“นุ่งโจง ห่มสไบ เที่ยวไทยภาคกลาง"
เส้นทางที่ 2  สิงห์บุรี-อ่างทอง

สวัสดีค่ะ! หลังจากที่ได้ไปเที่ยวกลับมาเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ต้องกลับมาเขียนรีวิวตามสัญญา(สะสมแต้มบุญ)
ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนว่าทำอย่างไรถึงได้ไปร่วมกิจกรรมนี้...

รู้ตัวแล้วว่าเข้าเงื่อนไขก็ร่วมสนุกสิจ๊ะ!
กิจกรรมนี้เค้ามีทั้งหมด 4 เส้นทางนะคะ รวมๆแล้วทั้งหมด 52 รางวัลเชียวนะ

สำหรับเราแล้วเราเลือกเส้นทางที่ 2 ค่ะ สิงห์บุรี-อ่างทอง

เหตุผลที่เราได้เสนอแนะไปก็ตามนี้ค่ะ

ทำตามกติกาครบถ้วนเรียบร้อยก็รอลุ้นวันประกาศผล ตื่นเต้นอ่ะ!!!
วันที่ 19 กันยายน 2561 เวลา 14:00 น. รีบเปิดเว็ปไซต์พันทิป.คอม แต่ไม่มี ไม่มีเลยเจ้าค่ะ...
กด F5 รัวๆก็ยังไม่มี และแล้วประมาณบ่าย 3 โมงกว่าๆ มีโทรศัพท์เบอร์แปลกโทรเข้ามาแต่เราไม่ได้รับสาย เราจึงโทรกลับไป
ปลายสายตอบกลับมาว่า สวัสดีค่ะคุณ...เราเป็นทีมงานจากเว็ปไซต์พันทิปนะคะ กรี๊ดในใจ
ชั้นได้ไปร่วมทริปกับทางพันทิปอีกแล้ว รีบตอบตกลงทันที ไปค่ะ สะดวกค่ะ
อ่อ!ลืมบอกไป >>> มีเงื่อนไขนิสนึงคือ เราต้องเตรียมชุดไทยมาใส่ร่วมกิจกรรมด้วยนะคะ
หลังจากนั้นนับวันตั้งหน้าตั้งตารอค่ะ

วันที่ 28 กันยายน 2561
รีบตื่นแต่เช้าตรู่..เพราะต้องเดินทางมาที่อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่
วันนี้วันศุกร์ด้วยออกช้าเกรงว่าจะสายซะก่อน มาถึงที่นัดพบตั้งแต่ 6 โมงนิดๆคนมารอประมาณ 3-4 คนละแต่ไหนๆก็นะเดินไป 7-11  
จัดมาม่า มาคนละถ้วยซดร้อนๆรองท้องแก้หิวรอเวลา
7 โมงกว่าๆทางทีมงานเรียกไปลงทะเบียน เพื่อรับของที่ระลึก พร้อมข้าวเหนียวหมูฝอยที่สุดแสนจะอร่อย

จากนั้นผู้ใหญ่ใจดีทั้งหลายกล่าวเปิดงาน แนะนำไกด์ทั้ง 4 เส้นทางพร้อมแชะภาพหมู่เป็นที่ระลึก

รวมพลขึ้นรถประจำกลุ่มพร้อมออกเดินทาง Let’s Go…..มุ่งหน้าสู่จังหวัดลพบุรี

ถึงแล้ว..ลพบุรี เยี่ยมชมโบราณสถานคู่บ้านคู่เมืองของลพบุรี “พระปรางค์สามยอด”

ด้านในปราสาทจะมีพระพุทธรูปอยู่ภายในแต่ถูกขโมยลักลอบตัดเศียรออกไป

เพื่อนๆสามารถมาเที่ยวชมได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 – 18.00 น. นะคะ บริเวณรอบๆปราสาทจะมีลิงจ๋อตัวน้อยคอยต้อนรับ
ถ้าเพื่อนๆไปก็ระมัดระวังกันหน่อยนะคะ หมวก แว่นตา กระเป๋า เก็บให้ดีๆระวังลิงจ๋อจะมาฉกชิงแย่งไปนะคะ ถ้าอยู่ในมือเจ้าจ๋อแล้วหล่ะก็ ยากที่จะได้คืน !!!

