[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้มินิรีวิว Super Tenere กระทู้นี้ จขกท.มิได้มีเจตนาเพื่อส่งเสริมการขาย เรียกรับผลประโยชน์ใดๆ ไม่ได้เป็นรีวิวเวอร์อาชีพ ขอรีวิวแบบมือสมัครเล่นครับ หวังเป็นความสุขเล็กๆน้อยๆสนองความอยาก และเป็นบันทึกกันลืมให้กับตัว จขกท. เอง ส่วนหนึ่งหวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับผู้ที่สนใจ หากมีการให้ข้อมูลผิดพลาด ไม่เหมาะสม ไม่เป็นความจริง ช่วยแนะนำกันได้ครับ จะแก้ไขทันที
เมื่อปี 60 ผมได้ตั้งกระทู้เรียกแขกเกี่ยวกับ R1200GS กับ Super Tenere เพื่อขอคำแนะนำจากพี่ๆใน Pantip
เหตุผลที่ไม่ควรถอย BMW R1200GS (กิเลสมามากเหลือเกิน ต้องดับด้วยปัญญา)
https://ppantip.com/topic/36390840
เหตุผลที่ควรถอย Yamaha Super Tenere (กิเลสยังดับไม่สนิทครับ เลยมาต่อ)
https://ppantip.com/topic/36412888
ผ่านไปปีเศษๆ เลยขอมาส่งการบ้าน เป็นมินิรีวิวสั้นๆครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รีวิวนั้นสั้น แต่เท้าความนั้นยาว เชิญทัศนา
Part I เด็กน้อยที่วนเวียนกับการตามหาสองล้อที่ใช่
ช่วงวัยเด็ก ความสนุกอย่างหนึ่งของผมคือการซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนกับพ่อ กลายเป็นความชอบรถมอเตอร์ไซค์ไปโดยไม่รู้ตัว เข้าสู่ช่วงมัธยมต้น วันที่ปีกกล้าขาแข็งพอที่จะหัดขี่มอเตอร์ไซค์ คันแรกที่ได้ขี่คงไม่พ้นคันของพ่อที่เคยซ้อนท้ายมาตั้งแต่เด็ก
มอเตอร์ไซค์คันแรก Suzuki FR80 ไฟกลม (รูปจาก google)
เข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย เจ้า FR80 เก่าๆดูไม่มีราคาพอให้เด็กวัยรุ่นได้ขี่เท่ห์ๆเอาซะเลย(ตรงข้ามกับสมัยนี้ใครปั้นมาขี่ได้ผมว่าเท่ห์มาก) พ่อยกให้ก็ไม่เอา ไม่แตะ ไม่ขี่ กลัวเพื่อนล้อ แล้วหันมายึด Honda Dream ของแม่มาขี่แก้ขัดไปพลางๆ และนี่คือคันที่2 ของผม
คันที่ 2 Honda Dream 100 (รูปจาก google)
ช่วงนั้นกระแสรถซิ่งม.ปลายขาสั้นเพิ่งเริ่มบูมพร้อมๆกับการมาถึงของตระกูล Nova Akira crystal Beat และอีกหลายๆรุ่นในตำนาน ผมก็เห่อไร้สาระไปตามกระแสรถซิ่งสมัยนั้นไปด้วย ดีที่พ่อตั้งเงื่อนไขว่าต้องใส่หมวกกันน๊อกและทำใบขับขี่ ไม่งั้นจะไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซค์อีก สัญญาลูกผู้ชายพูดแล้วทำ ผลคือเข้ากลุ่มรถซิ่งไม่ได้ ประมาณแว๊นซ์แท้ต้องไร้หมวก ไม่กลัวตาย ท้ายสุดได้แค่แอบขี่ตามขบวนอยู่ห่างๆ (สมัยนั้นยังไม่มีนิยามแว๊นซ์และสก๊อยต์ มีแค่เด็กขี่รถซิ่ง) ข้อดีของการแอบแว๊นซ์ใส่หมวกคือน้าตำรวจจะไม่มองเราว่าเป็นแว๊นซ์เลยไม่เคยถูกจับเหมือนแว๊นซ์คันอื่น
