สวัสดีครับ เพื่อนสมาชิก วันนี้ผมจะขอมา review รถยนต์ BMW 6 Series 630GT M Sport นะครับ
Part 1 ตอนแรก มีความตั้งใจจะเปลี่ยนรถเพราะรถคันเก่าก็ใช้มาเป็นระยะเวลา 10 กว่าปีแล้ว เคยไปเสียกลางทาง 2-3 ครั้งในรอบ 4 ปีมานี่ ทำให้รู้สึกว่า อาจจะต้องถึงเวลาเปลี่ยนรถซักที ตอนแรกก็เล็ง Alphard/Velfire ไว้เพราะเห็นว่าน่าจะเหมาะกับการใช้งานที่สุดเพราะมีพื้นที่ใช้สอยเยอะ เนื่องจากคุณพ่อคุณแม่เป็นคนชอบซื้อของ ทำให้รถที่ใช้ปัจจุบันบรรจุของแน่นเอี๊ยดทุกครั้ง แต่พอไปลองนั่ง Alphard มาแล้ว พบข้อเสีย 2 จุดที่คิดว่า ทำให้เปลี่ยนใจไม่เอา Alphard คือ 1. การก้าวขึ้นลงสำหรับคนแก่ค่อนข้างลำบากนิดนึงไม่เหมือนรถ sedan ที่เปิดประตูแล้วนั่งได้เลย และ 2. ที่นั่งแถวหลังสุด เข้าออกลำบากมากโดยเฉพาะสำหรับคนตัวใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่นั่งจริง ๆ สำหรับผม Alphard นั่งได้ 4 ที่นั่งแบบสบายแต่เกินกว่านั้น อาจจะไม่เหมาะครับ

----------

Part 2 เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มี showroom BMW แห่งหนึ่ง (เจ้าแรก) มาจัดงานที่ Central ลาดพร้าว และมี 5 Series มาให้ลองนั่ง เลยมีโอกาสเข้าเดินชมรอบรถ ก็รู้สึกว่ารถสวยโอเคเลย แต่ไม่มีพนักงานมาให้ข้อมูล ประกอบกับแถว Central มีโชว์รูมใกล้ ๆ เลยตัดสินใจแวบไปดูรถที่ showroom แทน ซึ่งพอดูหลาย ๆ อย่างก็รู้สึกว่า 5 Series น่าสนใจมาก โดยเฉพาะ 530e M Sport ทั้งในเรื่อง option และส่วนลด พร้อมของแถมต่าง ๆ แต่มีข้อเสียคือพื้นที่เบาะหลัง เนื่องจากรถคันนี้ตั้งใจว่าจะใช้รับคุณพ่อคุณแม่ไปไหนมาไหน จึงอยากให้ท่านนั่งสบาย แต่เอาเข้าจริง เบาะหลังของ 5 Series มีพื้นที่ที่เรียกว่า Leg room แคบกว่าคันที่ใช้อยู่ปัจจุบันพอควร สืบไปสืบมาได้ความว่าเพราะ BMW ตั้งใจ design เบาะให้ยาวแทน จึงเกิดความลังเลในส่วนนี้  อีกทั้งมีข้อกังวลเกี่ยวกับการ charge battery เนื่องจากที่พักอาศัยปัจจุบันไม่มีที่ charge กลัวว่าจะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องระบบตามมา แต่ sale บอกว่า charge แค่เดือนละ 1-2 ครั้งก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอื่นคิดว่าโอเคในระดับหนึ่งกับ 530e M Sport

----------

Part 3 หลังจากนั้น ว่าง ๆ หลังเลิกงานระหว่างรอเพื่อนที่ห้างใจกลางเมือง ก็เลยแวะเข้าไป showroom ที่ห้างเพื่อดู series 5 อีกที (เจ้าที่ 2) ก็รู้สึกยืนยันความคิดเดิม คือ ทุกอย่างดีหมด ยกเว้นความสะดวกสบายเบาะหลัง และ sale ก็ได้เข้ามาให้ข้อมูลว่า แนะนำให้ charge อาทิตย์ละอย่างน้อย 2 ครั้ง ไม่งั้นกระทบกับ warranty ของรถ ตอนนี้เลยมีความกังวลใจ 2 จุด คือ พื้นที่เบาะหลังกับระบบ charge sale เจ้านี้ก็เลยแนะนำว่า สนใจเป็น 6 series 630GT M Sport มั้ย คือ ใหญ่ขึ้นมาหน่อยเป็นตัว diesel เบาะหลังนั่งสบายมาก แต่ที่นี่ไม่มีรถให้ดู แต่ที่ showroom อีกแห่งซึ่งเป็นเจ้าของเดียวกันมีรถให้ลองขับด้วย แต่ราคาแพงกว่า 530e M Sport อีกประมาณ 1 ล้าน แถม sale บอกว่า รถประกอบนอกส่วนลดน้อยไม่เหมือน 5 Series ซึ่งเป็นรถประกอบใน