เมื่อเยี่ยมชมบริเวณโดยรอบพระปรางค์สามยอดเรียบร้อยแล้ว
ก็ไปไหว้สักการะเจ้าพ่อพระกาฬที่ศาลพระกาฬ กราบขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลกันหน่อย

สถานที่ต่อไปเรามุ่งหน้าไปยัง ตลาดโบราณบ้าน 4 ภาค ลพบุรี

Welcome Drink >> อากาศร้อนๆมาถึงก็รับน้ำสมุนไพรเย็นๆแก้ดับกระหายกันคนละแก้ว..... รับน้ำมะตูม หรือ น้ำอัญชัน ดีคะ?

วันนี้เราได้รับเกียรติจาก คุณกิจจา ลาโพธิ์ หัวหน้าฝ่ายเครื่องแต่งกายละครบุพเพสันนิวาส/แม่สาลี่ (ตัวละครในบุพเพสันนิวาส)
ได้มาเล่าประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงานในกองละคร อีกทั้งยังแนะนำการแต่งกายชุดไทย/ผ้าไทยในชีวิตประจำวัน
ตลอดจนเทคนิคง่ายๆ ที่เราสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง

จากนั้นเราก็มาฟังคำแนะนำและเทคนิคดีๆในการตั้งกระทู้การรีวิวให้น่าติดตามและน่าสนใจ
โดยคุณอภิศิลป์  ตรุงกานนท์ Co-founding ppantip.com

จบโหมดสาระและความรู้แล้วค่ะ   >_______________<

เอาหล่ะ///ถึงเวลาควรค่าแก่การรอคอยนั่นคือ ร้านอาหารมื้อแรกของพวกเราในจังหวัดลพบุรี วันนี้พวกเราจะไปบุกร้านนี้กันค่ะ
“ฉัตรนารา”
ร้านฉัตรนารา ตั้งอยู่ที่ ถนนพระปิยะ หากเพื่อนๆมาจากแยกวงเวียนพระนาราย ให้ขับมาทางเรือนจำประมาณ500เมตร
ร้านอยู่ติดกับสถานีไฟฟ้าย่อยค่ะ
ร้านสวย บรรยากาศดี มีมุมให้เพื่อนๆได้ถ่ายรูปเล่นเยอะเลยค่ะ

ทางร้านจัดสรรเมนูมาให้พวกเราชิมมากมาย แต่เมนูที่เราชื่นชอบมีอยู่ 2 เมนูที่จะเอามาแนะนำเพื่อนๆก็คือ

เมนูที่ 1 ปลาหมึกผัดไข่เค็ม
จากความเห็นส่วนตัวเมนูนี้ไม่เหมือนที่อื่นตรงที่ร้านนี้ปลาหมึกจะทำการชุบแป้งและนำไปทอดจนกรอบ ผัดกับไข่เค็มแบบแห้งๆไม่มัน
ไม่เลี่ยนเหมือนที่เคยทานจากร้านอื่นๆ
>เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี อร่อยค่ะ<

เมนูที่ 2 เป็ดร่อน
เป็นเป็ดที่ทำการตุ๋นจนนุ่มเปื่อย นำลงไปทอดให้ด้านนอกหนังกรอบ กัดเข้าไปเนื้อเป็ดนุ่มร่อนหลุดออกจากกระดูก
เสิร์ฟพร้อมกับใบคะน้าทอดกรอบ และหมี่กรอบ ทานกับซอสซีอิ๊วดำและพริกน้ำส้ม บอกได้เพียงคำเดียวว่าอร่อยสุดๆ

ที่สำคัญนอกจากอาหารแล้วเค้ายังมีจำหน่ายเครื่องดื่มด้วยนะคะ
คอกาแฟอย่างเรามีหรือจะพลาด จัดลาเต้เย็นหวานน้อยมาแก้วนึง เข้มข้น หอม มัน กำลังดีเลยค่ะ