หลังจากความพยายามอย่างแสนสาหัส ด้วยการร้องห่มร้องไห้ ข้าวปลาไม่กิน ทำลายมโนธรรมอันดีงามในใจด้วยการใช้คำพูดกระแทก-ดันกับพ่อแม่อยู่หลายเดือน ผมก็ได้รถซิ่งป้ายแดงในตำนานมาไว้ในมือ เป็นคันที่ผมรักมาก หวงมาก และอยู่กับผมมานานที่สุด และเกือบตายกับคันนี้มาหลายครั้ง หลังจากคว้านเสื้อ เปลี่ยนสูบ คาร์บู NSR ทดสเตอร์ ลงท่อสูตร และด้วยไมล์อ่อนๆผมสามารถขี่ทะลุ 170 กม./ชม.ได้เป็นครั้งแรกในชีวิต และเกทับเพื่อนๆในโรงเรียนว่าวิ่งได้190 ลงเนินเกิน 200
คันที่ 3 Honda Nova RS Dash 125 (รูปจาก google)
ทุกครั้งที่ได้ขี่รถผมจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นไมเคิล ดูฮาน ขี่เร็วๆ แบนโค้งให้มาก แซงสิบล้อทางโค้ง ต้องเป็นคันแรกเสมอ ทุกอย่างเพื่อความมันส์ ความสนุกโดยไม่ได้คิดถึงหัวอกของพ่อแม่เลยแม้แต่น้อย
หลังจากมีเพื่อนในกลุ่มตายไป ขนาดช่างที่แต่งรถให้กลุ่มของผมยังโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนตาย (เวรกรรมอาจมีจริง?) รถซิ่งเริ่มเป็นปัญหาสังคม แอบเห็นน้ำตาหยดน้อยๆของคนเป็นแม่ที่เสพข่าวแล้วกลัวลูกจะตายไปด้วย ทั้งหมดเริ่มทำให้ผมรู้สึกตัว รู้สึกผิด คิดได้ จนรู้สึกสมเพชให้กับความพยายามโง่ๆในสิ่งที่ทำมา หยุดซิ่งกลับมาขี่ตามปกติแบบคนทั่วไป ทำทุกอย่างที่คนดีๆทำกัน ขยันเรียน สอบเข้ามหาวิทยาลัย เรียนจบทำงาน ดูแลพ่อแม่ หาเมีย ซื้อรถยนต์ มอเตอร์ไซค์คันที่ 4 นี้อยู่กับผมนานที่สุด ประมาณ 10 ปี แล้วขายไป 2,000 บาท
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นึกตอนนี้ยังเสียดาย ถ้าเก็บไว้ถึงตอนนี้แล้วเอามาปั้นขายน่าจะได้กลับมาหลักหมื่น สุดท้ายเด็กน้อยก็ยังไม่เจอสองล้อที่ใช่
Part II วัยทำงานกับการเดินทางครั้งใหม่
หลังจากหยุดขี่มอเตอร์ไซค์มาได้ 2 ปี ก็เริ่มคันมือ กลับมาสนใจมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง แต่คราวนี้ขอแบบผู้ใหญ่หน่อย ใช้เหตุผลมากหน่อย อารมณ์น้อยหน่อย(คิดว่านะ) รถในดวงใจช่วงนั้นคือ ตระกูล Shadow เพราะสวย ดูคล้ายๆ Harlay
Shadow 750 (รูปจาก google)
เกือบๆจะซื้ออยู่หลายครั้ง แต่สู้ราคาไม่ไหว(มือสองจดประกอบไม่มีทะเบียนยังหลักแสน) กลัวเรื่องซ่อม และว่าที่ภรรยาไม่เห็นด้วย หาข้อมูลอยู่สักพักเลยตัดสินในซื้อ Phantom 200 เพราะฝรั่งบอกว่ามันคือ Shadow 200 และเป็นรถศูนย์ผ่อนได้ นับเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง และ Phantom 200 ก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์คันที่ 4 ของผม
คันที่ 4 Honda Phantom 200 Fire edition
ด้วยรถคันนี้ผมได้เดินทางไกลระดับเกิน 500 กม. ต่อวัน เป็นครั้งแรก ได้สัมผัสอาการตูดหายไข่ตายมือชาเป็นครั้งแรก ขี่มอเตอร์ไซค์ กทม.-หาดใหญ่ รวดเดียวเป็นครั้งแรก ตอนนั้นรู้สึกว่ามันเท่ห์มาก คล้ายคนเหล็กใน T2
