[CR] Mini Review “Yamaha Super Tenere Full Option” ฉบับคนตัวสั้น

กระทู้รีวิว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เมื่อปี 60 ผมได้ตั้งกระทู้เรียกแขกเกี่ยวกับ R1200GS กับ Super Tenere เพื่อขอคำแนะนำจากพี่ๆใน Pantip

เหตุผลที่ไม่ควรถอย BMW R1200GS (กิเลสมามากเหลือเกิน ต้องดับด้วยปัญญา) https://ppantip.com/topic/36390840

เหตุผลที่ควรถอย Yamaha Super Tenere (กิเลสยังดับไม่สนิทครับ เลยมาต่อ) https://ppantip.com/topic/36412888

ผ่านไปปีเศษๆ เลยขอมาส่งการบ้าน เป็นมินิรีวิวสั้นๆครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เชิญทัศนา

Part I เด็กน้อยที่วนเวียนกับการตามหาสองล้อที่ใช่

ช่วงวัยเด็ก ความสนุกอย่างหนึ่งของผมคือการซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนกับพ่อ กลายเป็นความชอบรถมอเตอร์ไซค์ไปโดยไม่รู้ตัว เข้าสู่ช่วงมัธยมต้น วันที่ปีกกล้าขาแข็งพอที่จะหัดขี่มอเตอร์ไซค์ คันแรกที่ได้ขี่คงไม่พ้นคันของพ่อที่เคยซ้อนท้ายมาตั้งแต่เด็ก


มอเตอร์ไซค์คันแรก Suzuki FR80 ไฟกลม (รูปจาก google)

เข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย เจ้า FR80 เก่าๆดูไม่มีราคาพอให้เด็กวัยรุ่นได้ขี่เท่ห์ๆเอาซะเลย(ตรงข้ามกับสมัยนี้ใครปั้นมาขี่ได้ผมว่าเท่ห์มาก) พ่อยกให้ก็ไม่เอา ไม่แตะ ไม่ขี่ กลัวเพื่อนล้อ แล้วหันมายึด Honda Dream ของแม่มาขี่แก้ขัดไปพลางๆ และนี่คือคันที่2 ของผม


คันที่ 2 Honda Dream 100 (รูปจาก google)

ช่วงนั้นกระแสรถซิ่งม.ปลายขาสั้นเพิ่งเริ่มบูมพร้อมๆกับการมาถึงของตระกูล Nova Akira crystal Beat และอีกหลายๆรุ่นในตำนาน ผมก็เห่อไร้สาระไปตามกระแสรถซิ่งสมัยนั้นไปด้วย ดีที่พ่อตั้งเงื่อนไขว่าต้องใส่หมวกกันน๊อกและทำใบขับขี่ ไม่งั้นจะไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซค์อีก สัญญาลูกผู้ชายพูดแล้วทำ ผลคือเข้ากลุ่มรถซิ่งไม่ได้ ประมาณแว๊นซ์แท้ต้องไร้หมวก ไม่กลัวตาย ท้ายสุดได้แค่แอบขี่ตามขบวนอยู่ห่างๆ (สมัยนั้นยังไม่มีนิยามแว๊นซ์และสก๊อยต์ มีแค่เด็กขี่รถซิ่ง) ข้อดีของการแอบแว๊นซ์ใส่หมวกคือน้าตำรวจจะไม่มองเราว่าเป็นแว๊นซ์เลยไม่เคยถูกจับเหมือนแว๊นซ์คันอื่น

หลังจากความพยายามอย่างแสนสาหัส ด้วยการร้องห่มร้องไห้ ข้าวปลาไม่กิน ทำลายมโนธรรมอันดีงามในใจด้วยการใช้คำพูดกระแทก-ดันกับพ่อแม่อยู่หลายเดือน ผมก็ได้รถซิ่งป้ายแดงในตำนานมาไว้ในมือ เป็นคันที่ผมรักมาก หวงมาก และอยู่กับผมมานานที่สุด และเกือบตายกับคันนี้มาหลายครั้ง หลังจากคว้านเสื้อ เปลี่ยนสูบ คาร์บู NSR ทดสเตอร์ ลงท่อสูตร และด้วยไมล์อ่อนๆผมสามารถขี่ทะลุ 170 กม./ชม.ได้เป็นครั้งแรกในชีวิต และเกทับเพื่อนๆในโรงเรียนว่าวิ่งได้190 ลงเนินเกิน 200


คันที่ 3 Honda Nova RS Dash 125 (รูปจาก google)

ทุกครั้งที่ได้ขี่รถผมจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นไมเคิล ดูฮาน ขี่เร็วๆ แบนโค้งให้มาก แซงสิบล้อทางโค้ง ต้องเป็นคันแรกเสมอ ทุกอย่างเพื่อความมันส์ ความสนุกโดยไม่ได้คิดถึงหัวอกของพ่อแม่เลยแม้แต่น้อย

