รอยต่อของคำว่าชีวิตวัยเรียนที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ค่อนข้างมีอุปสรรคมากนะคะสำหรับคนหนึ่งคน เชื่อว่าหลายๆคนก็เคยผ่านจุดๆนั้นมา จุดที่ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเราสามารถหางานเองได้ จุดที่อยากให้ครอบครัวได้ภาคภูมิใจที่เราสามารถหางานที่ดี มั่นคงและมีเงินส่งครอบครัวได้ จุดที่ลบคำสบประมาทของป้าข้างบ้าน แล้วใครจะรู้ล่ะคะ ว่ากว่าเราจะผ่านจุดๆนั้นมาได้ต้องเจออะไรมาบ้าง
ช่วงหางานแต่ยังหาที่ถูกใจตัวเองไม่ได้ ถูกมองว่าเลือกงาน อยู่กินเงินพ่อแม่
สัมภาษณ์งานไม่ผ่าน เพราะไม่มีประสบการณ์ ตอบคำถามไม่ถูกใจคนสัมภาษณ์
ทำงานได้ไม่เท่าไหร่ก็ลาออก ถูกมองว่าไม่มีความอดทน เข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้
นี่คืออุปสรรคขั้นต้นที่เด็กจบใหม่ต้องเจอ คือ เรียนจบ->หาบริษัท->สัมภาษณ์งาน->ไม่ผ่าน->หาบริษัท->สัมภาษณ์งาน->ไม่ผ่าน และเหตุผลเดิมๆ ที่ไม่ผ่านสัมภาษณ์คือไม่มีประสบการณ์ ตอบคำถามไม่ถูกใจคนสัมภาษณ์ จนอาจทำให้เรารู้สึกท้อกับการเริ่มต้นชีวิตวัยทำงาน และมันทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังขุดหลุมที่เป็นหลุมแห่งความทุกข์ให้ตัวเองเดินลงไป ลงไปอยู่กับความคิดที่ว่าทำไมเราทำไม่ได้ ทำไมสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ถูกป้าข้างบ้านตอกย้ำ เปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่น ทำไมเพื่อนไม่เห็นต้องไปสัมภาษณ์เยอะ ก็ได้งานดี ได้เงินดี เราทำให้ครอบครัวผิดหวัง เราเป็นอย่างที่คนในครอบครัวหวังไม่ได้ มันก็ไม่เสมอไปหรอกค่ะที่คนทุกคนจะทำอะไรสำเร็จได้ในครั้งเดียว สิ่งที่เราเจอกับคนอื่นเจอมันคนละสถานการณ์ คนละเหตุการณ์กัน และโอกาสก็ต่างกันด้วยค่ะ เราจะโทษว่าตัวเราไม่ดีก็ไม่ถูกนะคะ มันจะทำให้เรากดดันตัวเอง แล้วก็พาตัวเองลงหลุมที่ลึกลงไปอีก เมื่อถึงจุดที่รู้สึกท้อ อยากให้ทุกคนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเราสัมภาษณ์งานไม่ผ่านเพราะ เราไม่มีประสบการณ์ ให้ถามตัวเองว่า เราเป็นเด็กจบใหม่จะหาประสบการณ์การทำงานจากที่ไหนนอกจากตอนที่อาจารย์ให้ฝึกงาน ถ้าเราสัมภาษณ์งานไม่ผ่านเพราะ เราตอบคำถามไม่ถูกใจคนสัมภาษณ์ ให้ถามตัวเองว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เราตอบไปจะถูกใจคนสัมภาษณ์ ไม่มีใครเดาใจ เดาคำตอบได้เสมอไปหรอกนะคะ บางคำตอบเราอาจจะตอบถูก ตอบตรงประเด็น แต่ถ้าคนสัมภาษณ์เขาไม่ถูกชะตาเราหรือมีคำตอบของเขาอยู่ในใจแล้ว เราจะทำอะไรได้ถูกไหมคะ
