Mercure Hotels Bana Hills ขอนอนสักครั้งเมื่อไปถึง
เป็นความตั้งใจว่าตอนไปเที่ยว Bana Hills เราอยากที่จะพักค้างคืนข้างบนสักคืน และแน่นอนด้านบนที่ว่านี้มีโรงแรมให้เลือกพักเพียงโรงแรมเดียว ก็คือ Mercure Hotels Bana Hills หรือชื่อเต็มๆแบบยาวๆว่า Mercure Danang French Village Bana Hills (เมอร์เคียว ดานัง เฟรนช์ วิลเลจ บาน่า ฮิลส์) นั่นเอง หลังจากหาข้อมูลและตรวจสอบราคาก็ตกใจเล็กน้อยเพราะราคาค่อนข้างโดดจากคนอื่นๆที่เคยให้ข้อมูลไว้ อาจเนื่องเพราะจองกระชั้นชิดจึงทำให้ราคาห้องหนึ่งคืนรวมอาหารเช้า และค่าธรรมเนียมการจองโดดไปถึง 3,306.07 บ. แต่ก็นะเมื่ออยากลองพักก็ต้องยอมจ่าย แถมไปคนเดียวไม่มีคนหารอีกก็รับภาระไปเต็มๆ เนี่ยแหล่ะข้อเสียของการเที่ยวคนเดียวจ่ายเต็มตลอด แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็เดินหน้าจองผ่าน Agoda หลังการจองไม่นานก็ถึงเวลาออกเดินทางกันได้เลย
โรงแรมเมอร์เคียว ดานัง เฟรนซ์ วิลเลจ บาน่าฮิลส์ ( Mercure Danang French Village Bana Hills Hotel) ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,480 เมตร เป็นโรงแรมในเครือแอคคอร์โฮเทล มีจำนวนห้องทั้งหมด 494 ห้องแบ่งเป็น 6 แบบ ได้แก่ ห้องสแตนดาร์ด ห้องสุพีเรีย ห้องดีลักซ์ เอ็กเซกคิวทีฟสวีท ห้องแฟมิลี่สวีท และรอยัลสวีท การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ในโรงแรมมีทั้งห้องอาหาร คาเฟ่ สระว่ายน้ำที่กระจายตัวอยู่ตามตึกต่างๆ ห้องพักบางห้องเปิดหน้าต่างมาจะเจอกับวิวของ Bana Hills
สำหรับการเดินทางจากสนามบินดานัง เราเรียก grab car วิ่งตรงมาส่งที่ทางขึ้นกระเช้าไฟฟ้า (Cable Car) ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ค่ารถจ่ายไป 287.000 vnd ตรงจุดนี้จะมี front ให้ติดต่อเราต้องยื่นใบจองโรงแรมให้กับทางเจ้าหน้าที่ๆจะขอพาสปอต และให้คูปองสำหรับขึ้นกระเช้า พร้อมเอกสารอะไรสักอย่างเพื่อนำไปยื่นให้กับทาง front ของโรงแรมเมื่อไปถึง Bana Hills
ที่นั่งบริเวณ front
กระเช้าไฟฟ้า(Cable Car) ที่จะขึ้นไปบน Bana Hills จะมีสองส่วน คือส่วนของนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ไม่ได้พักโรงแรมเมอร์เคียว (Mercure Hotels Bana Hills) กับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาพักกับโรงแรมเมอร์เคียว ซึ่งจะแยกกัน แต่ตอนเราไปปรากฏว่ามีเราคนเดียวเจ้าหน้าที่โรงแรมเลยพาเราเดินไปขึ้นกับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักในโรงแรม ก่อนขึ้นกระเช้าเราต้องซื้อบัตรเพื่อขึ้นกระเช้าซึ่งจะมีราคาของนักท่องเที่ยวทั่วไป กับราคาของผู้ที่เข้าพักในโรงแรมจะได้ราคาต่างกัน เราจ่ายไป 400.000 vnd (ไป-กลับ) ราคานี้ต้องจ่ายแยกกับราคาที่พักไม่รวมนะคะ เวลาเราจองกับ Agoda ในนั้นจะมีเขียนว่าค่ารับส่งอะไรสักอย่างจ่ายที่โรงแรม ตอนแรกอ่านก็งงว่าคือค่าอะไรหาข้อมูลไปมาเลยรู้ว่าอ๋อมันคือค่าขึ้นกระเช้านี่เอง