จนช่วงหนึ่งกระแสบิ๊กไบค์เริ่มมา แม้คาวาจะเป็นเจ้าแรกๆที่เปิดตัวบิ๊กไบค์มือหนึ่ง ผ่อนได้ ชาวบ้านเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ผมก็ตัดสินในซื้อ CBR250 เพราะราคาถูก และแถวบ้านไม่มีศูนย์คาวา หลังจากขี่ CRB ท่องเที่ยว ออกทริป เข้ากลุ่ม ด้วยความภูมิใจอยู่ครึ่งปี ก็มีผู้ประสงค์ดี(หรือร้าย ไม่ค่อยแน่ใจ)มาทำลายสวรรค์น้อยๆของผมด้วยการบอกว่า บิ๊กไบค์มันต้อง 400 ซีซี ขึ้นไป โอ้ว...ไม่นะ
คันที่ 5 Honda CBR250
ด้วยความที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์และต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ เลยเอางานกับงานอดิเรกมารวมกันเป็นขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน(ต่างจังหวัด)ทุกวัน ถือว่าได้ออกทริปไปในตัว แถมเบิกค่าน้ำมันได้พอๆกับรถยนต์ ด้วยความกลัวไม่สมฐานะผู้ใหญ่วัยทำงาน และความเป็นบิ๊กไบค์มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ผมจึงมีข้ออ้างขอภรรยาขาย CBR มาซื้อ Versys 650
คันที่ 6 Kawasaki Versys 650
ในช่วงแรก Versys เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ยากมากๆ สำหรับคนสูงแค่ 164 อย่างผม แต่เมื่อกัดฟันซื้อมาแล้วก็ต้องกัดฟันขี่ให้ได้ เมื่อบรรลุถึงสัจธรรมแห่ง Versys แล้ว คุณจะมองโลกเปลี่ยนไป ทุกที่ในประเทศไทย ไม่ยากที่จะไปถึงถ้าคุณมี Versys ไว้ตรงหว่างขา มีเงินเติมน้ำมัน(เบิกที่ทำงานได้บางส่วน) และภรรยายอมให้ออกจากบ้าน ผมใช้เจ้า Versys อยู่ 4 ปี ไมล์ตอนขายประมาณ 130,000 กม.สำหรับผมรถดีทุกอย่างไม่เจอปัญหาวาล์วขาด ABS พัง ที่จุกจิกมีแค่เรื่องโซ่ที่ O-ring ขาดบ่อยและหย่อนไว ข้อเสียอีกอย่างคือ ทำให้ผมกลายเป็นคนเสพติดการเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์โดยไม่รู้ตัว(ถึงรู้ตัวก็หยุดไม่ได้)
ด้วยความที่เริ่มเข้าทางดินมากขึ้น คันถัดไปของผมจึงเลือกรถแนว Adventure ที่ลงทางดินได้มากกว่า Versys หลังจากหาข้อมูลตามหน้าเวปต่างๆมาระยะหนึ่ง จึงตัดสินใจเลือก V Strom 650
คันที่ 7 Suzuki V Strom 650
V Strom 650 เป็นรถที่ผมประทับใจมากอีกคันนึง ทั้งๆที่ไม่แรงเท่า Versys โช๊คหน้า Telescopic ธรรมดาๆ แต่อารมณ์ในการขับขี่กลับให้ความรู้สึกดีแบบแปลกๆ เบาะนุ่มนั่งสบาย ชิวล์หน้าเดิมๆตัดลมดี สูบ V ที่ให้ engine brake หนักๆแต่นุ่มนวล ช่วงล่างและ Balanced ดี ล้อหน้า 19 นิ้ว ที่ช่วยให้ลงทางดินได้มากขึ้น ไฟหน้า 2 ดวงแบบ H4 คือไฟต่ำติด 2 ดวง ไฟสูงติด 2 ดวง และไม่มีปัญหาจุกจิกเลยตลอดระยะเวลาที่ใช้งาน เจ้า V Strom คันนี้ผมใช้อยู่ประมาณ 4 ปี ไมล์ประมาณ 140,000 กม.
