจิตวิทยาให้เรามีอารมณ์ร่วมอยู่ตลอดเวลาชั่วโมงครึ่งของหนังอย่างไม่ยากเย็น
ส่วนนี้ให้คะแนนกันไป 5/5 เลยครับ
หนังเรื่องนี้ ดนตรีประกอบนี่เรียกได้ว่าตัวดีเลยครับ แค่ภาพธรรมดา ทั้งบรรยากาศ ทั้งมุมกล้อง ก็กดดันจนหายใจไม่ทั่วท้องอยู่แล้ว ยังมาบิ๊วกันได้อีก ซึ่งดนตรีมันก็จะเป็นแนวบรรยากาศ ที่จังหวะแปลกๆ ฟังไม่รื่นหูเท่าไหร่ สร้างความไม่น่าไว้วางใจในกับคนดู เหมือนกับต้องกวาดตามองทุกฝีก้าวของตัวละคร
ถึงเรื่องนี้จะไม่ได้เน้นผีหลอกแบบตุ้งแช่ แต่จังหวะที่มันออกมา เราไม่สามารถคาดเดาได้จากดนตรีเหมือนหนังผีเรื่องอื่นครับ ซึ่งจุดนี้แหละครับ ที่ผมมองว่ามันดี และแหวกแนวมากๆ จะไม่เหมือนพวกหนัง conjoring ที่จังหวะตอนผีจะโผล่ จะรู้ได้ทันทีจากระดับความเร้าของดนตรีที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่จำเป็นเลยครับสำหรับเรื่องนี้ แค่เสียงของหล่นจากลำโพงด้านหลังก็เล่นเอาเสียวสันหลังวาบแล้ว
5 / 5 สั้นๆ ครับ
ตรงจุดคลายปมที่เป็นบทสรุปของเรื่อง บอกได้คำเดียวว่าโคตรเหวอจนหงายหลัง หักหน้าคนดูแบบไม่เกรงใจ ลืมหนังผีจอมหักมุมอย่าง The Boy และ Hereditary ไปได้เลยครับ เพราะสองเรื่องนี้ยังพอมีเค้าให้คาดเดาอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้เบี่ยงเข้าข้างทางตกเหวกันไปข้างเลยทีเดียว เรียกได้ว่า ถ้าใครถูกใจการหักมุมแบบนี้ก็รักเรื่องนี้ไปเลย ถ้าใครเกลียดก็จะเกลียดเข้าไส้ไปเลยครับ
ส่วนตัวผมเองก็เหวอหนักอยู่ แต่ยังอินระดับกลางๆ ไม่รักไม่เกลียด เพราะว่าได้ดูรีวิวมาหลายเจ้า ซึ่งบอกเตือนผมเอาไว้แล้วเป็นเสียงเดียวกันว่า บทสรุปมันเหวอแบบเข้ารกเข้าพง ให้ทำใจก่อนไปดู
ผมก็ทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจ ตัดสินใจไปดูให้รู้กับตา ในใจคิดว่ามันจะซักแค่ไหนเชียว
แต่เมื่อไปเจอบทสรุปท้ายเรื่อง สมองผมแค่หยุดทำงานไปหลายนาที ทำหน้าเหวออ้าปากจนเกือบกรามค้างเท่านั้นเองครับ ขนาดทำใจมาแล้วนะเนี่ย...
ถึงตอนดูหนังเรื่องนี้จะผิดคาดจากที่คิดไว้ไปมาก แต่ก็ยังถือว่าไม่น่าเบื่อ และชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง มีหลายจุดให้ขบคิดกันเล่นว่าทำไม บางอย่างมันไม่สมเหตุสมผล แล้วทำไมบางจุดกับเรียลจนขนหัวลุก มีลูกหลอกลูกชนที่ถูกจังหวะ มีสไตล์การเล่าเรื่องน่าสนใจ
นอกจากการจัดบรรยากาศความมืด บรรยากาศกดดันชวนขนหัวลุกได้ดีทุกซีนแล้ว ตัวละครแต่ละตัวก็มีปมปริศนาของตัวเอง แสดงคาแรกเตอร์ และมุมมองค่อนข้างมีตัวตนจับต้องได้ แถมยังมีดราม่าชวนจิตตกที่แทรกเข้ามาประปรายให้ชวนกล้อมแกล้ม
โดยรวมแล้วจัดได้ว่าเป็นหนังผี ที่มีดีมากกว่าแค่ความหลอนจริงๆ ครับ ค่อนข้างประทับใจระดับนึงเลย ถึงตอนจบจะทำเอาเซไปสามตลบ และผิดคาดพล็อตบางจุดไปบ้าง
แล้วก็มาถึงช่วงสรุปข้อดีข้อเสียกันให้เห็นกันชัดๆ ว่าหนังเรื่องนี้จะเหมาะกับคุณหรือไม่
= ข้อดี
- ไม่เอะอะตุ้งแช่ แต่น่ากลัว และคงความหลอนอย่างหนักหน่วง
- เล่าเรื่องได้สนุก และผูกปมเรื่องได้น่าสนใจ
- ตัวละครมีมิติ และคาแรกเตอร์ชัดเจน
- การแสดงเหนือชั้นมาก อินเนอร์บทกันทุกคน
- เร้าอารมณ์คนดูให้อินตามได้แบบมีชั้นเชิง ไม่ยัดเยียด
- เนื้อเรื่องคาดเดาได้ยาก และน่าติดตาม
= ข้อเสีย
- การสืบสวนทั้งสามคดียังดูเลื่อนลอย และไม่มีน้ำหนักให้เชื่อถือ
- การดำเนินเรื่องค่อนข้างไว คดีทั้งสามเหมือนรีบเล่าให้พอผ่านๆ ไป
- การหักมุมแบบหลังหักชนิดลงเหว ที่อาจมองเป็นข้อเสีย หรือ ข้อดีก็ได้
=แนะนำ
- สำหรับคนที่ไม่มีปัญหาโรคหัวใจ
- สำหรับคนที่จิตแข็ง เพราะมีบางฉากสะเทือนใจหนัก และติดตามากๆ
- สำหรับคนที่เบื่อหนังผีแบบตุ้งแช่ หรือเกลียดตัวละครที่ชอบทำอะไรโง่ๆ
- สำหรับคนที่ชื่นชอบความหักมุมเกินคาดคิด
- สำหรับคนที่ชอบการถ่ายทำสไตล์อังกฤษ
- สำหรับคนที่ชอบหนังผีที่มีอะไรมากกว่าความสยองขวัญ
เอาล่ะครับ หลังจากรีวิวความหลอนจัดเต็มจากสามเรื่องเล่าขนหัวลุก จิ้งจอกสายอินดี้ ก็จะมาวางป้ายให้คะแนนกับหนังเรื่องนี้ไปที่ 4.5 คะแนน เต็มห้าไปนะขอรับ
หัก 0.5 คะแนน ข้อหาทำผมเหวอจนเกือบกรามค้างในโรงหนัง 555
เอาล่ะครับ รีวิววันนี้ก็เริ่มยาวซะแล้ว งั้นกระผม จิ้งจอกสายอินดี้ ขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ในรีวิวหน้าครับ ^ ^
--------------------------------------
ติดตามรีวิวจัดเต็มของบล็อกเกอร์ "IndyFox จิ้งจอกสายอินดี้" ได้ที่
Maggang : https://indyfox.maggang.com/
เพจเฟสบุ้ค : https://www.facebook.com/Indyfoxreview
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้