ดานัง-ฮอยอัน ในวันที่ไม่เหงา ก็มันจะไปเหงาได้อย่างไร? ฮอยอันเมืองเล็กๆแต่เคลื่อนไหวตลอดเวลา เมืองที่เต็มไปด้วยสีสัน เสน่ห์ของผู้คน การเดินทาง จักรยาน และร้านกาแฟ
'ฮอยอัน' เรารู้จักฮอยอันครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว และเชื่อว่าการรู้จักฮอยอันคงเหมือนใครอีกหลายๆคน ที่รู้จักที่นี่จากละครดังหลังข่าวเรื่อง ฮอยอันฉันรักเธอ ภาพตึกสีเหลือง จักรยาน ดอกไม้ ชุดประจำชาติ หมวกทรงสามเหลี่ยมปลายแหลม คือภาพติดตาที่ทำให้เราอยากไปเยือนที่นี่สักครั้ง เป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้คือ ดานัง , บาน่าฮิลล์ และฮอยอันนั่นเอง
ตั๋วเดินทางไปกลับราคาสมเหตุสมผลตามความสามารถของกระเป๋าเงินใบน้อย น้อยมากถึงน้อยที่สุด 555 เราเลือกแบบไม่มีออฟชั่นใดๆทั้งสิ้น ได้ราคามาที่ 2,280 บ. + counter payment 50 บ. + counter service 30 บ. รวมเบ็ดเสร็จ 2,360 บ. แหม!! เป็นราคาที่อาจไม่ได้ถูกที่สุดสำหรับคนที่เคยไปแต่เป็นราคาที่เรารับได้ก็โอไหมหล่ะ เราเลือกใช้บริการของ AirAsia ที่มีเที่ยวบินๆตรงจากดอนเมืองสู่ดานังสะดวกทีเดียว อีกทั้งขาไปได้สิทธิ์ hot seat และโหลดกระเป๋าฟรีด้วยคูปองจากบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพแอร์เอเชียค่ะ
นอกจากสิทธิพิเศษของการมีบัตรนี้ตามด้านบนที่กล่าวไว้แล้ว ตอน check in เราก็ได้สิทธิ์เข้าช่องพิเศษ ตอนโหลดกระเป๋าก็จะมี tag ติดว่า express bag ให้ด้วย ตอนขึ้นเครื่องก็ได้สิทธิ์ให้ขึ้นก่อน แหม!! ดีใช่ไหมหล่ะ แต่สิทธิ์เหล่านี้ได้เฉพาะขาออกจากประเทศไทยนะจ๊ะ ต้องขอบคุณน้องที่ออฟฟิศที่แนะนำให้รู้จักกับบัตรนี้จ้า
ทุกอย่างพร้อมก็ออกเดินทางกันเลย รอมานานข้ามปี ถ้าตั๋วเครื่องบินที่จองไว้มันเน่าได้คงเน่าไปนานแล้ว หลังจากผ่านด่านต่างๆ เราก็แวะมาใช้บริการเลานจ์ของคิงพาวเวอร์กันก่อน มีบัตรสมาชิกของคิงพาวเวอร์สีไหนก็ได้มารับประทานอาหารได้ฟรี 2 ชม. และให้สิทธิผู้ติดตามได้อีก 1 คน การสมัครบัตรก็ง่ายแสนง่ายสมัครได้เลยที่เคาเตอร์คิงพาวเวอร์ในสนามบินตอนนั้นเราสมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย สมัครเสร็จก็จะได้บัตรแข็งมาเลย แต่ตอนนี้เงื่อนไขเป็นอย่างไรลองศึกษาดูนะคะเพราะความจริงแล้วเราก็ไม่เคยช้อปอะไรของเขาเลย
อาหารในเลานจ์ไม่ได้มีให้เลือกมาก แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย นั่งเพลินๆ รอเวลาไปค่ะ ที่นี่จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงนะคะ อาหารคิดว่าในแต่ละช่วงเวลาอาจต่างกันไป ตอนเข้าเจ้าหน้าที่จะขอดูพาสปอต บอร์ดดิ้งพาส และบัตรสมาชิก