ช่วงที่ผมใช้ V Strom 650 เป็นคันหลักอยู่ แล้วชอบเอาไปลงทางดินมากขึ้น แต่น้ำหนักรถที่มาก และระยะยุบช่วงล่างน้อยเกินไปที่จะเอาลงทางดินหนักๆ ผมจึงงอกวิบากคันเล็กเพิ่มเพื่อลดภาระของ V Strom หลังจากดูราคาและความถี่ในการใช้งานแล้วจึงเลือก KLX150BF มาสำหรับเล่นทางฝุ่นโดยเฉพาะ
คันที่ 8 Kawasaki KLX150BF
KLX150BF เป็นรถวิบากที่ไม่แรงนะครับ เน้นขี่ไปเรื่อยๆ ไม่เร่ง ไม่เน้น เพราะไม่มีแรง ลองเอาขึ้นเขาที่เป็นทางวิบากหนักๆก็พอไปได้(เพราะเบา) แต่สู้พวก 250 ไม่ได้เลย (ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมือไม่ถึงด้วย 555) วิบากคันนี้ยังอยู่กับผมครับ คิดว่าคงเก็บไว้ใช้ยาวๆไม่ขายไปไหน
สาเหตุที่ผมตัดสินใจขาย V Strom 650 ไป เนื่องจากมีพี่ในกลุ่ม Versys ที่อยากไป BMW R1200GSA มากๆ แต่ตอนไปดูรถ แกใส่เสื้อยืดห่านคู่ กางเกงขาสั้น สะพายย่าม ผ้าขาวม้าคาดเอว ลากรองเท้าแตะ ขี่เวฟ เซลล์ที่โชว์รูมเลยไม่สนใจ ทั้งๆที่กำเงินจองไปเรียบร้อย แกเลยไม่ประทับใจอย่างแรง กลับไปถอนเงินเพิ่มเอาไปดาว์น Tenere ในตอนเที่ยงวันนั้น ออกรถเช้าวันรุ่งขึ้น ใส่ทองเต็มคอ แล้วขี่ไปจิบกาแฟที่โชว์รูม BM ผ่านไป 8 เดือน แกก็ต้องทิ้ง Tenere ตัวสำรอง ไปตามหารักแรกคือ GSA อยู่ดี ด้วยความที่พี่แกรักเมียมาก(หรือกลัวไม่แน่ใจ)จึงไม่สามารถเอารถ 2 คันเข้าบ้านได้ และยังหาที่ปล่อย Tenere ไม่ได้ ผมจึงช่วยรับ Super Tenere คันนี้มาดูแลเป็นการชั่วคราว และขาย V Strom ออกไป
คันที่ 9 Yamaha Super Tenere 2017
ที่จริงแล้ว Tenere เป็นรถที่ผมวางแผนจะซื้อในช่วงกันยาปีนี้อยู่แล้ว แต่ได้มาขี่ก่อนออกรถจริงๆก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่ามันไม่ใช่ จะได้เปลี่ยนใจ
อีกสักครู่มาต่อนะครับ
[CR] Mini Review “Yamaha Super Tenere Full Option” ฉบับคนตัวสั้น
เมื่อปี 60 ผมได้ตั้งกระทู้เรียกแขกเกี่ยวกับ R1200GS กับ Super Tenere เพื่อขอคำแนะนำจากพี่ๆใน Pantip
เหตุผลที่ไม่ควรถอย BMW R1200GS (กิเลสมามากเหลือเกิน ต้องดับด้วยปัญญา) https://ppantip.com/topic/36390840
เหตุผลที่ควรถอย Yamaha Super Tenere (กิเลสยังดับไม่สนิทครับ เลยมาต่อ) https://ppantip.com/topic/36412888