แต่ในความโชคร้ายก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันนะคะ มันทำให้เรารู้ความคิดคนวัยทำงานมากขึ้น มันทำให้เรารู้ว่า ครั้งต่อไปเราควรจะตอบคำถามยังไงให้คนสัมภาษณ์สนใจเรา ส่วนเรื่องประสบการณ์เราคงพยายามให้มันมีไม่ได้หรอกตราบใดที่บริษัทยังไม่ให้โอกาสเราเข้าทำงาน แต่เชื่อเถอะค่ะว่าคุณมีความพยายามที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้มีประสิทธิภาพยิ่งๆขึ้นไปได้ ไม่ได้บริษัทนี้ก็หาใหม่ค่ะ หาบริษัทที่ให้โอกาสเราได้โชว์ฝีมือ และพัฒนาตัวเอง อย่าไปท้อกับคำว่าประสบการณ์ ก่อนที่พี่เขาจะมานั่งทำงานได้ ทุกคนก็เคยเป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน
แล้วถ้าเราลาออก ถูกมองว่าไม่มีความอดทน เข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนอื่นที่ไม่รู้เหตุผลจะมองค่ะ ถ้าอยากให้เขาเข้าใจให้อธิบายให้เขาฟังก่อน แต่อย่าคาดหวังว่าเขาจะเข้าใจเรานะคะ เพราะถ้าอธิบายให้เขาฟังแล้วเขายังมองเราเหมือนเดิมก็คงเหมือนเหตุผลด้านบนแหล่ะค่ะ เขามีคำตอบของเขาอยู่ในใจแล้ว ต่อให้เราอธิบายซ้ำๆไปก็เท่านั้น เขาไม่ได้อยู่จุดที่ทำไมเราถึงเลือกจะลาออก ไม่ได้อยู่ในจุดอึดอัดเวลาทำงาน เขาไม่ได้อยู่จุดเดียวกับเราแล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรคะว่าตอนนั้นเรารู้สึกอย่างไร เราแย่แค่ไหน แต่อยากให้เรารู้ตัวเองก็พอว่าทำไมเราถึงตัดสินใจแบบนี้ก็พอค่ะ ลองคิดดีๆ นะคะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหรือสิ่งที่เราเจอมาเป็นอย่างไรนอกจากตัวเราเอง ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดเวลาถึงแม้จะเป็นคนในครอบครัวของเราเองก็ตาม หากเรายังอยู่ในหลุมแห่งความทุกข์ที่เราขุดเองและจมอยู่นั้น แล้วเมื่อไหร่เราจะเจอสิ่งที่ดีกว่าล่ะคะ เหนื่อยได้ ท้อได้ เวลาเจออุปสรรค แต่อย่าอยู่กับมันนาน เพราะมันจะทำให้เราเจอสิ่งที่ดีกว่าช้าลง นั่นหมายถึง คุณอยู่ในหลุม 7 วัน คุณเศร้า 7 วัน หากวันที่ 8 คุณตาย แสดงว่าคุณอยู่กับทุกข์ตลอดเวลา แต่ถ้าคุณอยู่ในหลุม 4 วัน คุณเศร้า 4 วัน วันที่ 5 คุณลุกขึ้นสู้ใหม่ คุณก็จะเจอสิ่งใหม่ๆ วันที่ 6 7 8 อย่างน้อยก็เป็นวันที่คุณได้มีความสุขกับสิ่งใหม่ๆ ที่คุณเจอ คุณอาจจะเจองานดีๆ สังคมดีๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดีมาก แต่อย่างน้อยคุณก็เจอประสบการณ์ที่แย่ที่สุดมา มันคงไม่ทำร้ายชีวิตคุณไปตลอดหรอกค่ะ ถ้าคุณสู้กับมันด้วยการรักตัวเอง รู้จักตัวเอง แล้วสู้ต่อไป การจมอยู่แต่กับความทุกข์ไม่มีใครช่วยดึงเราออกจากหลุมนั้นได้ ถึงแม้จะระบายให้ใครฟัง อยากให้ใครปลอปใจก็ตาม คนที่จะฉุดเราออกจากหลุมแห่งความทุกข์เหล่านั้นได้ก็คือความคิดและตัวของเราเอง
เป็นกำลังใจให้เด็กจบใหม่และคนที่กำลังรู้สึกท้อ ขอให้รักตัวเองแล้วสู้ต่อไปนะคะ
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ
และขอบคุณทุกคนที่คอยให้คำแนะนำและกำลังใจในวันที่เราท้อ
From...Fluffy Dog...