จากนั้นก็ได้เวลาออกเดินทางแล้วค่ะที่นั่งสบายเลยค่ะ ได้นั่งแถวที่สามติดทางเดิน แถมอีกสองเบาะก็ไม่มีใครมานั่งด้วยเลย
และอีกหนึ่งสิทธิพิเศษของคนที่มีบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพแอร์เอเชีย เราสามารถรับเครื่องดื่มร้อนเย็นได้ฟรีในราคาไม่เกิน 60 บ. ทั้งขาไปและขากลับนะคะ โดยการโชว์บัตรเครดิต และบัตรที่นั่งให้เจ้าหน้าที่ดูค่ะ เราก็จะได้น้ำชื่นใจๆมากจิบเบาๆ
จากดอนเมืองใช้เวลาถึงสนามบินดานังประมาณ 1.40 ชม. เวลาของเมืองไทยกับที่เวียดนามเท่ากันทำให้เราไม่ต้องยุ่งยากปรับเวลา สิ่งที่เรากังวลใจที่สุดของการไปเที่ยวครั้งนี้คือการเดินทางในประเทศเวียดนาม เนื่องจากพยายามหาข้อมูลว่าจากสนามบินดานังจะไปสถานที่ท่องเที่ยวมันไม่มีรถบัสเหมือนตอนที่เราไปเวียดนามใต้ กับเวียดนามเหนือ อย่างดีที่สุดถ้าคิดจะนั่งรถบัสคือต้องเดินเท้าจากสนามบินไปประมาณกิโลถึงจะเจอรถบัส จะนั่งแท๊กซี่ก็กลัวว่าจะโดนโกง หาข้อมูลไปมาจึงทราบมาว่าที่นั่นมี grab car กับ uber ให้เลือกใช้บริการ และเมื่อใช้บริการแล้วไม่โดนใครมาล้อมรถด้วย 555 ซึ่งก่อนไปเราก็ได้ถามเพื่อนที่เดินทางไปทำงานที่เวียดนามบ่อยๆ ว่า grab car ที่นั่นโอเคไหม เพื่อนแนะนำว่าให้ใช้เลยโหลดแอพจากเมืองไทยเตรียมไว้ได้เลย ความกังวลใจเรื่องการเดินทางจึงคลี่คลาย
สำหรับเรื่องการแลกเงินปกติเวลาไปเวียดนามเราจะแลกเงินดอลล่าแล้วไปแลกเป็นเงินด่องที่สนามบินเวียดนามเพราะได้รับคำแนะนำมาว่าจะได้เรทดีกว่า แต่ครั้งนี้อยากแลกเงินด่องจากเมืองไทยไปเลย อีกอย่างเราคิดว่าแลกไม่เยอะอาจไม่ได้เห็นผลต่างมากมาย แต่เราก็แลกเงินดอลล่าติดกระเป๋าไว้ด้วย
เมื่อไปถึงสนามบินเราจึงเหลือภารกิจเพียงอย่างเดียว คือ หาซื้อซิม แนะนำเลยนะคะสำหรับคนที่จะซื้อซิมเวียดนามถ้ามีเวลาลองเลือกถามเงื่อนไขหลายๆร้าน อย่าพุ่งตรงไปที่ร้านแรก(ลงบันไดเลื่อนมาก็เจอ) แล้วตัดสินใจเลือกร้านแรกทันที เพราะตอนแรกเราก็เกือบซื้อที่ร้านแล้วแต่พอดีเห็นกระเป๋าออกมาเลยรีบวิ่งไปรับกระเป๋าก่อน ก็เลยลองดูร้านอื่นด้วย ปรากฏว่าร้านอื่นถูกกว่าร้านแรกแบบ 7 วัน (unlimited) ราคา 8 USD แต่ร้านที่เรามาเลือกซื้อตอนหลัง 7 วัน ราคา 7 USD หรือถ้าจะจ่ายเป็นเงินด่องก็ราคา 150.000 VND เกือบไปแล้ว และเป็นราคาที่ปรับขึ้นมาด้วยเพราะก่อนไปหาข้อมูลมาราคาซิมมันถูกกว่านี้พนักงานขายบอกว่าราคามันปรับแล้ว ปรับจริง ปรับหรอกอันนี้ก็ไม่รู้แล้ว เมื่อซื้อปุ๊บให้พนักงานขายเปลี่ยนให้เลยนะคะ แล้วลองใช้ก่อนเลยว่าใช้ได้ไหม เพราะตอนแรกพอเราลองใช้มันใช้ไม่ได้ พนักงานจึงเซทค่าอะไรให้ใหม่ก็ไม่รู้