ผ่านไปปีเศษๆ เลยขอมาส่งการบ้าน เป็นมินิรีวิวสั้นๆครับ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เชิญทัศนา
Part I เด็กน้อยที่วนเวียนกับการตามหาสองล้อที่ใช่
ช่วงวัยเด็ก ความสนุกอย่างหนึ่งของผมคือการซ้อนมอเตอร์ไซค์ไปไหนมาไหนกับพ่อ กลายเป็นความชอบรถมอเตอร์ไซค์ไปโดยไม่รู้ตัว เข้าสู่ช่วงมัธยมต้น วันที่ปีกกล้าขาแข็งพอที่จะหัดขี่มอเตอร์ไซค์ คันแรกที่ได้ขี่คงไม่พ้นคันของพ่อที่เคยซ้อนท้ายมาตั้งแต่เด็ก
มอเตอร์ไซค์คันแรก Suzuki FR80 ไฟกลม (รูปจาก google)
เข้าสู่ช่วงมัธยมปลาย เจ้า FR80 เก่าๆดูไม่มีราคาพอให้เด็กวัยรุ่นได้ขี่เท่ห์ๆเอาซะเลย(ตรงข้ามกับสมัยนี้ใครปั้นมาขี่ได้ผมว่าเท่ห์มาก) พ่อยกให้ก็ไม่เอา ไม่แตะ ไม่ขี่ กลัวเพื่อนล้อ แล้วหันมายึด Honda Dream ของแม่มาขี่แก้ขัดไปพลางๆ และนี่คือคันที่2 ของผม
คันที่ 2 Honda Dream 100 (รูปจาก google)
ช่วงนั้นกระแสรถซิ่งม.ปลายขาสั้นเพิ่งเริ่มบูมพร้อมๆกับการมาถึงของตระกูล Nova Akira crystal Beat และอีกหลายๆรุ่นในตำนาน ผมก็เห่อไร้สาระไปตามกระแสรถซิ่งสมัยนั้นไปด้วย ดีที่พ่อตั้งเงื่อนไขว่าต้องใส่หมวกกันน๊อกและทำใบขับขี่ ไม่งั้นจะไม่ให้ขี่มอเตอร์ไซค์อีก สัญญาลูกผู้ชายพูดแล้วทำ ผลคือเข้ากลุ่มรถซิ่งไม่ได้ ประมาณแว๊นซ์แท้ต้องไร้หมวก ไม่กลัวตาย ท้ายสุดได้แค่แอบขี่ตามขบวนอยู่ห่างๆ (สมัยนั้นยังไม่มีนิยามแว๊นซ์และสก๊อยต์ มีแค่เด็กขี่รถซิ่ง) ข้อดีของการแอบแว๊นซ์ใส่หมวกคือน้าตำรวจจะไม่มองเราว่าเป็นแว๊นซ์เลยไม่เคยถูกจับเหมือนแว๊นซ์คันอื่น
หลังจากความพยายามอย่างแสนสาหัส ด้วยการร้องห่มร้องไห้ ข้าวปลาไม่กิน ทำลายมโนธรรมอันดีงามในใจด้วยการใช้คำพูดกระแทก-ดันกับพ่อแม่อยู่หลายเดือน ผมก็ได้รถซิ่งป้ายแดงในตำนานมาไว้ในมือ เป็นคันที่ผมรักมาก หวงมาก และอยู่กับผมมานานที่สุด และเกือบตายกับคันนี้มาหลายครั้ง หลังจากคว้านเสื้อ เปลี่ยนสูบ คาร์บู NSR ทดสเตอร์ ลงท่อสูตร และด้วยไมล์อ่อนๆผมสามารถขี่ทะลุ 170 กม./ชม.ได้เป็นครั้งแรกในชีวิต และเกทับเพื่อนๆในโรงเรียนว่าวิ่งได้190 ลงเนินเกิน 200
คันที่ 3 Honda Nova RS Dash 125 (รูปจาก google)