ชีวิตเด็กจบใหม่
ช่วงหางานแต่ยังหาที่ถูกใจตัวเองไม่ได้ ถูกมองว่าเลือกงาน อยู่กินเงินพ่อแม่
สัมภาษณ์งานไม่ผ่าน เพราะไม่มีประสบการณ์ ตอบคำถามไม่ถูกใจคนสัมภาษณ์
ทำงานได้ไม่เท่าไหร่ก็ลาออก ถูกมองว่าไม่มีความอดทน เข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้
นี่คืออุปสรรคขั้นต้นที่เด็กจบใหม่ต้องเจอ คือ เรียนจบ->หาบริษัท->สัมภาษณ์งาน->ไม่ผ่าน->หาบริษัท->สัมภาษณ์งาน->ไม่ผ่าน และเหตุผลเดิมๆ ที่ไม่ผ่านสัมภาษณ์คือไม่มีประสบการณ์ ตอบคำถามไม่ถูกใจคนสัมภาษณ์ จนอาจทำให้เรารู้สึกท้อกับการเริ่มต้นชีวิตวัยทำงาน และมันทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังขุดหลุมที่เป็นหลุมแห่งความทุกข์ให้ตัวเองเดินลงไป ลงไปอยู่กับความคิดที่ว่าทำไมเราทำไม่ได้ ทำไมสัมภาษณ์ไม่ผ่าน ถูกป้าข้างบ้านตอกย้ำ เปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่น ทำไมเพื่อนไม่เห็นต้องไปสัมภาษณ์เยอะ ก็ได้งานดี ได้เงินดี เราทำให้ครอบครัวผิดหวัง เราเป็นอย่างที่คนในครอบครัวหวังไม่ได้ มันก็ไม่เสมอไปหรอกค่ะที่คนทุกคนจะทำอะไรสำเร็จได้ในครั้งเดียว สิ่งที่เราเจอกับคนอื่นเจอมันคนละสถานการณ์ คนละเหตุการณ์กัน และโอกาสก็ต่างกันด้วยค่ะ เราจะโทษว่าตัวเราไม่ดีก็ไม่ถูกนะคะ มันจะทำให้เรากดดันตัวเอง แล้วก็พาตัวเองลงหลุมที่ลึกลงไปอีก เมื่อถึงจุดที่รู้สึกท้อ อยากให้ทุกคนตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเราสัมภาษณ์งานไม่ผ่านเพราะ เราไม่มีประสบการณ์ ให้ถามตัวเองว่า เราเป็นเด็กจบใหม่จะหาประสบการณ์การทำงานจากที่ไหนนอกจากตอนที่อาจารย์ให้ฝึกงาน ถ้าเราสัมภาษณ์งานไม่ผ่านเพราะ เราตอบคำถามไม่ถูกใจคนสัมภาษณ์ ให้ถามตัวเองว่า แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เราตอบไปจะถูกใจคนสัมภาษณ์ ไม่มีใครเดาใจ เดาคำตอบได้เสมอไปหรอกนะคะ บางคำตอบเราอาจจะตอบถูก ตอบตรงประเด็น แต่ถ้าคนสัมภาษณ์เขาไม่ถูกชะตาเราหรือมีคำตอบของเขาอยู่ในใจแล้ว เราจะทำอะไรได้ถูกไหมคะ
