Look who the cat's dragged in!
'ถึงเวลาทำความรู้จัก
Phonetics!'
ถึงเวลาแล้วแหละที่เราต้องมารู้จักกับภาษาศาสตร์อีกแขนงที่น่าสนใจมาก
และที่สำคัญคือ 'มันจะเป็นตัวช่วยให้เราฝึกสำเนียงภาษาอังกฤษให้เป๊ะอีกด้วย
(ถ้าฝึกหน่อยสามารถพูดได้ใกล้เคียง native speaker เลย)'
หากศึกษาวิธีออกเสียงของตัวโฟเนติคพวกนี้ให้ครบ
ต่อไปเวลาเปิดดิกชันนารีเราก็สามารถอ่านทุกคำออกได้ แม้จะไม่รู้จักมันก็ตาม
แน่นอนว่าสุดท้าย
มันก็อยู่ที่การฝึก การจะพูดคล่องไม่คล่องเนี่ย
แต่ความรู้เรื่อง Phonetics ก็เป็นเหมือน 'ทางลัด' หรือ 'สูตรลับ' 'ที่จะทำให้เราสำเนียงเป๊ะได้ง่ายและเร็วขึ้น
ฟังดูน่าสนใจขึ้นมาบ้างไหม ไปอ่านกันดีกว่า!
___________________
อธิบายก่อนตรงนี้
'
Phonetics' หรือ '
สัทศาสตร์' เป็น
ภาษาศาสตร์แขนงหนึ่ง ว่าด้วยเรื่อง '
การศึกษาการออกเสียงของมนุษย์' (the sounds of human speech)
จบแค่นั้น เพราะนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจ แค่รู้จักชื่อไว้ก็พอ
สิ่งที่เราสนใจคือ '
สัทอักษร' หรือ '
ตัว IPA'
หรือจะเรียกแบบบ้าน ๆ ก็คือ
ตัวโฟเนติค นี่แหละ
IPA ย่อมาจาก
International Phonetic Alphabet (สัทอักษรสากล)
มันคือ
ระบบตัวอักษรที่จะช่วยให้เรารู้วิธีการออกเสียงของเสียงทุกเสียงบนโลก (เฉพาะเสียงที่มีการศึกษาไว้) จากหลายภาษามากมาย
___________________
กระทู้นี้เราโฟกัสแค่
ตัวอักษร IPA ของภาษาอังกฤษละกัน
ตัว IPA หรือตัวโฟเนติคของภาษาอังกฤษมีประมาณนี้ (เวลาเขียนตัวโฟเนติคเราจะใส่ / / ไว้ด้วย)
สระ
/ʌ/, /ɑ:/, /æ/, /oʊ/, /ə/ และอื่น ๆ อีกมากมาย
พยัญชนะ
/ŋ/, /θ/, /ʃ/, /g/, /p/ และอื่น ๆ
อันนี้เป็นตารางเปรียบเทียบเสียงภาษาอังกฤษกับตัวโฟเนติค
เหมือนจะยากแต่จริง ๆ ง่ายมาก แค่จำว่าเสียงนี้ใช้ตัวโฟเนติคหน้าตาแบบไหน
____________________
สิ่งที่เราต้องทำคือ
1)
ทำความคุ้นเคย ศึกษาดูว่าแต่ละตัวอักษรออกเสียงแบบไหน
เช่น
เสียง th มีตัวโฟเนติคแบบนี้ /
θ/ เช่นในคำว่า think /θɪŋk/
หรือ
เสียง sh มีตัวโฟเนติคแบบนี้ /
ʃ/ เช่นในคำว่า ship /ʃɪp/
2)
ฝึกออกเสียงตาม
ยังไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ ขอแค่เวลาเปิด dictionarty แบบ Eng-Eng แล้วเจอตัวพวกนี้ ให้พออ่านออกได้บ้างก็พอ
หรือไม่ก็สามารถเปิดหาดูวิธีออกเสียงจนสามารถอ่านออกได้
ตัวโฟเนติคจะอยู่ในเครื่องหมาย / / อันนี้จากดิก Oxford มีแยกสำเนียงให้ด้วย (เสียง /ə/ คือสระ 'เออะ')
ดังนั้น Phonetics ต้องออกเสียงว่า 'เฟ่อะ-
เน๊-ทิคฺ'
3)
จำให้ได้
อย่างที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ แต่ถ้าจำได้มันก็จะดีมาก ๆ เลยนะ อิอิ
วิธีศึกษาคือให้รู้ว่าแต่ละเสียงใช้อวัยวะไหนในการออกเสียง (เช่น F ก็ใช้ ฟันบนกับริมฝีปากล่าง)
เราเรียกพวกนี้ว่า '
Speech Organs' หรืออวัยวะที่ใช้ในการออกเสียง
เดี๋ยวจะเจาะลึกเรื่องนี้กระทู้หน้า
___________________
คำถามต่อมาคือ
เราจะไปหาตัวโฟเนติคพวกนี้ได้จากไหน?
