มนุษย์เงินเดือน ลงทุนอะไร ให้มี “เงินล้าน” (แรก) ?


ความฝันหนึ่งของมนุษย์เงินเดือน คือ การมี "เงินล้าน" แรก ว่ากันว่า ล้านแรก เป็นก้อนที่ยากที่สุด เมื่อมีล้านแรกแล้วล้านต่อไปจะมาเอง จาก 1 ล้าน 2 ล้าน 5 ล้าน 10 ล้าน โอ้ว OMG ไปให้ถึง 100 ล้าน

การสร้างความมั่งคั่ง เป็นจุดเริ่มต้นก้าวที่สำคัญ ของมนุษย์เงินเดือนที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว พี่ทุยขอนำ 3 เสาหลักไว้สร้างรากฐานความมั่งคั่งกัน ประกอบด้วย

เสาแรก การวางแผนการใช้จ่าย
เพื่อที่จะมีเงินล้านแรกนั้น เป็นหนึ่งในเป้าหมายของมนุษย์เงินเดือน เริ่มต้นจากการทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย ก่อนเลย การจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย ทำให้เรารู้ว่า รายรับเรามาจากไหนเป็นหลัก แล้วรายจ่ายส่วนใหญ่ใช้ไปกับเรื่องอะไรเยอะที่สุด แล้วเรื่องที่ใช้ไปเป็นสิ่งที่จำเป็นหรือไม่ พอกลับมาวิเคราะห์ทุกเดือนๆ เราจะพบจุดสังเกตว่าต้องลดต้องประหยัดส่วนไหนถึงจะบรรลุเป้าหมายได้

เสาที่สอง การจัดการหนี้สิน
เรื่องหนี้สินเป็นสิ่งที่ต้องวางแผนให้ดี เพราะหนี้สินนำพามาด้วยดอกเบี้ยที่สูง บางคนเป็นหนี้บัตรเครดิต หนี้นอกระบบด้วยแล้ว ยิ่งทำให้โอกาสสร้างเงินล้านเป็นไปไม่ได้เลย เพราะหามาได้เท่าไหร่ ก็ต้องเอามาจ่ายหนี้ๆๆ จนไม่มีเงินเก็บออม จนไม่รู้ว่าหนี้ดีหรือหนี้ไม่ดี หนี้ดีอาจเป็นหนี้เงินกู้เพื่อไปซื้อสินทรัพย์ เช่น บ้าน ส่วนหนี้ที่ไม่ดี อาจนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่ไม่จำเป็น เพื่อความบันเทิงชั่วคราว !

เสาที่สาม การออมเงิน
เป็นขั้นตอนที่สำคัญในการสร้างเงินล้าน สามารถเริ่มจากการออมโดยคิดเป็นเปอร์เซนต์ของรายได้ต่อเดือน เช่น เงินเดือน 25,000 บาท ออมเงิน 20% ต่อเดือน เพื่อเป้าหมายสร้างเงินล้านแรก แสดงว่าต้องออมเงิน 5,000 บาทต่อเดือน ลองมาดูพลังของสมการแห่งการออมกันเลย

สมการแห่งการเก็บออม รายได้ - รายจ่าย = เงินออม
เพียงแค่สลับตัวแปรมาใหม่ รายได้ - เงินออม = รายจ่าย

เพียงเท่านี้ความคิดเรื่องการออมก็เปลี่ยนไปได้ แทนที่เราจะใช้จ่ายก่อนออม แต่เราแค่สลับกัน ออมก่อนแล้วค่อยไปใช้จ่าย เราก็จะได้มีออมเพื่อที่จะไปให้ถึงเป้าหมายเงินล้านแล้ว หัวใจสำคัญอยู่ตรงที่จำนวนเงินออมนี่แหละ

ออมเงินลงทุนอย่างไรให้มี "เงินล้าน" แรก ?
กรณีแรก เริ่มจากเก็บเงินไว้ในโอ่งที่บ้าน เก็บเงินเดือนละ  5,000 บาท
ลองคิดดูกันว่า ใช้เวลากี่ปี ? ต้องใช้เวลาถึงราวๆ 17 ปี จนกว่าจะมีเงินล้านแรก
กรณีแรก ที่เก็บเงินไว้ในตุ่ม อาจจะดูเกินจริงไปหน่อย ไม่ใช่สมัยกรุงศรีอยุธยา แล้ว (ฮ่า)

กรณีที่สอง เก็บเงินไว้ที่ธนาคารแบบออมทรัพย์ เดือนละ 5,000 บาทเท่ากัน ดอกเบี้ย 0.75%
เร็วขึ้นมาหน่อย (แค่ 1 ปี !) ต้องใช้เวลาเก็บออมเงินถึง 16 ปี กว่าจะมีเงินล้านแรก