หลังจากมีเพื่อนในกลุ่มตายไป ขนาดช่างที่แต่งรถให้กลุ่มของผมยังโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนตาย (เวรกรรมอาจมีจริง?) รถซิ่งเริ่มเป็นปัญหาสังคม แอบเห็นน้ำตาหยดน้อยๆของคนเป็นแม่ที่เสพข่าวแล้วกลัวลูกจะตายไปด้วย ทั้งหมดเริ่มทำให้ผมรู้สึกตัว รู้สึกผิด คิดได้ จนรู้สึกสมเพชให้กับความพยายามโง่ๆในสิ่งที่ทำมา หยุดซิ่งกลับมาขี่ตามปกติแบบคนทั่วไป ทำทุกอย่างที่คนดีๆทำกัน ขยันเรียน สอบเข้ามหาวิทยาลัย เรียนจบทำงาน ดูแลพ่อแม่ หาเมีย ซื้อรถยนต์ มอเตอร์ไซค์คันที่ 4 นี้อยู่กับผมนานที่สุด ประมาณ 10 ปี แล้วขายไป 2,000 บาท [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ สุดท้ายเด็กน้อยก็ยังไม่เจอสองล้อที่ใช่

Part II วัยทำงานกับการเดินทางครั้งใหม่

หลังจากหยุดขี่มอเตอร์ไซค์มาได้ 2 ปี ก็เริ่มคันมือ กลับมาสนใจมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง แต่คราวนี้ขอแบบผู้ใหญ่หน่อย ใช้เหตุผลมากหน่อย อารมณ์น้อยหน่อย(คิดว่านะ) รถในดวงใจช่วงนั้นคือ ตระกูล Shadow เพราะสวย ดูคล้ายๆ Harlay


Shadow 750 (รูปจาก google)

เกือบๆจะซื้ออยู่หลายครั้ง แต่สู้ราคาไม่ไหว(มือสองจดประกอบไม่มีทะเบียนยังหลักแสน) กลัวเรื่องซ่อม และว่าที่ภรรยาไม่เห็นด้วย หาข้อมูลอยู่สักพักเลยตัดสินในซื้อ Phantom 200 เพราะฝรั่งบอกว่ามันคือ Shadow 200 และเป็นรถศูนย์ผ่อนได้ นับเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง และ Phantom 200 ก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์คันที่ 4 ของผม


คันที่ 4 Honda Phantom 200 Fire edition

ด้วยรถคันนี้ผมได้เดินทางไกลระดับเกิน 500 กม. ต่อวัน เป็นครั้งแรก ได้สัมผัสอาการตูดหายไข่ตายมือชาเป็นครั้งแรก ขี่มอเตอร์ไซค์ กทม.-หาดใหญ่ รวดเดียวเป็นครั้งแรก ตอนนั้นรู้สึกว่ามันเท่ห์มาก คล้ายคนเหล็กใน T2

จนช่วงหนึ่งกระแสบิ๊กไบค์เริ่มมา แม้คาวาจะเป็นเจ้าแรกๆที่เปิดตัวบิ๊กไบค์มือหนึ่ง ผ่อนได้ ชาวบ้านเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ผมก็ตัดสินในซื้อ CBR250 เพราะราคาถูก และแถวบ้านไม่มีศูนย์คาวา หลังจากขี่ CRB ท่องเที่ยว ออกทริป เข้ากลุ่ม ด้วยความภูมิใจอยู่ครึ่งปี ก็มีผู้ประสงค์ดี(หรือร้าย ไม่ค่อยแน่ใจ)มาทำลายสวรรค์น้อยๆของผมด้วยการบอกว่า บิ๊กไบค์มันต้อง 400 ซีซี ขึ้นไป โอ้ว...ไม่นะ


คันที่ 5 Honda CBR250

ด้วยความที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์และต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ เลยเอางานกับงานอดิเรกมารวมกันเป็นขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน(ต่างจังหวัด)ทุกวัน ถือว่าได้ออกทริปไปในตัว แถมเบิกค่าน้ำมันได้พอๆกับรถยนต์  ด้วยความกลัวไม่สมฐานะผู้ใหญ่วัยทำงาน และความเป็นบิ๊กไบค์มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ผมจึงมีข้ออ้างขอภรรยาขาย CBR มาซื้อ Versys 650


คันที่ 6 Kawasaki Versys 650

ในช่วงแรก Versys เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ยากมากๆ สำหรับคนสูงแค่ 164 อย่างผม แต่เมื่อกัดฟันซื้อมาแล้วก็ต้องกัดฟันขี่ให้ได้ เมื่อบรรลุถึงสัจธรรมแห่ง Versys แล้ว คุณจะมองโลกเปลี่ยนไป ทุกที่ในประเทศไทย ไม่ยากที่จะไปถึงถ้าคุณมี Versys ไว้ตรงหว่างขา มีเงินเติมน้ำมัน(เบิกที่ทำงานได้บางส่วน) และภรรยายอมให้ออกจากบ้าน ผมใช้เจ้า Versys อยู่ 4 ปี ไมล์ตอนขายประมาณ 130,000 กม.สำหรับผมรถดีทุกอย่างไม่เจอปัญหาวาล์วขาด ABS พัง ที่จุกจิกมีแค่เรื่องโซ่ที่ O-ring ขาดบ่อยและหย่อนไว ข้อเสียอีกอย่างคือ ทำให้ผมกลายเป็นคนเสพติดการเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์โดยไม่รู้ตัว(ถึงรู้ตัวก็หยุดไม่ได้)