ถึงเวลาขึ้นกระเช้าไฟฟ้าแล้ว กระเช้านี้ได้รับการบันทึกสถิติโลกไว้ว่าเป็นกระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) มีระยะทางยาวที่สุดในโลก 5,801 เมตร และเป็นกระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) มีระยะจากฐานสู่ยอดสูงที่สุดในโลก 1,368 เมตร ถ่ายรูปกระเช้ามาไม่สวยเลย
มาถึงด้านบนแล้วค่ะ อันดับแรกเลยก็เข้าไปติดต่อ front ยื่นเอกสารที่ front ด้านล่างให้มา เพื่อนำมารับ key card ส่วนคูปองอาหารเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้มารับตอน 5 โมงเย็น แปลกดีค่ะ สงสัยว่าทำไมต้องมารับตอนห้าโมงเย็นด้วยนะ หลังจากติดต่อเสร็จที่โรงแรมนี้ไม่ได้เก็บพาสปอตเราเอาไว้ขอดูเสร็จก็คืน จะต่างกับบางโรงแรม อาจเพราะว่าที่นี่เราจ่ายเงินค่าที่พักมาล่วงหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปส่งห้องที่อยู่ชั้นสอง
บริเวณหน้าลิฟท์ชั้นสอง แต่หลังจากที่เราเก็บกระเป๋าในห้องเสร็จ เราก็ไม่เคยขึ้นลิฟท์อีกเลย เลือกเดินขึ้นลงบันได้แทน
ทางเดินระหว่างห้อง ตอนเดินเห็นหุ่นตัวนี้ทีไรหลอนทุกที
เข้ามาดูในห้องนอนกันค่ะ มีสองเตียงให้นอน แต่นอนคนเดียวอีกเตียงเลยไว้วางของ
แต่พอเราลองขยับเตียงปรากฏว่าเจอไพ่อยู่ใต้เตียง พอเจอไพ่ก็ไม่กล้าขยับต่อเพราะกลัวเจออย่างอื่น555 คนเวียดนามคงชอบเล่นไพ่มาก เพราะบางทีเราเห็นตามร้านกาแฟนั่งเล่นไพ่กันเฉยเลย
บริเวณปลายเตียงมีทีวี โต๊ะเขียนหนังสือ มีหน้าต่างเปิดให้ชมวิว ห้องที่เราอยู่เปิดไปเจอวิวกำลังก่อสร้าง 555
ห้องน้ำแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนที่เป็นอ่างล้างหน้า ห้องอาบน้ำ และห้องส้วม โดยมีประตูเป็นกระจกฝ้า ซึ่งถ้าไปสองคนแล้วเข้าคนละห้องก็ได้อารมณ์เหมือนอยู่ห้องเดียวกัน
มีอ่างล้างหน้า
มีแปรงสีฟัน หวี สบู่ก้อน(หอมมากกกกก) ผ้าขนหนู
ด้านในห้องส้วม
ด้านในห้องอาบน้ำ
มีเจลอาบน้ำหอมมากกกก และยาสระผม เสียดายไม่ได้เก็บกลับมาหอมจริงๆค่ะ
มุมจากประตูทางเข้าบ้าง
ในห้องมีมุมตู้เย็น มีชากาแฟ กาน้ำร้อน
มีน้ำขวดเล็กๆ ให้สองขวด
ในตัวโรงแรมจะมีหน้าต่างเป็นช่วงๆให้ชมวิวทิวทัศน์
บันไดวน ใครที่อยากออกกำลังกายเดินขึ้นบันไดแทนลิฟท์ก็ดีนะคะ
มุมนั่งเล่นบริเวณชั้น 1 ของโรงแรม