มีตัวช่วยคือ '
Phonemic Chart' ซึ่งจะรวมทุกเสียงในภาษาอังกฤษมาไว้ให้เลย
(LINK:
http://cambridgeenglishonline.com/interactive_phonemic_chart/)
ปล. ต้องมีโปรแกรม Flash ติดตั้งใน Google chrome ด้วยนะถึงจะเปิดได้ ส่วนมากก็มีทุกคน แต่เผื่อบางคนเปิดไม่ได้ก็ให้โหลดมานะครับ
ฝึกออกเสียงตามให้เป๊ะ โดยเฉพาะเสียงสระนี่แหละที่สำคัญที่สุด
และยังมีอีกที่หนึ่งที่จะช่วยให้เราฝึกมันได้ง่ายขึ้นคือ
Youtube ของเรานี่เอง
ตาม link นี้เลย จะมีนักข่าวจาก BBC มาอธิบายการออกเสียงแต่ละเสียงในภาษาอังกฤษให้ฟัง และมีตัวโฟเนติคให้ดูด้วย
(LINK:
https://www.youtube.com/watch?v=htmkbIboG9Q&t=3246s)
เป็นวิดีโอคลิปยาวหนึ่งชั่วโมงเลย แต่มีคนคอมเมนต์นาทีไว้แล้วว่าแต่ละเสียงอยู่นาทีไหน
เราจะฝึกออกเสียงตัวโฟเนติคตัวไหนก็คลิกตามนั้นเลย
___________________
สรุปคีย์เวิร์ดสำคัญให้ง่าย ๆ
-
Phonetics (สัทศาสตร์): ไม่สำคัญมาก รู้จักชื่อและความหมายไว้เวลาเจอจะได้ไม่งง
-
ตัวโฟเนติค หรือ IPA: ตัวอักษรหน้าตาประหลาด แต่เป็นใจความสำคัญของเรื่องนี้เลย เรียนรู้และฝึกออกเสียงให้ได้ทุกตัว สุดท้ายก็คือจำให้ได้
-
Speech organs หรืออวัยวะที่ใช้ในการออกเสียง (สำคัญมาก! ถ้าใช้อวัยวะผิดก็ไม่มีวันออกเสียงถูก เช่นตัว V ที่ต้องออกเสียงโดยการใช้ ฟันบนกับริมฝีกปากล่างกัดเข้าหากัน แต่เราดันใช้ริมฝีปากบนล่างเหมือนเสียง 'ว' แบบนี้ก็ไม่ถูก)
-
Phonemic Chart: แหล่งข้อมูลของเรา เราจะฝึกออกเสียงตัวโฟเนติคจากเว็บนี้ เข้าไปกดออกเสียงตามทุกวัน
- ฝึกจาก Youtube (ของ BBC)
วันนี้เรารู้เพิ่มแค่นี้พอ อ่านสักสองสามรอบก็ดีนะกระทู้นี้ จะได้เข้าใจ
เดี๋ยวกระทู้หน้าเราจะมาต่อแบบเจาะลึกกว่าเดิม!
'ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
ตอนนี้เพจ "พ่อผมเป็นคนอังกฤษ" มี Instagram แล้วนะ ผมโพสต์ Word of the day ทุกวันเลย
ใครต้องการอัพเดตคลังคำศัพท์ของตัวเองด้วยคำศัพท์ดี ๆ ทุกวันเข้าไป Follow ด้วย!
Instagram:
British Dad (@the.jgc)
(
https://www.instagram.com/the.jgc/)
Stay knowledge-hungry
JGC.