ทุกครั้งที่ได้ขี่รถผมจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นไมเคิล ดูฮาน ขี่เร็วๆ แบนโค้งให้มาก แซงสิบล้อทางโค้ง ต้องเป็นคันแรกเสมอ ทุกอย่างเพื่อความมันส์ ความสนุกโดยไม่ได้คิดถึงหัวอกของพ่อแม่เลยแม้แต่น้อย
หลังจากมีเพื่อนในกลุ่มตายไป ขนาดช่างที่แต่งรถให้กลุ่มของผมยังโดนรถมอเตอร์ไซค์ชนตาย (เวรกรรมอาจมีจริง?) รถซิ่งเริ่มเป็นปัญหาสังคม แอบเห็นน้ำตาหยดน้อยๆของคนเป็นแม่ที่เสพข่าวแล้วกลัวลูกจะตายไปด้วย ทั้งหมดเริ่มทำให้ผมรู้สึกตัว รู้สึกผิด คิดได้ จนรู้สึกสมเพชให้กับความพยายามโง่ๆในสิ่งที่ทำมา หยุดซิ่งกลับมาขี่ตามปกติแบบคนทั่วไป ทำทุกอย่างที่คนดีๆทำกัน ขยันเรียน สอบเข้ามหาวิทยาลัย เรียนจบทำงาน ดูแลพ่อแม่ หาเมีย ซื้อรถยนต์ มอเตอร์ไซค์คันที่ 4 นี้อยู่กับผมนานที่สุด ประมาณ 10 ปี แล้วขายไป 2,000 บาท [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ สุดท้ายเด็กน้อยก็ยังไม่เจอสองล้อที่ใช่
Part II วัยทำงานกับการเดินทางครั้งใหม่
หลังจากหยุดขี่มอเตอร์ไซค์มาได้ 2 ปี ก็เริ่มคันมือ กลับมาสนใจมอเตอร์ไซค์อีกครั้ง แต่คราวนี้ขอแบบผู้ใหญ่หน่อย ใช้เหตุผลมากหน่อย อารมณ์น้อยหน่อย(คิดว่านะ) รถในดวงใจช่วงนั้นคือ ตระกูล Shadow เพราะสวย ดูคล้ายๆ Harlay
Shadow 750 (รูปจาก google)
เกือบๆจะซื้ออยู่หลายครั้ง แต่สู้ราคาไม่ไหว(มือสองจดประกอบไม่มีทะเบียนยังหลักแสน) กลัวเรื่องซ่อม และว่าที่ภรรยาไม่เห็นด้วย หาข้อมูลอยู่สักพักเลยตัดสินในซื้อ Phantom 200 เพราะฝรั่งบอกว่ามันคือ Shadow 200 และเป็นรถศูนย์ผ่อนได้ นับเป็นรถมอเตอร์ไซค์คันแรกที่ซื้อด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง และ Phantom 200 ก็เป็นรถมอเตอร์ไซค์คันที่ 4 ของผม
คันที่ 4 Honda Phantom 200 Fire edition
ด้วยรถคันนี้ผมได้เดินทางไกลระดับเกิน 500 กม. ต่อวัน เป็นครั้งแรก ได้สัมผัสอาการตูดหายไข่ตายมือชาเป็นครั้งแรก ขี่มอเตอร์ไซค์ กทม.-หาดใหญ่ รวดเดียวเป็นครั้งแรก ตอนนั้นรู้สึกว่ามันเท่ห์มาก คล้ายคนเหล็กใน T2
จนช่วงหนึ่งกระแสบิ๊กไบค์เริ่มมา แม้คาวาจะเป็นเจ้าแรกๆที่เปิดตัวบิ๊กไบค์มือหนึ่ง ผ่อนได้ ชาวบ้านเข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่ผมก็ตัดสินในซื้อ CBR250 เพราะราคาถูก และแถวบ้านไม่มีศูนย์คาวา หลังจากขี่ CRB ท่องเที่ยว ออกทริป เข้ากลุ่ม ด้วยความภูมิใจอยู่ครึ่งปี ก็มีผู้ประสงค์ดี(หรือร้าย ไม่ค่อยแน่ใจ)มาทำลายสวรรค์น้อยๆของผมด้วยการบอกว่า บิ๊กไบค์มันต้อง 400 ซีซี ขึ้นไป โอ้ว...ไม่นะ