อิ่มท้องกันแล้วก็เดินทางกันต่อ...สถานที่ต่อไปที่เราจะไปนั่นคือ “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์”

ตั้งอยู่: ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ เขตตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี

ตามประวัติ วังนารายณ์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ทรงโปรดฯ ให้สร้างพระราชวังขึ้น ณ เมืองลพบุรี เมื่อ พ.ศ. 2209
โดยช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาลีทำการออกแบบและก่อสร้างบนพื้นที่ 41 ไร่ สำหรับเป็นที่ประทับพักพระอิริยาบถ ล่าสัตว์ ออกว่าราชการ และต้อนรับแขกเมือง ต่อมาเมื่อสมเด็จพระนารายณ์ฯ เสด็จสวรรคต สถานที่แห่งนี้ก็หมดความสำคัญและถูกปล่อยทิ้งร้างตั้งแต่นั้นมา
จนกระทั่งได้รับการบูรณะ ฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะพระราชวังของสมเด็จพระนารายณ์ และสร้างหมู่พระที่นั่งขึ้นใหม่ คือ พระที่นั่งพิมานมงกุฎ
และหมู่ตึกพระประเทียบ พระราชทานนามพระราชวังแห่งนี้ว่า "พระนารายณ์ราชนิเวศน์"
ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ได้พระราชทานหมู่พระที่นั่งพิมานมุงกุฎ ให้เป็นศาลากลางจังหวัด
ต่อมาสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงจัดตั้งขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี พ.ศ. 2467

เวลาทำการ
เปิดวันพุธ – วันอาทิตย์  เวลา 09:00 – 16:30 น.
ปิดวันจันทร์ – อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์

ค่าเข้าชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์
ชาวไทย 30 บาท
Admission Fee 150 Bath

เราจะพาเพื่อนๆไปเยี่ยมชมพระที่นั่งพิมานมงกุฎกันค่ะ
“พระที่นั่งพิมานมงกุฎ”

เป็นอาคาร 3 ชั้น ใช้เป็นอาคารจัดแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับการพัฒนาเมืองลพบุรี
ไขข้อสงสัยทุกเรื่องตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์ถึงสมัยปัจจุบัน ดังนี้
ชั้นที่ 1 จัดแสดงโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ สมัยก่อนประวัติศาสตร์ อายุราว 3,500-4,000 ปี เช่น ภาชนะดินเผารูปวัว โครงกระดูกมนุษย์
ขวานหิน ขวานสำริด จารึกโบราณ เครื่องประดับจากเปลือกหอย เป็นต้น
ชั้น 2 จะจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่พบในลพบุรี ช่วงที่ความเจริญของศิลปะเขมรมีอิทธิพลในไทย

พระพุทธรูปสมัยลพบุรี ลักษณะพระพุทธรูปนาคปรกปางสมาธิ  พระพักตร์ยาวเป็นรูปไข่ พระเนตรปิดและเหลือบต่ำลง พระโอษฐ์แบะกว้าง
ริมพระโอษฐ์หนา แสดงอาการแย้มสรวลเล็กน้อย

เครื่องถ้วยเขมรถือเป็นลักษณะเฉพาะของวัฒนธรรมเขมร ได้แก่ เครื่องเคลือบที่มีน้ำเคลือบสีน้ำตาลแดง น้ำตาลดำและสีเขียวนวล
ภาชนะต่างๆเหล่านี้สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเพื่อใช้เนื่องในพิธีกรรมทางศาสนา

ชั้นที่ 3 เดิมเป็นห้องบรรทมของรัชกาลที่ 4 จัดแสดงเหมือนครั้งที่ยังประทับอยู่ มีพระแท่นบรรทม ฉลองพระองค์ พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์
พระสาทิสลักษณ์ เหรียญเงินต่างๆ เครื่องแก้ว เครื่องประกอบโต๊ะพระกระยาหารที่มีตราประจำพระองค์(มงกุฎ) เป็นต้น