เอาหล่ะค่ะซิมก็ได้มาแล้วปฏิบัติการเรียก grab car ก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทุกอย่างเร็วจริงๆ คือตอนเรียกตัวยังอยู่ในอาคารสนามบิน แต่พี่ grab ก็มาถึงอย่างรวดเร็วจึงต้องรีบวิ่งๆออกมาดู พี่ grab คงหาเราไม่เจอจึงพิมพ์ข้อความผ่านแอพ grab มาหา ในแอพจะมีบอกราคาไว้ด้วยว่าราคาเท่าไหร่ หมดกังวลเรื่องของการโดนโกงแน่นอน แต่นอกจากราคาที่แสดงในแอพแล้ว เรายังต้องจ่าย 10.000 VND ซึ่งเป็นผ่านทางสนามบินของรถที่มารับเราค่ะ จริงๆเราก็ไม่รู้ว่าเราควรต้องเป็นคนจ่ายหรือรถที่เข้ามารับควรต้องเป็นคนจ่ายกันแน่ ตอนแรกเราก็ไม่ยอม แต่ท้ายที่สุดขาไปเขาก็ไม่คิดเขาบอกเล็กน้อย พอมานั่งคิดรู้สึกผิด ตอนขากลับจึงยอมจ่ายแต่โดยดี นี่เลยค่ะ หน้าตาของ APP ที่เรียกมันจะขึ้นแบบนี้ ซึ่งเราสามารถจะพิมพ์ข้อความหาคนขับผ่านทางแอพนี้ได้ด้วยค่ะ รถที่มารับเป็นรถส่วนตัวนะคะ ไม่ใช่แท๊กซี่ คนขับคนนี้ขับทั้ง grab และ uber และรับจองพวก one day trip ต่างๆด้วย พูดภาษาอังกฤษ ได้ดีมากๆ ให้คำแนะนำดี เราโชคดีที่ได้เจอ พอเขาไปส่งถึง bana hills จึงขอไลน์เพื่อนัดมารับตอนขากลับจาก bana hills ไปฮอยอัน ด้วยเสียเลย แต่เรียกครั้งนี้ไม่ได้ผ่าน grab แล้วค่ะ คุยและตกลงราคากันเองเลย แต่เขาจะเอาหน้าจอแอพให้ดูว่าถ้าเรียกผ่านแอพจะราคาเท่าไหร่ ถ้าไม่ผ่านจะราคาเท่าไหร่
และเราก็ออกเดินทางจากสนามบินดานังไป Bana hills ระยะทางประมาณ 40 กม. เราว่ามันก็ไม่ไกลนะแต่ใช้เวลาเกือบชั่วโมงถึงจะมาตรงทางขึ้น cable car ที่ใช้เวลานานก็เพราะเนื่องด้วยการจำกัดความเร็วของการวิ่งรถที่กฏหมายเขาระบุว่าไม่เกิน 60 กม./ชม. ซึ่งคนขับก็ขับอยู่ประมาณ 40-50 โอ้ย ใจมันจะขาด ถ้าเราไปขับนี่คงเผลอเหยียบจนโดนจับแน่ๆ
สำหรับ cable car ที่จะขึ้นไป Bana Hills นั้นมี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งก็เป็นกระเช้าของนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ไม่ได้พักในโรงแรมเมอร์เคียว อีกส่วนคือให้เฉพาะลูกค้าของโรงแรมเมอร์เคียวใช้บริการเท่านั้น
เราจองที่พักมากจากเมืองไทยผ่าน Agoda ซึ่งจองกระชั้นชิดจึงได้ราคาที่ไม่ถูกสักเท่าไหร่ เคยอ่านเจอในเน็ตบางคนจองได้พันกว่าบาท ส่วนของเราเบ็ดเสร็จแล้วจ่ายไป 3,306.07 บาท/คืน รวมอาหารเช้า เนื่องจากไปคนเดียวด้วย เลยต้องจ่ายคนเดียว ไม่มีใครมาช่วยหาร
เมื่อไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนการเข้าพัก และให้คูปองสำหรับขึ้นกระเช้า และเอกสารอะไรสักใบเพื่อที่เมื่อเราไปถึงบน Bana Hills แล้วก็นำไปแลกคีย์การ์ดสำหรับเข้าห้อง
พอถึงเวลาต้องขึ้น cable car ปรากฏเจ้าหน้าที่โรงแรมพาเราไปรวมกับ cable car ของนักท่องเที่ยวทั่วไปซึ่งต้องต่อคิว เซ็งเป็ด