คันที่ 5 Honda CBR250
ด้วยความที่ชอบขี่มอเตอร์ไซค์และต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ เลยเอางานกับงานอดิเรกมารวมกันเป็นขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน(ต่างจังหวัด)ทุกวัน ถือว่าได้ออกทริปไปในตัว แถมเบิกค่าน้ำมันได้พอๆกับรถยนต์ ด้วยความกลัวไม่สมฐานะผู้ใหญ่วัยทำงาน และความเป็นบิ๊กไบค์มอเตอร์ไซค์คันใหญ่ ผมจึงมีข้ออ้างขอภรรยาขาย CBR มาซื้อ Versys 650
คันที่ 6 Kawasaki Versys 650
ในช่วงแรก Versys เป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขี่ยากมากๆ สำหรับคนสูงแค่ 164 อย่างผม แต่เมื่อกัดฟันซื้อมาแล้วก็ต้องกัดฟันขี่ให้ได้ เมื่อบรรลุถึงสัจธรรมแห่ง Versys แล้ว คุณจะมองโลกเปลี่ยนไป ทุกที่ในประเทศไทย ไม่ยากที่จะไปถึงถ้าคุณมี Versys ไว้ตรงหว่างขา มีเงินเติมน้ำมัน(เบิกที่ทำงานได้บางส่วน) และภรรยายอมให้ออกจากบ้าน ผมใช้เจ้า Versys อยู่ 4 ปี ไมล์ตอนขายประมาณ 130,000 กม.สำหรับผมรถดีทุกอย่างไม่เจอปัญหาวาล์วขาด ABS พัง ที่จุกจิกมีแค่เรื่องโซ่ที่ O-ring ขาดบ่อยและหย่อนไว ข้อเสียอีกอย่างคือ ทำให้ผมกลายเป็นคนเสพติดการเดินทางโดยมอเตอร์ไซค์โดยไม่รู้ตัว(ถึงรู้ตัวก็หยุดไม่ได้)
ด้วยความที่เริ่มเข้าทางดินมากขึ้น คันถัดไปของผมจึงเลือกรถแนว Adventure ที่ลงทางดินได้มากกว่า Versys หลังจากหาข้อมูลตามหน้าเวปต่างๆมาระยะหนึ่ง จึงตัดสินใจเลือก V Strom 650
คันที่ 7 Suzuki V Strom 650
V Strom 650 เป็นรถที่ผมประทับใจมากอีกคันนึง ทั้งๆที่ไม่แรงเท่า Versys โช๊คหน้า Telescopic ธรรมดาๆ แต่อารมณ์ในการขับขี่กลับให้ความรู้สึกดีแบบแปลกๆ เบาะนุ่มนั่งสบาย ชิวล์หน้าเดิมๆตัดลมดี สูบ V ที่ให้ engine brake หนักๆแต่นุ่มนวล ช่วงล่างและ Balanced ดี ล้อหน้า 19 นิ้ว ที่ช่วยให้ลงทางดินได้มากขึ้น ไฟหน้า 2 ดวงแบบ H4 คือไฟต่ำติด 2 ดวง ไฟสูงติด 2 ดวง และไม่มีปัญหาจุกจิกเลยตลอดระยะเวลาที่ใช้งาน เจ้า V Strom คันนี้ผมใช้อยู่ประมาณ 4 ปี ไมล์ประมาณ 140,000 กม.