ไปดูอาหารเช้าของที่นี่กันบ้างค่ะ ราคาที่จองมาเป็นราคารวมอาหารเช้าแล้ว ตอนจองลองเช็คดูก่อนนะคะเหมือนจะมีราคาที่ยังไม่รวมอาหารเช้าด้วย ชอบแบบมีหรือไม่มีก็แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ ห้องอาหารเช้าจะเปิดตอน 06.30 น. เราลงมาประมาณ 7 โมง คนก็ยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อาหารมีให้เลือกไม่หลากหลายสักเท่าไหร่ รสชาติก็ธรรมดามาก แต่ก็แล้วแต่คนชอบค่ะ พอดีเราเองไม่ใช่สายทานก็เลยทานได้ไม่มาก ลองไปดูกันดีกว่าว่ามื้อเช้ามีอะไรทานกันบ้าง
ดูภาพห้องอาหารกันยาวๆไป
เดินถ่ายรูปไปเรื่อยกว่าจะได้กินจนพนักงานยิ้ม
ก็คนไม่เคยมานิ เห็นอะไรก็อยากถ่ายไปหมด โชคดีที่ลงมาเร็วไม่ค่อยมีคนจะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่น
รสชาติเหมือนมันฝรั่งทอด ลืมถ่ายป้ายชื่อมา
กิมจิ
แค่ห้องอาหารเช้าก็ยิงไปหลายรูปถ้าสมัยก่อนใช้กล้องฟิล์มคิดแล้วคิดอีก
มาดูขนมกันบ้างค่ะ ขนมอันนี้รสชาติมีความเป็นหม้อแกงผสมนิดๆ
ถ่ายไปเรื่อยจริงๆค่ะ
มาดูกันค่ะว่าเราตักอะไรมากินบ้าง ตักมาอย่างละนิดเห็นแล้วไม่มีใครอยากกินตามแน่ๆ
ซุปปูที่เขาบอกว่าอร่อยกัน แต่เรากลับไม่ชอบแฮะ ความชอบของแต่ละคนนี่ไม่เหมือนกันจริงๆ
สลัดกับกาแฟ กินมั่วไปหมด 555
ผลไม้สักนิด
ดูสิโต๊ะที่เรานั่งกินข้าวเช้า สุดแจ่ม เช้าๆแบบนี้บรรยากาศข้างบนก็ยังเงียบสงบ เพราะมีแต่ผู้เข้าพักเท่านั้น และก็จะมีพนักงานก่อสร้างที่ทยอยกันขึ้นมาทำงาน
หลังจากที่เราทานอาหารเช้าเสร็จก็เดินเล่นถ่ายรูปสักพักก็เช็คเอ้าท์ ตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่งกระเช้าลงไปเที่ยวจุดอื่นแต่ก็เปลี่ยนใจอยากจะรีบไปฮอยอันมากกว่า เลยไลน์ไปหา grab ว่าให้มารับที่ด้านล่าง หลังจากแจ้งเช็คเอ้าท์เรียบร้อยรอสักพักพนักงานก็พามาขึ้นกระเช้าเพื่อลงไปด้านล่าง เนื่องจากเรากลับเช้ามากกระเช้าเลยยังไม่มีคนเลยนั่งลงมาคนเดียวค่ะ สำหรับห้องที่เราพักด้านในห้องไม่ติดใจอะไรนะ แต่บรรยากาศตอนกลางคืนเราว่าห้องเราไม่โอมากๆ เนื่องจากอยู่ใกล้กับจุดที่เขากำลังก่อสร้าง 4 ทุ่มกว่าห้าทุ่มเรายังได้ยินเสียงก่อสร้างอยู่เลย คืองงว่าเขาน่าจะเลิกงานเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม อีกทั้งห้องข้างบนก็มีเสียงลากเก้าอี้ตลอดทั้งคืนเสียงดังมาก มากจนอยากจะลุกขึ้นไปเคาะบอกว่าเธอจะลากอะไรนักหนาฉันนอนไม่หลับ คือมันทรมานมากๆ ผ้าปูเตียงด้านล่างๆก็ออกสีเหลืองๆหน่อย ก็คงเป็นไปตามอายุการใช้งานนั่นเอง เสียงท่อน้ำในห้องน้ำดังมาก ดังทั้งคืน เราไม่แน่ใจว่าเสียงมาจากการใช้ห้องน้ำของห้องอื่นๆหรือเปล่า ห้องไม่เก็บเสียงได้ยินเสียงห้องข้างๆคุยกัน ห้องเรากับห้องเขามีประตูเปิดเชื่อมหากันได้ แต่เปิดไม่ได้เหมือนโรงแรมล็อกไว้ และในวันที่ไปเจอทัวร์คนไทยที่มาพักที่โรงแรมนี้ด้วยเดินตะโกนคุยกันเสียงดังมาก ดังเข้ามาในห้อง รวมๆแล้วเราก็บอกไม่ถูกว่าประทับใจไหมกับการนอนที่นี่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัดสินใจผิดแต่อย่างใด คืออยากนอนต้องนอนจะได้ไม่ค้างคาใจ