สำหรับโรงแรมเมอร์เคียวนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยว Bana Hills นี่แหล่ะค่ะ อาคารของโรงแรมก็แนวเดียวกันกลมกลืนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เรียกว่าเปิดหน้าต่างมาก็เจอสถานที่เที่ยวอยู่ตรงหน้าเลยค่ะ
นักท่องเที่ยวบางส่วนก็เลือกที่จะค้างคืนด้านบนหนึ่งคืน แต่บางส่วนก็ลงมาพักที่ตัวเมืองดานัง สำหรับเราก็แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ ถ้าอยากมีเวลาดื่มด่ำเยอะๆ และไม่ได้อยากรีบเกินไปค้างสักคืนก็ได้นะคะ
สำหรับราคาค่าใช้บริการ cable car ถ้าเราพักที่โรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills จะได้ราคา 400.000 vnd (ไป-กลับ) ราคานี้จ่ายแยกกับค่าที่พักนะคะ เจ้าหน้าที่จะเก็บตั๋วขึ้น cable car ไป ตอนลงก็ลงมาโดยไม่ต้องใช้ตั๋วอะไรค่ะ
กระเช้าพาเราไต่ระดับมาเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เรารู้สึกว่าเป็นกระเช้าที่ยาวและนั่งนานมาก ในข้อมูลของเวบ Banahills บอกว่า cable car นี้ มีระยะทางยาวถึง 5,801 เมตร จำได้ว่าตอนที่ขึ้นกระเช้าไป Fansipan ที่ซาปาระยะทางมันใกล้กว่านี้ พอไปถึงเราก็นำเอกสารยื่นให้พนักงาน ก็จะได้ keycard ห้องพักมาค่ะ และจะมีเจ้าหน้าที่พาเดินไปส่งถึงห้องพักเลย
ถ่ายด้านหน้าโรงแรม Mercure Hotels Bana Hills French Village พร้อมคีย์การ์ดสำหรับเข้าห้องพักค่ะ หน้าตาห้องพักของโรงแรมเราเขียนรีวิวไว้คลิกที่นี่
https://ppantip.com/topic/37635066
Bana Hills (บาน่าฮิลล์) เป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของเวียดนามกลาง มีอายุยาวนานเป็นร้อยปี ว่ากันว่าตั้งแต่เวียดนามยังเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมที่เราเห็นจึงเหมือนเราอยู่ที่ฝรั่งเศสเลยค่ะ ไปดูบรรยากาศกันดีกว่า
คนเยอะแยะมากมาย นักท่องเที่ยวชาวจีน เกาหลี ฝรั่ง และไทย แต่พอตกช่วงเย็นๆ คนก็หายหมดเหลือแต่คนที่พักด้านบนเท่านั้น
สำหรับมื้อเย็นของวันนี้เราหิ้วมาม่า กับกล้วยหอมมาจากเมืองไทย 5555 ไม่ได้ตั้งใจจะกินแทนข้าวหรอก แต่บางทีมันอยากมาม่าเลยถือติดมา แล้วมันก็อิ่มเลย ดีจังประหยัด
ยามค่ำบรรยากาศก็จะสงบมาก และก็ออกจะหลอนๆเล็กน้อย 555
เดินเล่นยามค่ำจนเมื่อยก็ถึงเวลาพักผ่อนกายา บอกเลยว่านอนไม่หลับเพราะด้านบนนี้มีการก่อสร้างมากมายเสียงดังจนถึงห้าทุ่มก็ยังดัง และเสียงลากเก้าอี้ห้องด้านบนเกือบทั้งคืน ไม่รู้จะลากอะไรกันนักกันหนา ทำให้การนอนคืนนี้ที่คิดว่าน่าจะมีความสุขกลับไม่สุขเลย ตอนแรกกะว่าพรุ่งนี้เช้าจะลงไปเที่ยวที่ลานดอกไม้แต่ก็ไม่มีอารมณ์แล้วพอตื่นและกินข้าวเช้าเสร็จก็นัด grab car เจ้าเดิมมารับเลยค่ะ ใจตอนนั้นมันไปถึงฮอยอันแล้ว