ด้วยความที่เริ่มเข้าทางดินมากขึ้น คันถัดไปของผมจึงเลือกรถแนว Adventure ที่ลงทางดินได้มากกว่า Versys หลังจากหาข้อมูลตามหน้าเวปต่างๆมาระยะหนึ่ง จึงตัดสินใจเลือก V Strom 650


คันที่ 7 Suzuki V Strom 650

V Strom 650 เป็นรถที่ผมประทับใจมากอีกคันนึง ทั้งๆที่ไม่แรงเท่า Versys โช๊คหน้า Telescopic ธรรมดาๆ แต่อารมณ์ในการขับขี่กลับให้ความรู้สึกดีแบบแปลกๆ เบาะนุ่มนั่งสบาย ชิวล์หน้าเดิมๆตัดลมดี สูบ V ที่ให้ engine brake หนักๆแต่นุ่มนวล ช่วงล่างและ Balanced ดี ล้อหน้า 19 นิ้ว ที่ช่วยให้ลงทางดินได้มากขึ้น ไฟหน้า 2 ดวงแบบ H4 คือไฟต่ำติด 2 ดวง ไฟสูงติด 2 ดวง  และไม่มีปัญหาจุกจิกเลยตลอดระยะเวลาที่ใช้งาน เจ้า V Strom คันนี้ผมใช้อยู่ประมาณ 4 ปี ไมล์ประมาณ 140,000 กม.

ช่วงที่ผมใช้ V Strom 650 เป็นคันหลักอยู่ แล้วชอบเอาไปลงทางดินมากขึ้น แต่น้ำหนักรถที่มาก และระยะยุบช่วงล่างน้อยเกินไปที่จะเอาลงทางดินหนักๆ ผมจึงงอกวิบากคันเล็กเพิ่มเพื่อลดภาระของ V Strom หลังจากดูราคาและความถี่ในการใช้งานแล้วจึงเลือก KLX150BF มาสำหรับเล่นทางฝุ่นโดยเฉพาะ


คันที่ 8 Kawasaki KLX150BF

KLX150BF เป็นรถวิบากที่ไม่แรงนะครับ เน้นขี่ไปเรื่อยๆ ไม่เร่ง ไม่เน้น เพราะไม่มีแรง ลองเอาขึ้นเขาที่เป็นทางวิบากหนักๆก็พอไปได้(เพราะเบา) แต่สู้พวก 250 ไม่ได้เลย (ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมือไม่ถึงด้วย 555) วิบากคันนี้ยังอยู่กับผมครับ คิดว่าคงเก็บไว้ใช้ยาวๆไม่ขายไปไหน

สาเหตุที่ผมตัดสินใจขาย V Strom 650 ไป เนื่องจากมีพี่ในกลุ่ม Versys ที่อยากไป BMW R1200GSA มากๆ แต่ตอนไปดูรถ แกใส่เสื้อยืดห่านคู่ กางเกงขาสั้น สะพายย่าม ผ้าขาวม้าคาดเอว ลากรองเท้าแตะ ขี่เวฟ เซลล์ที่โชว์รูมเลยไม่สนใจ ทั้งๆที่กำเงินจองไปเรียบร้อย แกเลยไม่ประทับใจอย่างแรง กลับไปถอนเงินเพิ่มเอาไปดาว์น Tenere ในตอนเที่ยงวันนั้น ออกรถเช้าวันรุ่งขึ้น ใส่ทองเต็มคอ แล้วขี่ไปจิบกาแฟที่โชว์รูม BM ผ่านไป 8 เดือน แกก็ต้องทิ้ง Tenere ตัวสำรอง ไปตามหารักแรกคือ GSA อยู่ดี ด้วยความที่พี่แกรักเมียมาก(หรือกลัวไม่แน่ใจ)จึงไม่สามารถเอารถ 2 คันเข้าบ้านได้ และยังหาที่ปล่อย Tenere ไม่ได้ ผมจึงช่วยรับ Super Tenere คันนี้มาดูแลเป็นการชั่วคราว และขาย V Strom ออกไป


คันที่ 9 Yamaha Super Tenere 2017

ที่จริงแล้ว Tenere เป็นรถที่ผมวางแผนจะซื้อในช่วงกันยาปีนี้อยู่แล้ว แต่ได้มาขี่ก่อนออกรถจริงๆก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่ามันไม่ใช่ จะได้เปลี่ยนใจ

ยิ้มอีกสักครู่มาต่อนะครับยิ้ม
ชื่อสินค้า:   Yamaha Super Tenere Full Option
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่