ทำความรู้จัก 'Phonetics' ตัวช่วยในการอัพเกรดสำเนียงภาษาอังกฤษ! (An introduction to Phonetics)
'ถึงเวลาทำความรู้จัก Phonetics!'
ถึงเวลาแล้วแหละที่เราต้องมารู้จักกับภาษาศาสตร์อีกแขนงที่น่าสนใจมาก
และที่สำคัญคือ 'มันจะเป็นตัวช่วยให้เราฝึกสำเนียงภาษาอังกฤษให้เป๊ะอีกด้วย
(ถ้าฝึกหน่อยสามารถพูดได้ใกล้เคียง native speaker เลย)'
หากศึกษาวิธีออกเสียงของตัวโฟเนติคพวกนี้ให้ครบ
ต่อไปเวลาเปิดดิกชันนารีเราก็สามารถอ่านทุกคำออกได้ แม้จะไม่รู้จักมันก็ตาม
แน่นอนว่าสุดท้ายมันก็อยู่ที่การฝึก การจะพูดคล่องไม่คล่องเนี่ย
แต่ความรู้เรื่อง Phonetics ก็เป็นเหมือน 'ทางลัด' หรือ 'สูตรลับ' 'ที่จะทำให้เราสำเนียงเป๊ะได้ง่ายและเร็วขึ้น
ฟังดูน่าสนใจขึ้นมาบ้างไหม ไปอ่านกันดีกว่า!
___________________
อธิบายก่อนตรงนี้
'Phonetics' หรือ 'สัทศาสตร์' เป็นภาษาศาสตร์แขนงหนึ่ง ว่าด้วยเรื่อง 'การศึกษาการออกเสียงของมนุษย์' (the sounds of human speech)
จบแค่นั้น เพราะนี้ไม่ใช่สิ่งที่เราสนใจ แค่รู้จักชื่อไว้ก็พอ
สิ่งที่เราสนใจคือ 'สัทอักษร' หรือ 'ตัว IPA'
หรือจะเรียกแบบบ้าน ๆ ก็คือ ตัวโฟเนติค นี่แหละ
IPA ย่อมาจาก International Phonetic Alphabet (สัทอักษรสากล)
มันคือระบบตัวอักษรที่จะช่วยให้เรารู้วิธีการออกเสียงของเสียงทุกเสียงบนโลก (เฉพาะเสียงที่มีการศึกษาไว้) จากหลายภาษามากมาย
___________________
กระทู้นี้เราโฟกัสแค่ตัวอักษร IPA ของภาษาอังกฤษละกัน
ตัว IPA หรือตัวโฟเนติคของภาษาอังกฤษมีประมาณนี้ (เวลาเขียนตัวโฟเนติคเราจะใส่ / / ไว้ด้วย)
สระ
/ʌ/, /ɑ:/, /æ/, /oʊ/, /ə/ และอื่น ๆ อีกมากมาย
พยัญชนะ
/ŋ/, /θ/, /ʃ/, /g/, /p/ และอื่น ๆ
อันนี้เป็นตารางเปรียบเทียบเสียงภาษาอังกฤษกับตัวโฟเนติค
เหมือนจะยากแต่จริง ๆ ง่ายมาก แค่จำว่าเสียงนี้ใช้ตัวโฟเนติคหน้าตาแบบไหน
____________________
สิ่งที่เราต้องทำคือ
1) ทำความคุ้นเคย ศึกษาดูว่าแต่ละตัวอักษรออกเสียงแบบไหน
เช่น เสียง th มีตัวโฟเนติคแบบนี้ /θ/ เช่นในคำว่า think /θɪŋk/
หรือ เสียง sh มีตัวโฟเนติคแบบนี้ /ʃ/ เช่นในคำว่า ship /ʃɪp/
2) ฝึกออกเสียงตาม
ยังไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ ขอแค่เวลาเปิด dictionarty แบบ Eng-Eng แล้วเจอตัวพวกนี้ ให้พออ่านออกได้บ้างก็พอ
หรือไม่ก็สามารถเปิดหาดูวิธีออกเสียงจนสามารถอ่านออกได้
ตัวโฟเนติคจะอยู่ในเครื่องหมาย / / อันนี้จากดิก Oxford มีแยกสำเนียงให้ด้วย (เสียง /ə/ คือสระ 'เออะ')
ดังนั้น Phonetics ต้องออกเสียงว่า 'เฟ่อะ-เน๊-ทิคฺ'
3) จำให้ได้
อย่างที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องจำให้ได้ แต่ถ้าจำได้มันก็จะดีมาก ๆ เลยนะ อิอิ
วิธีศึกษาคือให้รู้ว่าแต่ละเสียงใช้อวัยวะไหนในการออกเสียง (เช่น F ก็ใช้ ฟันบนกับริมฝีปากล่าง)
เราเรียกพวกนี้ว่า 'Speech Organs' หรืออวัยวะที่ใช้ในการออกเสียง
เดี๋ยวจะเจาะลึกเรื่องนี้กระทู้หน้า
___________________
คำถามต่อมาคือ เราจะไปหาตัวโฟเนติคพวกนี้ได้จากไหน?