[CR] ชวนเที่ยวดานัง-ฮอยอันในวันที่ไม่เหงา
'ฮอยอัน' เรารู้จักฮอยอันครั้งแรกเมื่อนานมาแล้ว และเชื่อว่าการรู้จักฮอยอันคงเหมือนใครอีกหลายๆคน ที่รู้จักที่นี่จากละครดังหลังข่าวเรื่อง ฮอยอันฉันรักเธอ ภาพตึกสีเหลือง จักรยาน ดอกไม้ ชุดประจำชาติ หมวกทรงสามเหลี่ยมปลายแหลม คือภาพติดตาที่ทำให้เราอยากไปเยือนที่นี่สักครั้ง เป้าหมายการเดินทางในครั้งนี้คือ ดานัง , บาน่าฮิลล์ และฮอยอันนั่นเอง
ตั๋วเดินทางไปกลับราคาสมเหตุสมผลตามความสามารถของกระเป๋าเงินใบน้อย น้อยมากถึงน้อยที่สุด 555 เราเลือกแบบไม่มีออฟชั่นใดๆทั้งสิ้น ได้ราคามาที่ 2,280 บ. + counter payment 50 บ. + counter service 30 บ. รวมเบ็ดเสร็จ 2,360 บ. แหม!! เป็นราคาที่อาจไม่ได้ถูกที่สุดสำหรับคนที่เคยไปแต่เป็นราคาที่เรารับได้ก็โอไหมหล่ะ เราเลือกใช้บริการของ AirAsia ที่มีเที่ยวบินๆตรงจากดอนเมืองสู่ดานังสะดวกทีเดียว อีกทั้งขาไปได้สิทธิ์ hot seat และโหลดกระเป๋าฟรีด้วยคูปองจากบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพแอร์เอเชียค่ะ
นอกจากสิทธิพิเศษของการมีบัตรนี้ตามด้านบนที่กล่าวไว้แล้ว ตอน check in เราก็ได้สิทธิ์เข้าช่องพิเศษ ตอนโหลดกระเป๋าก็จะมี tag ติดว่า express bag ให้ด้วย ตอนขึ้นเครื่องก็ได้สิทธิ์ให้ขึ้นก่อน แหม!! ดีใช่ไหมหล่ะ แต่สิทธิ์เหล่านี้ได้เฉพาะขาออกจากประเทศไทยนะจ๊ะ ต้องขอบคุณน้องที่ออฟฟิศที่แนะนำให้รู้จักกับบัตรนี้จ้า
ทุกอย่างพร้อมก็ออกเดินทางกันเลย รอมานานข้ามปี ถ้าตั๋วเครื่องบินที่จองไว้มันเน่าได้คงเน่าไปนานแล้ว หลังจากผ่านด่านต่างๆ เราก็แวะมาใช้บริการเลานจ์ของคิงพาวเวอร์กันก่อน มีบัตรสมาชิกของคิงพาวเวอร์สีไหนก็ได้มารับประทานอาหารได้ฟรี 2 ชม. และให้สิทธิผู้ติดตามได้อีก 1 คน การสมัครบัตรก็ง่ายแสนง่ายสมัครได้เลยที่เคาเตอร์คิงพาวเวอร์ในสนามบินตอนนั้นเราสมัครฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย สมัครเสร็จก็จะได้บัตรแข็งมาเลย แต่ตอนนี้เงื่อนไขเป็นอย่างไรลองศึกษาดูนะคะเพราะความจริงแล้วเราก็ไม่เคยช้อปอะไรของเขาเลย
อาหารในเลานจ์ไม่ได้มีให้เลือกมาก แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากมาย นั่งเพลินๆ รอเวลาไปค่ะ ที่นี่จะเปิดตลอด 24 ชั่วโมงนะคะ อาหารคิดว่าในแต่ละช่วงเวลาอาจต่างกันไป ตอนเข้าเจ้าหน้าที่จะขอดูพาสปอต บอร์ดดิ้งพาส และบัตรสมาชิก
จากนั้นก็ได้เวลาออกเดินทางแล้วค่ะที่นั่งสบายเลยค่ะ ได้นั่งแถวที่สามติดทางเดิน แถมอีกสองเบาะก็ไม่มีใครมานั่งด้วยเลย