แต่ในความโชคร้ายก็มีข้อดีอยู่เหมือนกันนะคะ มันทำให้เรารู้ความคิดคนวัยทำงานมากขึ้น มันทำให้เรารู้ว่า ครั้งต่อไปเราควรจะตอบคำถามยังไงให้คนสัมภาษณ์สนใจเรา ส่วนเรื่องประสบการณ์เราคงพยายามให้มันมีไม่ได้หรอกตราบใดที่บริษัทยังไม่ให้โอกาสเราเข้าทำงาน แต่เชื่อเถอะค่ะว่าคุณมีความพยายามที่จะเรียนรู้และพัฒนาตัวเองให้มีประสิทธิภาพยิ่งๆขึ้นไปได้ ไม่ได้บริษัทนี้ก็หาใหม่ค่ะ หาบริษัทที่ให้โอกาสเราได้โชว์ฝีมือ และพัฒนาตัวเอง อย่าไปท้อกับคำว่าประสบการณ์ ก่อนที่พี่เขาจะมานั่งทำงานได้ ทุกคนก็เคยเป็นเด็กจบใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เหมือนกัน
แล้วถ้าเราลาออก ถูกมองว่าไม่มีความอดทน เข้าสังคมกับเพื่อนร่วมงานไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนอื่นที่ไม่รู้เหตุผลจะมองค่ะ ถ้าอยากให้เขาเข้าใจให้อธิบายให้เขาฟังก่อน แต่อย่าคาดหวังว่าเขาจะเข้าใจเรานะคะ เพราะถ้าอธิบายให้เขาฟังแล้วเขายังมองเราเหมือนเดิมก็คงเหมือนเหตุผลด้านบนแหล่ะค่ะ เขามีคำตอบของเขาอยู่ในใจแล้ว ต่อให้เราอธิบายซ้ำๆไปก็เท่านั้น เขาไม่ได้อยู่จุดที่ทำไมเราถึงเลือกจะลาออก ไม่ได้อยู่ในจุดอึดอัดเวลาทำงาน เขาไม่ได้อยู่จุดเดียวกับเราแล้วเขาจะรู้ได้อย่างไรคะว่าตอนนั้นเรารู้สึกอย่างไร เราแย่แค่ไหน แต่อยากให้เรารู้ตัวเองก็พอว่าทำไมเราถึงตัดสินใจแบบนี้ก็พอค่ะ ลองคิดดีๆ นะคะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหรือสิ่งที่เราเจอมาเป็นอย่างไรนอกจากตัวเราเอง ไม่มีใครอยู่กับเราได้ตลอดเวลาถึงแม้จะเป็นคนในครอบครัวของเราเองก็ตาม หากเรายังอยู่ในหลุมแห่งความทุกข์ที่เราขุดเองและจมอยู่นั้น แล้วเมื่อไหร่เราจะเจอสิ่งที่ดีกว่าล่ะคะ เหนื่อยได้ ท้อได้ เวลาเจออุปสรรค แต่อย่าอยู่กับมันนาน เพราะมันจะทำให้เราเจอสิ่งที่ดีกว่าช้าลง นั่นหมายถึง คุณอยู่ในหลุม 7 วัน คุณเศร้า 7 วัน หากวันที่ 8 คุณตาย แสดงว่าคุณอยู่กับทุกข์ตลอดเวลา แต่ถ้าคุณอยู่ในหลุม 4 วัน คุณเศร้า 4 วัน วันที่ 5 คุณลุกขึ้นสู้ใหม่ คุณก็จะเจอสิ่งใหม่ๆ วันที่ 6 7 8 อย่างน้อยก็เป็นวันที่คุณได้มีความสุขกับสิ่งใหม่ๆ ที่คุณเจอ คุณอาจจะเจองานดีๆ สังคมดีๆ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ดีมาก แต่อย่างน้อยคุณก็เจอประสบการณ์ที่แย่ที่สุดมา มันคงไม่ทำร้ายชีวิตคุณไปตลอดหรอกค่ะ ถ้าคุณสู้กับมันด้วยการรักตัวเอง รู้จักตัวเอง แล้วสู้ต่อไป การจมอยู่แต่กับความทุกข์ไม่มีใครช่วยดึงเราออกจากหลุมนั้นได้ ถึงแม้จะระบายให้ใครฟัง อยากให้ใครปลอปใจก็ตาม คนที่จะฉุดเราออกจากหลุมแห่งความทุกข์เหล่านั้นได้ก็คือความคิดและตัวของเราเอง