ช่วงที่ผมใช้ V Strom 650 เป็นคันหลักอยู่ แล้วชอบเอาไปลงทางดินมากขึ้น แต่น้ำหนักรถที่มาก และระยะยุบช่วงล่างน้อยเกินไปที่จะเอาลงทางดินหนักๆ ผมจึงงอกวิบากคันเล็กเพิ่มเพื่อลดภาระของ V Strom หลังจากดูราคาและความถี่ในการใช้งานแล้วจึงเลือก KLX150BF มาสำหรับเล่นทางฝุ่นโดยเฉพาะ
คันที่ 8 Kawasaki KLX150BF
KLX150BF เป็นรถวิบากที่ไม่แรงนะครับ เน้นขี่ไปเรื่อยๆ ไม่เร่ง ไม่เน้น เพราะไม่มีแรง ลองเอาขึ้นเขาที่เป็นทางวิบากหนักๆก็พอไปได้(เพราะเบา) แต่สู้พวก 250 ไม่ได้เลย (ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะมือไม่ถึงด้วย 555) วิบากคันนี้ยังอยู่กับผมครับ คิดว่าคงเก็บไว้ใช้ยาวๆไม่ขายไปไหน
สาเหตุที่ผมตัดสินใจขาย V Strom 650 ไป เนื่องจากมีพี่ในกลุ่ม Versys ที่อยากไป BMW R1200GSA มากๆ แต่ตอนไปดูรถ แกใส่เสื้อยืดห่านคู่ กางเกงขาสั้น สะพายย่าม ผ้าขาวม้าคาดเอว ลากรองเท้าแตะ ขี่เวฟ เซลล์ที่โชว์รูมเลยไม่สนใจ ทั้งๆที่กำเงินจองไปเรียบร้อย แกเลยไม่ประทับใจอย่างแรง กลับไปถอนเงินเพิ่มเอาไปดาว์น Tenere ในตอนเที่ยงวันนั้น ออกรถเช้าวันรุ่งขึ้น ใส่ทองเต็มคอ แล้วขี่ไปจิบกาแฟที่โชว์รูม BM ผ่านไป 8 เดือน แกก็ต้องทิ้ง Tenere ตัวสำรอง ไปตามหารักแรกคือ GSA อยู่ดี ด้วยความที่พี่แกรักเมียมาก(หรือกลัวไม่แน่ใจ)จึงไม่สามารถเอารถ 2 คันเข้าบ้านได้ และยังหาที่ปล่อย Tenere ไม่ได้ ผมจึงช่วยรับ Super Tenere คันนี้มาดูแลเป็นการชั่วคราว และขาย V Strom ออกไป
คันที่ 9 Yamaha Super Tenere 2017
ที่จริงแล้ว Tenere เป็นรถที่ผมวางแผนจะซื้อในช่วงกันยาปีนี้อยู่แล้ว แต่ได้มาขี่ก่อนออกรถจริงๆก็ดีเหมือนกัน เผื่อว่ามันไม่ใช่ จะได้เปลี่ยนใจ
อีกสักครู่มาต่อนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้