มีตัวช่วยคือ 'Phonemic Chart' ซึ่งจะรวมทุกเสียงในภาษาอังกฤษมาไว้ให้เลย
(LINK: http://cambridgeenglishonline.com/interactive_phonemic_chart/)
ปล. ต้องมีโปรแกรม Flash ติดตั้งใน Google chrome ด้วยนะถึงจะเปิดได้ ส่วนมากก็มีทุกคน แต่เผื่อบางคนเปิดไม่ได้ก็ให้โหลดมานะครับ
ฝึกออกเสียงตามให้เป๊ะ โดยเฉพาะเสียงสระนี่แหละที่สำคัญที่สุด
และยังมีอีกที่หนึ่งที่จะช่วยให้เราฝึกมันได้ง่ายขึ้นคือ Youtube ของเรานี่เอง
ตาม link นี้เลย จะมีนักข่าวจาก BBC มาอธิบายการออกเสียงแต่ละเสียงในภาษาอังกฤษให้ฟัง และมีตัวโฟเนติคให้ดูด้วย
(LINK: https://www.youtube.com/watch?v=htmkbIboG9Q&t=3246s)
เป็นวิดีโอคลิปยาวหนึ่งชั่วโมงเลย แต่มีคนคอมเมนต์นาทีไว้แล้วว่าแต่ละเสียงอยู่นาทีไหน
เราจะฝึกออกเสียงตัวโฟเนติคตัวไหนก็คลิกตามนั้นเลย
___________________
สรุปคีย์เวิร์ดสำคัญให้ง่าย ๆ
- Phonetics (สัทศาสตร์): ไม่สำคัญมาก รู้จักชื่อและความหมายไว้เวลาเจอจะได้ไม่งง
- ตัวโฟเนติค หรือ IPA: ตัวอักษรหน้าตาประหลาด แต่เป็นใจความสำคัญของเรื่องนี้เลย เรียนรู้และฝึกออกเสียงให้ได้ทุกตัว สุดท้ายก็คือจำให้ได้
- Speech organs หรืออวัยวะที่ใช้ในการออกเสียง (สำคัญมาก! ถ้าใช้อวัยวะผิดก็ไม่มีวันออกเสียงถูก เช่นตัว V ที่ต้องออกเสียงโดยการใช้ ฟันบนกับริมฝีกปากล่างกัดเข้าหากัน แต่เราดันใช้ริมฝีปากบนล่างเหมือนเสียง 'ว' แบบนี้ก็ไม่ถูก)
- Phonemic Chart: แหล่งข้อมูลของเรา เราจะฝึกออกเสียงตัวโฟเนติคจากเว็บนี้ เข้าไปกดออกเสียงตามทุกวัน
- ฝึกจาก Youtube (ของ BBC)
วันนี้เรารู้เพิ่มแค่นี้พอ อ่านสักสองสามรอบก็ดีนะกระทู้นี้ จะได้เข้าใจ
เดี๋ยวกระทู้หน้าเราจะมาต่อแบบเจาะลึกกว่าเดิม!
'ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกอย่างในวันนี้ รู้มากกว่าเมื่อวานนี้ก็พอ'
ตอนนี้เพจ "พ่อผมเป็นคนอังกฤษ" มี Instagram แล้วนะ ผมโพสต์ Word of the day ทุกวันเลย
ใครต้องการอัพเดตคลังคำศัพท์ของตัวเองด้วยคำศัพท์ดี ๆ ทุกวันเข้าไป Follow ด้วย!
Instagram: British Dad (@the.jgc)
(https://www.instagram.com/the.jgc/)
Stay knowledge-hungry
JGC.