และอีกหนึ่งสิทธิพิเศษของคนที่มีบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพแอร์เอเชีย เราสามารถรับเครื่องดื่มร้อนเย็นได้ฟรีในราคาไม่เกิน 60 บ. ทั้งขาไปและขากลับนะคะ โดยการโชว์บัตรเครดิต และบัตรที่นั่งให้เจ้าหน้าที่ดูค่ะ เราก็จะได้น้ำชื่นใจๆมากจิบเบาๆ
จากดอนเมืองใช้เวลาถึงสนามบินดานังประมาณ 1.40 ชม. เวลาของเมืองไทยกับที่เวียดนามเท่ากันทำให้เราไม่ต้องยุ่งยากปรับเวลา สิ่งที่เรากังวลใจที่สุดของการไปเที่ยวครั้งนี้คือการเดินทางในประเทศเวียดนาม เนื่องจากพยายามหาข้อมูลว่าจากสนามบินดานังจะไปสถานที่ท่องเที่ยวมันไม่มีรถบัสเหมือนตอนที่เราไปเวียดนามใต้ กับเวียดนามเหนือ อย่างดีที่สุดถ้าคิดจะนั่งรถบัสคือต้องเดินเท้าจากสนามบินไปประมาณกิโลถึงจะเจอรถบัส จะนั่งแท๊กซี่ก็กลัวว่าจะโดนโกง หาข้อมูลไปมาจึงทราบมาว่าที่นั่นมี grab car กับ uber ให้เลือกใช้บริการ และเมื่อใช้บริการแล้วไม่โดนใครมาล้อมรถด้วย 555 ซึ่งก่อนไปเราก็ได้ถามเพื่อนที่เดินทางไปทำงานที่เวียดนามบ่อยๆ ว่า grab car ที่นั่นโอเคไหม เพื่อนแนะนำว่าให้ใช้เลยโหลดแอพจากเมืองไทยเตรียมไว้ได้เลย ความกังวลใจเรื่องการเดินทางจึงคลี่คลาย
สำหรับเรื่องการแลกเงินปกติเวลาไปเวียดนามเราจะแลกเงินดอลล่าแล้วไปแลกเป็นเงินด่องที่สนามบินเวียดนามเพราะได้รับคำแนะนำมาว่าจะได้เรทดีกว่า แต่ครั้งนี้อยากแลกเงินด่องจากเมืองไทยไปเลย อีกอย่างเราคิดว่าแลกไม่เยอะอาจไม่ได้เห็นผลต่างมากมาย แต่เราก็แลกเงินดอลล่าติดกระเป๋าไว้ด้วย
เมื่อไปถึงสนามบินเราจึงเหลือภารกิจเพียงอย่างเดียว คือ หาซื้อซิม แนะนำเลยนะคะสำหรับคนที่จะซื้อซิมเวียดนามถ้ามีเวลาลองเลือกถามเงื่อนไขหลายๆร้าน อย่าพุ่งตรงไปที่ร้านแรก(ลงบันไดเลื่อนมาก็เจอ) แล้วตัดสินใจเลือกร้านแรกทันที เพราะตอนแรกเราก็เกือบซื้อที่ร้านแล้วแต่พอดีเห็นกระเป๋าออกมาเลยรีบวิ่งไปรับกระเป๋าก่อน ก็เลยลองดูร้านอื่นด้วย ปรากฏว่าร้านอื่นถูกกว่าร้านแรกแบบ 7 วัน (unlimited) ราคา 8 USD แต่ร้านที่เรามาเลือกซื้อตอนหลัง 7 วัน ราคา 7 USD หรือถ้าจะจ่ายเป็นเงินด่องก็ราคา 150.000 VND เกือบไปแล้ว และเป็นราคาที่ปรับขึ้นมาด้วยเพราะก่อนไปหาข้อมูลมาราคาซิมมันถูกกว่านี้พนักงานขายบอกว่าราคามันปรับแล้ว ปรับจริง ปรับหรอกอันนี้ก็ไม่รู้แล้ว เมื่อซื้อปุ๊บให้พนักงานขายเปลี่ยนให้เลยนะคะ แล้วลองใช้ก่อนเลยว่าใช้ได้ไหม เพราะตอนแรกพอเราลองใช้มันใช้ไม่ได้ พนักงานจึงเซทค่าอะไรให้ใหม่ก็ไม่รู้