[CR] พานอนโรงแรมสวยสไตล์ฝรั่งเศส 'Mercure Hotels Bana Hills' ดานัง
เป็นความตั้งใจว่าตอนไปเที่ยว Bana Hills เราอยากที่จะพักค้างคืนข้างบนสักคืน และแน่นอนด้านบนที่ว่านี้มีโรงแรมให้เลือกพักเพียงโรงแรมเดียว ก็คือ Mercure Hotels Bana Hills หรือชื่อเต็มๆแบบยาวๆว่า Mercure Danang French Village Bana Hills (เมอร์เคียว ดานัง เฟรนช์ วิลเลจ บาน่า ฮิลส์) นั่นเอง หลังจากหาข้อมูลและตรวจสอบราคาก็ตกใจเล็กน้อยเพราะราคาค่อนข้างโดดจากคนอื่นๆที่เคยให้ข้อมูลไว้ อาจเนื่องเพราะจองกระชั้นชิดจึงทำให้ราคาห้องหนึ่งคืนรวมอาหารเช้า และค่าธรรมเนียมการจองโดดไปถึง 3,306.07 บ. แต่ก็นะเมื่ออยากลองพักก็ต้องยอมจ่าย แถมไปคนเดียวไม่มีคนหารอีกก็รับภาระไปเต็มๆ เนี่ยแหล่ะข้อเสียของการเที่ยวคนเดียวจ่ายเต็มตลอด แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็เดินหน้าจองผ่าน Agoda หลังการจองไม่นานก็ถึงเวลาออกเดินทางกันได้เลย
โรงแรมเมอร์เคียว ดานัง เฟรนซ์ วิลเลจ บาน่าฮิลส์ ( Mercure Danang French Village Bana Hills Hotel) ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,480 เมตร เป็นโรงแรมในเครือแอคคอร์โฮเทล มีจำนวนห้องทั้งหมด 494 ห้องแบ่งเป็น 6 แบบ ได้แก่ ห้องสแตนดาร์ด ห้องสุพีเรีย ห้องดีลักซ์ เอ็กเซกคิวทีฟสวีท ห้องแฟมิลี่สวีท และรอยัลสวีท การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ในโรงแรมมีทั้งห้องอาหาร คาเฟ่ สระว่ายน้ำที่กระจายตัวอยู่ตามตึกต่างๆ ห้องพักบางห้องเปิดหน้าต่างมาจะเจอกับวิวของ Bana Hills
สำหรับการเดินทางจากสนามบินดานัง เราเรียก grab car วิ่งตรงมาส่งที่ทางขึ้นกระเช้าไฟฟ้า (Cable Car) ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ค่ารถจ่ายไป 287.000 vnd ตรงจุดนี้จะมี front ให้ติดต่อเราต้องยื่นใบจองโรงแรมให้กับทางเจ้าหน้าที่ๆจะขอพาสปอต และให้คูปองสำหรับขึ้นกระเช้า พร้อมเอกสารอะไรสักอย่างเพื่อนำไปยื่นให้กับทาง front ของโรงแรมเมื่อไปถึง Bana Hills
ที่นั่งบริเวณ front
กระเช้าไฟฟ้า(Cable Car) ที่จะขึ้นไปบน Bana Hills จะมีสองส่วน คือส่วนของนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ไม่ได้พักโรงแรมเมอร์เคียว (Mercure Hotels Bana Hills) กับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาพักกับโรงแรมเมอร์เคียว ซึ่งจะแยกกัน แต่ตอนเราไปปรากฏว่ามีเราคนเดียวเจ้าหน้าที่โรงแรมเลยพาเราเดินไปขึ้นกับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักในโรงแรม ก่อนขึ้นกระเช้าเราต้องซื้อบัตรเพื่อขึ้นกระเช้าซึ่งจะมีราคาของนักท่องเที่ยวทั่วไป กับราคาของผู้ที่เข้าพักในโรงแรมจะได้ราคาต่างกัน เราจ่ายไป 400.000 vnd (ไป-กลับ) ราคานี้ต้องจ่ายแยกกับราคาที่พักไม่รวมนะคะ เวลาเราจองกับ Agoda ในนั้นจะมีเขียนว่าค่ารับส่งอะไรสักอย่างจ่ายที่โรงแรม ตอนแรกอ่านก็งงว่าคือค่าอะไรหาข้อมูลไปมาเลยรู้ว่าอ๋อมันคือค่าขึ้นกระเช้านี่เอง