----------

Part 4 ปรึกษากับที่บ้าน คิดไปคิดมา ที่บ้านเลยบอกเอาคันใหญ่หน่อยน่าจะดีกว่า และพอทำการบ้านเทียบ option ต่าง ๆ ระหว่าง 530e M Sport กับ 630GT M Sport แล้ว มี option ที่ต่างกันเล็กน้อย เช่น 6 series ไม่มี head-up display ช่วงล่าง M Sport และกล้องรอบคัน แต่ได้ panoramic roof มาแทน สุดท้ายคิดไปคิดมา เลยตัดสินใจว่า จะเอา 6 series ก็เลยกลับไปต่อรองกับ sale เจ้าแรก ผลปรากฏว่าได้ส่วนลดน้อยมาก โดยอ้างเหตุผลเดียวกับ sale (เจ้าที่ 2 ที่ยังไม่ต่อรอง) ว่า รถประกอบนอกส่วนลดน้อย เลยกลับมาคิดหนักอีกรอบว่าคุ้มพอที่จะเสียเงินเพิ่มอีกกว่า  1 ล้านบาทหรือเปล่า  แต่โชคดี เพื่อนของเพื่อนแนะนำ sale อีกเจ้า (เจ้าที่ 3) มาให้ เปิดส่วนลดมาต่างกับที่แรกแบบเห็นได้ชัด แต่ดอกเบี้ยก็แพงกว่าด้วย แต่ผลรวมทั้งหมดคิดไปมาเจ้าที่ 3 ถูกกว่าประมาณหลักแสน ผมเลยตัดสินใจจองเจ้าที่ 3 ไป

-----------

Part 5 วันรับรถ ก็ด้วยความไม่เคยใช้ BMW มาก่อน ระบบต่าง ๆ ค่อนข้างเยอะ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่เรียกว่า Product Genius (PG) มาสอนใช้งานรถ ซึ่งทำให้เข้าใจระบบต่าง ๆ พอควร เราเข้าสู่ขั้นตอนกัน review จริงจังซักที หลังจากเกริ่นมานานมาก สีรถคือ carbon black metallic เวลาสว่างมีแดดจะออกน้ำเงิน เวลามืดหน่อยจะออกดำ Mag ที่ได้คือก้านคู่ขอบ 19” มาพร้อมเบรก M Sport



----------

มาต่อกันที่ภายในรถ ปุ่ม start/stop ซึ่งเป็น option ปกติของรถสมัยนี้
และปุ่มโหมด Auto ซึ่งรถจะดับเครื่องทุกครั้งที่รถนิ่ง ซึ่ง PG แนะนำว่า ไม่ควรใช้กับเครื่องดีเซลเพราะจะทำให้เครื่องมีปัญหาง่าย ๆ ต่างจากเครื่องเบนซิน ผมก็เลยตัดสินใจปิดทุกครั้งที่ start รถ ซึ่งจริง ๆ รถคันที่ใช้ปัจจุบันก็ไม่เคยเปิดอยู่แล้ว เพราะรู้สึกมันดูแบบน่าจะทำให้เครื่องมีปัญหาเร็วกว่าปกติหรือเปล่า (แอบคิดไปเอง) แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น mode sport ระบบ auto start/stop ก็จะตัด mode auto start/stop โดยปริยาย


----------

รูปต่อมา cockpit ดูทันสมัยสไตล์ BMW ถ้าเป็น mode sport ก็จะเปลี่ยนเป็นตัวเลข digital ซึ่งเข้าใจน่าเหมือน 530e



---------

พวงมาลัย คอนโซลตรงกลาง หน้าจอ ตำแหน่งเกียร์ i-drive parking assistant เหมือน BMW 5 Series



--------

ที่แตกต่างคือ ปุ่มกด spoiler ให้ยกตัวเองแบบ manual หรือในกรณีที่ขับที่ระดับความเร็วเกิน 120 km/h spoiler จะยกตัวเองทันที



--------

Panoroma roof
ปรับได้ 3 แบบ คือ เปิดรับแสง เปิดให้ยกตัวขึ้น และเปิดเลื่อนออก


--------
หลังจากนี้ ผมจะพาไปดูส่วนที่นั่งเบาะหลังกันบ้าง ซึ่งเป็นส่วนที่แตกต่างกับ 5 Series และเป็นปัจจัยหลักในการเลือกซื้อรุ่นนี้ครับ
อย่างแรกเลย ระบบเบาะหลังสามารถปรับเอนได้ และพื้นที่วางขาที่กว้างกว่า 5 Series อย่างชัดเจน


-------

ต่อมาเรื่องระบบ 4-zone air condition  


-------

display Key เหมือน 5 Series ระบบอื่น ๆ เหมือน BMW ทั่วไป เครื่องเสียง Harmar Kardon Ambient light และ Connected Drive




-------
spec เครื่องยนต์
เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร 2,993 ซีซี. TwinPower Turbo (variable inlet geometry) กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.0 x 90.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 16.5 : 1 กำลังสูงสุด 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ที่ 2,000 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง


อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน

การขับขี่คงไม่ประหยัดเท่า Hybrid แน่ ตอนนี้อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 12.8 km/l ซึ่งผมคิดว่ายังพอไหวกับรถเครื่อง 6 สูบ twinpower turbo โดย brochure เคลมไว้ว่าอัตราสิ้นเปลืองที่ระบบ eco อยู่ที่ 17.7 km/l

-------
ข้อเสียหลัก ตอนนี้ คือเรื่องเสียงเครื่องดังมาก โดยเฉพาะเวลาขับทางไกลมา แต่ในห้องโดยสารจะไม่ได้ยินนะครับ

ขอบคุณครับ สามารถติชมได้ครับหรืออยากถามข้อมูลเพิ่มเติมก็ยินดีครับ