เอาหล่ะค่ะซิมก็ได้มาแล้วปฏิบัติการเรียก grab car ก็เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และทุกอย่างเร็วจริงๆ คือตอนเรียกตัวยังอยู่ในอาคารสนามบิน แต่พี่ grab ก็มาถึงอย่างรวดเร็วจึงต้องรีบวิ่งๆออกมาดู พี่ grab คงหาเราไม่เจอจึงพิมพ์ข้อความผ่านแอพ grab มาหา ในแอพจะมีบอกราคาไว้ด้วยว่าราคาเท่าไหร่ หมดกังวลเรื่องของการโดนโกงแน่นอน แต่นอกจากราคาที่แสดงในแอพแล้ว เรายังต้องจ่าย 10.000 VND ซึ่งเป็นผ่านทางสนามบินของรถที่มารับเราค่ะ จริงๆเราก็ไม่รู้ว่าเราควรต้องเป็นคนจ่ายหรือรถที่เข้ามารับควรต้องเป็นคนจ่ายกันแน่ ตอนแรกเราก็ไม่ยอม แต่ท้ายที่สุดขาไปเขาก็ไม่คิดเขาบอกเล็กน้อย พอมานั่งคิดรู้สึกผิด ตอนขากลับจึงยอมจ่ายแต่โดยดี นี่เลยค่ะ หน้าตาของ APP ที่เรียกมันจะขึ้นแบบนี้ ซึ่งเราสามารถจะพิมพ์ข้อความหาคนขับผ่านทางแอพนี้ได้ด้วยค่ะ รถที่มารับเป็นรถส่วนตัวนะคะ ไม่ใช่แท๊กซี่ คนขับคนนี้ขับทั้ง grab และ uber และรับจองพวก one day trip ต่างๆด้วย พูดภาษาอังกฤษ ได้ดีมากๆ ให้คำแนะนำดี เราโชคดีที่ได้เจอ พอเขาไปส่งถึง bana hills จึงขอไลน์เพื่อนัดมารับตอนขากลับจาก bana hills ไปฮอยอัน ด้วยเสียเลย แต่เรียกครั้งนี้ไม่ได้ผ่าน grab แล้วค่ะ คุยและตกลงราคากันเองเลย แต่เขาจะเอาหน้าจอแอพให้ดูว่าถ้าเรียกผ่านแอพจะราคาเท่าไหร่ ถ้าไม่ผ่านจะราคาเท่าไหร่
และเราก็ออกเดินทางจากสนามบินดานังไป Bana hills ระยะทางประมาณ 40 กม. เราว่ามันก็ไม่ไกลนะแต่ใช้เวลาเกือบชั่วโมงถึงจะมาตรงทางขึ้น cable car ที่ใช้เวลานานก็เพราะเนื่องด้วยการจำกัดความเร็วของการวิ่งรถที่กฏหมายเขาระบุว่าไม่เกิน 60 กม./ชม. ซึ่งคนขับก็ขับอยู่ประมาณ 40-50 โอ้ย ใจมันจะขาด ถ้าเราไปขับนี่คงเผลอเหยียบจนโดนจับแน่ๆ
สำหรับ cable car ที่จะขึ้นไป Bana Hills นั้นมี 2 ส่วน ส่วนหนึ่งก็เป็นกระเช้าของนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ไม่ได้พักในโรงแรมเมอร์เคียว อีกส่วนคือให้เฉพาะลูกค้าของโรงแรมเมอร์เคียวใช้บริการเท่านั้น
เราจองที่พักมากจากเมืองไทยผ่าน Agoda ซึ่งจองกระชั้นชิดจึงได้ราคาที่ไม่ถูกสักเท่าไหร่ เคยอ่านเจอในเน็ตบางคนจองได้พันกว่าบาท ส่วนของเราเบ็ดเสร็จแล้วจ่ายไป 3,306.07 บาท/คืน รวมอาหารเช้า เนื่องจากไปคนเดียวด้วย เลยต้องจ่ายคนเดียว ไม่มีใครมาช่วยหาร
เมื่อไปถึงจะมีเจ้าหน้าที่ลงทะเบียนการเข้าพัก และให้คูปองสำหรับขึ้นกระเช้า และเอกสารอะไรสักใบเพื่อที่เมื่อเราไปถึงบน Bana Hills แล้วก็นำไปแลกคีย์การ์ดสำหรับเข้าห้อง
พอถึงเวลาต้องขึ้น cable car ปรากฏเจ้าหน้าที่โรงแรมพาเราไปรวมกับ cable car ของนักท่องเที่ยวทั่วไปซึ่งต้องต่อคิว เซ็งเป็ด