ถึงเวลาขึ้นกระเช้าไฟฟ้าแล้ว กระเช้านี้ได้รับการบันทึกสถิติโลกไว้ว่าเป็นกระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) มีระยะทางยาวที่สุดในโลก 5,801 เมตร และเป็นกระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) มีระยะจากฐานสู่ยอดสูงที่สุดในโลก 1,368 เมตร ถ่ายรูปกระเช้ามาไม่สวยเลย
มาถึงด้านบนแล้วค่ะ อันดับแรกเลยก็เข้าไปติดต่อ front ยื่นเอกสารที่ front ด้านล่างให้มา เพื่อนำมารับ key card ส่วนคูปองอาหารเจ้าหน้าที่แจ้งว่าให้มารับตอน 5 โมงเย็น แปลกดีค่ะ สงสัยว่าทำไมต้องมารับตอนห้าโมงเย็นด้วยนะ หลังจากติดต่อเสร็จที่โรงแรมนี้ไม่ได้เก็บพาสปอตเราเอาไว้ขอดูเสร็จก็คืน จะต่างกับบางโรงแรม อาจเพราะว่าที่นี่เราจ่ายเงินค่าที่พักมาล่วงหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปส่งห้องที่อยู่ชั้นสอง
บริเวณหน้าลิฟท์ชั้นสอง แต่หลังจากที่เราเก็บกระเป๋าในห้องเสร็จ เราก็ไม่เคยขึ้นลิฟท์อีกเลย เลือกเดินขึ้นลงบันได้แทน
ทางเดินระหว่างห้อง ตอนเดินเห็นหุ่นตัวนี้ทีไรหลอนทุกที
เข้ามาดูในห้องนอนกันค่ะ มีสองเตียงให้นอน แต่นอนคนเดียวอีกเตียงเลยไว้วางของ
แต่พอเราลองขยับเตียงปรากฏว่าเจอไพ่อยู่ใต้เตียง พอเจอไพ่ก็ไม่กล้าขยับต่อเพราะกลัวเจออย่างอื่น555 คนเวียดนามคงชอบเล่นไพ่มาก เพราะบางทีเราเห็นตามร้านกาแฟนั่งเล่นไพ่กันเฉยเลย
บริเวณปลายเตียงมีทีวี โต๊ะเขียนหนังสือ มีหน้าต่างเปิดให้ชมวิว ห้องที่เราอยู่เปิดไปเจอวิวกำลังก่อสร้าง 555
ห้องน้ำแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนที่เป็นอ่างล้างหน้า ห้องอาบน้ำ และห้องส้วม โดยมีประตูเป็นกระจกฝ้า ซึ่งถ้าไปสองคนแล้วเข้าคนละห้องก็ได้อารมณ์เหมือนอยู่ห้องเดียวกัน
มีอ่างล้างหน้า
มีแปรงสีฟัน หวี สบู่ก้อน(หอมมากกกกก) ผ้าขนหนู
ด้านในห้องส้วม
ด้านในห้องอาบน้ำ
มีเจลอาบน้ำหอมมากกกก และยาสระผม เสียดายไม่ได้เก็บกลับมาหอมจริงๆค่ะ
มุมจากประตูทางเข้าบ้าง
ในห้องมีมุมตู้เย็น มีชากาแฟ กาน้ำร้อน
มีน้ำขวดเล็กๆ ให้สองขวด
ในตัวโรงแรมจะมีหน้าต่างเป็นช่วงๆให้ชมวิวทิวทัศน์
บันไดวน ใครที่อยากออกกำลังกายเดินขึ้นบันไดแทนลิฟท์ก็ดีนะคะ
มุมนั่งเล่นบริเวณชั้น 1 ของโรงแรม