กรณีที่สาม เก็บเงินไปซื้อตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร กองทุนรวมตราสารหนี้ ผลตอบแทนอยู่ที่ 3%
ต้องใช้ระยะเวลาในการเก็บออมเงินเกือบ 14 ปี กว่าจะมีเงินล้านแรก

กรณีที่สี่ เก็บเงินไว้ซื้อในกองทุนรวมทั่วไป ที่มีผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 6%
ต้องใช้เวลาเก็บเงินเกือบ 12 ปี จนกว่าจะมีเงินล้านแรก

กรณีที่ห้า เก็บออมเงินในตลาดหุ้น ที่ให้ผลตอบแทนระยะยาวเฉลี่ยอยู่ที่ 10%
ใช้เวลาในการเก็บเงิน 10 ปี แล้วเราจะมีเงินล้านได้ไม่ยาก

10 ปีมีเงินล้าน อ่านดูแล้วเหมือนจะใช้เวลานาน แต่อย่าลืมว่านี่คือการออมเงินเพียงแค่เดือนละ 5,000 บาทเท่านั้น แต่ถ้าเราออมเงินได้เดือนละ 10,000 บาท เราจะมีเงินล้านได้เร็วยิ่งขึ้น จาก 10 ปี จะเหลือไม่ถึง 6 ปี ความฝันเงินล้านของมนุษย์เงินเดือนจะเร็วมากยิ่งขึ้น (อ่านเพิ่มเติม เคล็ดลับการออมเงิน สูตร JARS SYSTEM)

ตัวเลขผลตอบแทนที่พี่ทุยยกขึ้นมาเป็นตัวเลขโดยประมาณ อย่างต่ำๆ เอาไว้ก่อน
เราลองมาลงรายละเอียดกันหน่อย

อย่างการลงทุนในตลาดหุ้นผลตอบแทน 10% ยังมีเงินปันผลอีก 2-3% จะมีหุ้นแบบกอง ETFs ที่ไปลงทุนในหุ้น SET50 ซึ่งจะไปลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ 50 ตัวแรก เปรียบได้กับลงทุนไปตามภาวะตลาดหุ้นโดยรวม

หรือการลงทุนในกองทุนรวม ก็มีผลตอบแทนที่สูงกว่านี้ บางกองเป็นกองทุนแบบ Active fund ที่มุ่งเน้นเพื่อเอาชนะตลาด บางกองเป็นแบบ Passive fund ที่มุ่งเน้นผลตอบแทนพอๆกับตลาด แต่ก็จะมีอีกบางกองทุนเป็นกองที่ไปลงทุนในพวกอสังหาฯ หรือที่รู้จักกันในกอง REITs ที่มักจะจ่ายปันผลสูงถึง 6-8% แล้วแต่กองนั้นๆ ซึ่งระดับความเสี่ยงก็แตกต่างกันไป

อย่างการลงทุนในตราสารหนี้ ยังมีหุ้นกู้บางตัว ที่บริษัทหน่วยลงทุนมาให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจ โดยจะจ่ายดอกเบี้ย ซึ่งมักจะเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ อัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 4-5% ต่อปี ทั้งนี้สำหรับหุ้นกู้ ต้องอย่าลืมดูการจัดอันดับเรทติ้งประกอบด้วย

ตามที่พี่ทุย ยกตัวอย่างลงทุนอะไรดี ให้มีเงินล้านแรก ด้วยการออมเงินเพียงเงินเดือนละ 5,000 บาท ไว้ใช้เป็นโมเดลเบื้องต้นสำหรับการลงทุน ในโลกของการลงทุน ยังมีสิ่งที่ต้องศึกษาเรียนรู้อีกมากมาย บางคนอาจมีเงินออมเพื่อไปลงทุนได้มากกว่านี้ บางคนอาจบริหารจัดการให้ได้ผลตอบแทนสูงกว่านี้ด้ เงินล้านแรกของเราจะสามารถมาได้ไวกว่าที่เราตั้งเป้าหมายไว้

สิ่งสำคัญนอกจากลงทุนอะไรดีแล้ว คือ ต้องมีความรู้ความเข้าใจเรื่องการลงทุนให้ดีอย่างเพียงพอด้วย เพราะการลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยง แม้แต่การไม่ลงทุนยังมีความเสี่ยงเลย อย่างในกรณีแรก ที่พี่ทุยยกไว้ว่า เอาเงินออมไปเก็บในโอ่ง !! โดนเงินเฟ้อกัดกินไปเรื่อยๆ และเงินก็อาจจะหายไปได้นะ (ฮ่า)

ที่มาบทความ : http://bit.ly/2MWJSfd

ติดตามเรื่องเล่าเข้าใจง่ายๆของ Money Buffalo ได้ที่
> Website : www.moneybuffalo.in.th
> Facebook : fb.com/moneybuffalo
> LINE : https://goo.gl/GAQxF8
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่