สำหรับโรงแรมเมอร์เคียวนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของสถานที่ท่องเที่ยว Bana Hills นี่แหล่ะค่ะ อาคารของโรงแรมก็แนวเดียวกันกลมกลืนอยู่ในพื้นที่เดียวกัน เรียกว่าเปิดหน้าต่างมาก็เจอสถานที่เที่ยวอยู่ตรงหน้าเลยค่ะ
นักท่องเที่ยวบางส่วนก็เลือกที่จะค้างคืนด้านบนหนึ่งคืน แต่บางส่วนก็ลงมาพักที่ตัวเมืองดานัง สำหรับเราก็แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ ถ้าอยากมีเวลาดื่มด่ำเยอะๆ และไม่ได้อยากรีบเกินไปค้างสักคืนก็ได้นะคะ
สำหรับราคาค่าใช้บริการ cable car ถ้าเราพักที่โรงแรม Mercure Danang French Village Bana Hills จะได้ราคา 400.000 vnd (ไป-กลับ) ราคานี้จ่ายแยกกับค่าที่พักนะคะ เจ้าหน้าที่จะเก็บตั๋วขึ้น cable car ไป ตอนลงก็ลงมาโดยไม่ต้องใช้ตั๋วอะไรค่ะ
กระเช้าพาเราไต่ระดับมาเรื่อยๆ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที เรารู้สึกว่าเป็นกระเช้าที่ยาวและนั่งนานมาก ในข้อมูลของเวบ Banahills บอกว่า cable car นี้ มีระยะทางยาวถึง 5,801 เมตร จำได้ว่าตอนที่ขึ้นกระเช้าไป Fansipan ที่ซาปาระยะทางมันใกล้กว่านี้ พอไปถึงเราก็นำเอกสารยื่นให้พนักงาน ก็จะได้ keycard ห้องพักมาค่ะ และจะมีเจ้าหน้าที่พาเดินไปส่งถึงห้องพักเลย
ถ่ายด้านหน้าโรงแรม Mercure Hotels Bana Hills French Village พร้อมคีย์การ์ดสำหรับเข้าห้องพักค่ะ หน้าตาห้องพักของโรงแรมเราเขียนรีวิวไว้คลิกที่นี่ https://ppantip.com/topic/37635066
Bana Hills (บาน่าฮิลล์) เป็นเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงของเวียดนามกลาง มีอายุยาวนานเป็นร้อยปี ว่ากันว่าตั้งแต่เวียดนามยังเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมที่เราเห็นจึงเหมือนเราอยู่ที่ฝรั่งเศสเลยค่ะ ไปดูบรรยากาศกันดีกว่า
คนเยอะแยะมากมาย นักท่องเที่ยวชาวจีน เกาหลี ฝรั่ง และไทย แต่พอตกช่วงเย็นๆ คนก็หายหมดเหลือแต่คนที่พักด้านบนเท่านั้น
สำหรับมื้อเย็นของวันนี้เราหิ้วมาม่า กับกล้วยหอมมาจากเมืองไทย 5555 ไม่ได้ตั้งใจจะกินแทนข้าวหรอก แต่บางทีมันอยากมาม่าเลยถือติดมา แล้วมันก็อิ่มเลย ดีจังประหยัด
ยามค่ำบรรยากาศก็จะสงบมาก และก็ออกจะหลอนๆเล็กน้อย 555เดินเล่นยามค่ำจนเมื่อยก็ถึงเวลาพักผ่อนกายา บอกเลยว่านอนไม่หลับเพราะด้านบนนี้มีการก่อสร้างมากมายเสียงดังจนถึงห้าทุ่มก็ยังดัง และเสียงลากเก้าอี้ห้องด้านบนเกือบทั้งคืน ไม่รู้จะลากอะไรกันนักกันหนา ทำให้การนอนคืนนี้ที่คิดว่าน่าจะมีความสุขกลับไม่สุขเลย ตอนแรกกะว่าพรุ่งนี้เช้าจะลงไปเที่ยวที่ลานดอกไม้แต่ก็ไม่มีอารมณ์แล้วพอตื่นและกินข้าวเช้าเสร็จก็นัด grab car เจ้าเดิมมารับเลยค่ะ ใจตอนนั้นมันไปถึงฮอยอันแล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้