ไปดูอาหารเช้าของที่นี่กันบ้างค่ะ ราคาที่จองมาเป็นราคารวมอาหารเช้าแล้ว ตอนจองลองเช็คดูก่อนนะคะเหมือนจะมีราคาที่ยังไม่รวมอาหารเช้าด้วย ชอบแบบมีหรือไม่มีก็แล้วแต่สะดวกเลยค่ะ ห้องอาหารเช้าจะเปิดตอน 06.30 น. เราลงมาประมาณ 7 โมง คนก็ยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อาหารมีให้เลือกไม่หลากหลายสักเท่าไหร่ รสชาติก็ธรรมดามาก แต่ก็แล้วแต่คนชอบค่ะ พอดีเราเองไม่ใช่สายทานก็เลยทานได้ไม่มาก ลองไปดูกันดีกว่าว่ามื้อเช้ามีอะไรทานกันบ้าง
ดูภาพห้องอาหารกันยาวๆไป
เดินถ่ายรูปไปเรื่อยกว่าจะได้กินจนพนักงานยิ้ม
ก็คนไม่เคยมานิ เห็นอะไรก็อยากถ่ายไปหมด โชคดีที่ลงมาเร็วไม่ค่อยมีคนจะได้ไม่ไปรบกวนคนอื่น
รสชาติเหมือนมันฝรั่งทอด ลืมถ่ายป้ายชื่อมา
กิมจิ
แค่ห้องอาหารเช้าก็ยิงไปหลายรูปถ้าสมัยก่อนใช้กล้องฟิล์มคิดแล้วคิดอีก
มาดูขนมกันบ้างค่ะ ขนมอันนี้รสชาติมีความเป็นหม้อแกงผสมนิดๆ
ถ่ายไปเรื่อยจริงๆค่ะ
มาดูกันค่ะว่าเราตักอะไรมากินบ้าง ตักมาอย่างละนิดเห็นแล้วไม่มีใครอยากกินตามแน่ๆ
ซุปปูที่เขาบอกว่าอร่อยกัน แต่เรากลับไม่ชอบแฮะ ความชอบของแต่ละคนนี่ไม่เหมือนกันจริงๆ
สลัดกับกาแฟ กินมั่วไปหมด 555
ผลไม้สักนิด
ดูสิโต๊ะที่เรานั่งกินข้าวเช้า สุดแจ่ม เช้าๆแบบนี้บรรยากาศข้างบนก็ยังเงียบสงบ เพราะมีแต่ผู้เข้าพักเท่านั้น และก็จะมีพนักงานก่อสร้างที่ทยอยกันขึ้นมาทำงาน
หลังจากที่เราทานอาหารเช้าเสร็จก็เดินเล่นถ่ายรูปสักพักก็เช็คเอ้าท์ ตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่งกระเช้าลงไปเที่ยวจุดอื่นแต่ก็เปลี่ยนใจอยากจะรีบไปฮอยอันมากกว่า เลยไลน์ไปหา grab ว่าให้มารับที่ด้านล่าง หลังจากแจ้งเช็คเอ้าท์เรียบร้อยรอสักพักพนักงานก็พามาขึ้นกระเช้าเพื่อลงไปด้านล่าง เนื่องจากเรากลับเช้ามากกระเช้าเลยยังไม่มีคนเลยนั่งลงมาคนเดียวค่ะ สำหรับห้องที่เราพักด้านในห้องไม่ติดใจอะไรนะ แต่บรรยากาศตอนกลางคืนเราว่าห้องเราไม่โอมากๆ เนื่องจากอยู่ใกล้กับจุดที่เขากำลังก่อสร้าง 4 ทุ่มกว่าห้าทุ่มเรายังได้ยินเสียงก่อสร้างอยู่เลย คืองงว่าเขาน่าจะเลิกงานเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม อีกทั้งห้องข้างบนก็มีเสียงลากเก้าอี้ตลอดทั้งคืนเสียงดังมาก มากจนอยากจะลุกขึ้นไปเคาะบอกว่าเธอจะลากอะไรนักหนาฉันนอนไม่หลับ คือมันทรมานมากๆ ผ้าปูเตียงด้านล่างๆก็ออกสีเหลืองๆหน่อย ก็คงเป็นไปตามอายุการใช้งานนั่นเอง เสียงท่อน้ำในห้องน้ำดังมาก ดังทั้งคืน เราไม่แน่ใจว่าเสียงมาจากการใช้ห้องน้ำของห้องอื่นๆหรือเปล่า ห้องไม่เก็บเสียงได้ยินเสียงห้องข้างๆคุยกัน ห้องเรากับห้องเขามีประตูเปิดเชื่อมหากันได้ แต่เปิดไม่ได้เหมือนโรงแรมล็อกไว้ และในวันที่ไปเจอทัวร์คนไทยที่มาพักที่โรงแรมนี้ด้วยเดินตะโกนคุยกันเสียงดังมาก ดังเข้ามาในห้อง รวมๆแล้วเราก็บอกไม่ถูกว่าประทับใจไหมกับการนอนที่นี่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัดสินใจผิดแต่อย่างใด คืออยากนอนต้องนอนจะได้ไม่ค้างคาใจ