เหตุการณ์ ของพี่ชายเรา ค่ะ พี่ชายและพี่สะใภ้ เขาอยู่กินกันมา 2 ปี โดยไม่ได้แต่งงาน ด้วยเหตุผลที่พี่สะใภ้เพิ่งเรียนจบ และอยากสอบครูให้ได้ก่อน จึงยังไม่ทำงานอยู่อ่านหนังสือสอบ มีขายครีมออนไลน์บ้างนิดหน่อย ตั้งใจว่าสอบครูได้ ช่วยกันทำงานเก็บเงินแต่งงาน เพราะตอนนี้พี่ชายเราทำงานอยู่คนเดียว เงินเก็บยังไม่มาก แต่สุดท้ายเมื่อเดือนที่แล้ว พี่สะใภ้เราท้องขึ้นมา ทางบ้านพี่สะใภ้ก็อยากให้มาทำพิธีให้เรียบร้อย เลยไปสู่ขอ ซึ่งทางแม่ของพี่สะใภ้ก็บอกว่าไม่จัดงานแต่ง เพราะเหนื่อยไม่อยากทำงาน ก็มาทำพิธีไหว้ผี อย่างเดียว ตั้งใจจัดงานกันอาทิตย์ถัดไป ก็ตกลงสินสอดกันเรียบร้อย 1 แสนบาท ทอง 10 บาท ทางเราก็เห็นว่าเขาไม่เรียกร้องอะไร เลยตกลงไปว่าค่าอาหารเลี้ยงคนมาร่วมงานเดี๋ยวออกเอง ก็จองโต๊ะจีนแค่ 10 โต๊ะ ไม่ออกการ์ด ไม่รับซอง เลี้ยงญาติอย่างเดียว ทุกอย่างดูจะแฮปปี้เอ็นดิ้ง.....
ผ่านมาได้ 2 วัน พ่อทางพี่สะใภ้โทรมาบอกขอสินสอดเพิ่มเป็น 2 แสนบาท ทอง 10 บาท และแหวนเพชร เนื่องจากเขารู้สึกเสียหน้าที่ลูกแต่งงานแสนเดียว เราก็ไม่ว่าอะไร ก็หาเงินกันไป ผ่านมาอีก 1 วัน พี่สะใภ้มาบอกว่าพ่อไปออกการ์ดแจกคนในหมู่บ้าน อบต....อีก 300 กว่าใบ และไปสั่งโต๊ะจีนเพิ่มเป็น 50 โต๊ะ ซึ่งทางฝ่ายพี่สะใภ้จะขอรับซอง ปกติตามธรรมเนียมบ้านเรา โต๊ะจีนนั้นฝ่ายเจ้าสาวเป็นคนออกทั้งหมด พอใกล้ถึงวันงาน พี่สะใภ้มาเอาเงินพี่ชายเราไปมัดจำโต๊ะจีนเฉย พี่สะใภ้บอกว่าพ่อให้มาเอาก่อนเดี๋ยวคืนให้ เราก็โอเค ไม่ว่าอะไร รู้สึกเคืองแหละว่าทำอะไรทำไมไม่บอกกันบ้าง ทำเสร็จแล้วโทรมาบอก เราก็ต้องวิ่งหาของชำรวย ภายใน 3 วัน ซึ่งเราและพี่ทำงานประจำ วันเสาร์ก่อนแต่ง 1 วัน ก็ต้องไปสำเพ็งกัน ปรินซ์สติกเกอร์เอง แปะเอง ยันดึก ด้วยพี่สะใภ้เขาออกจากบ้านเขาไม่ได้
วันศุกร์ แม่เราเอะใจว่าบ้านพี่สะใภ้ทำเหมือนจัดงานแต่งแล้ว ไม่ใช่แค่ไหว้ผี ก็ต้องมีขันหมากสิ เลยโทรไปถาม ซึ่งทางพี่สะใภ้ก็เพิ่งไปถามพ่อแม่ตอนนั้นแหละ สรุปว่าต้องมี ซึ่งการทำขันหมาก มันต้องหาคนทำขัน ซึ่งจะแต่งวันอาทิตย์แล้ว เพิ่งมาบอก แม่เรานี่วุ่นหาคนทำแทบตาย ยอมจ้างแพงหน่อยให้มาทำด่วนให้เลย ยังไม่จบพ่อพี่สะใภ้ ให้พี่สะใภ้โทรให้พี่ชายเราไปจ้างรถไถ รถถมดิน ไปถมตรงที่ตั้งโต๊ะจีนแถวบ้านเขา พี่เราเริ่มโมโห เลยทะเลาะกับพี่สะใภ้ไปหนึ่งยก คือตอนแรกบอกว่าจะจัดงานใหญ่โต ก็บอกมาสิ ทางเราก็พร้อมจัดแต่ขอเวลาบ้าง นี่ตอนแรกบอกเอาเรียบๆ เราก็คิดว่าเวลา 1 อาทิตย์ทันอยู่แล้ว แต่สุดท้ายจะจัดใหญ่โต จะเอามันทุกอย่าง พี่น้องทางบ้านเราทำงานประจำกันทุกคน ไม่ได้ว่างตลอด พ่อแม่เราก็ต้องทำงาน ส่วนพี่สะใภ้ถึงไม่ได้ทำงาน แต่พ่อไม่ให้ออกจากบ้านเพราะท้อง ก็ช่วยทำอะไรไม่ได้เลย จะเอาอะไรโทรมาสั่งอย่างเดียว พอทะเลาะกัน พ่อแม่เราก็สงสารพี่สะใภ้ ด้วยท่านเอ็นดู อยู่ด้วยกันมา อีกทั้งกำลังท้อง กลัวจะเครียด เพราะเราเองก็คุยกับพี่สะใภ้ตลอด เขาบอกไม่อยากทำอะไรเยอะแยะ แต่พ่อเขาไม่ยอม เขาเองก็ขัดพ่อไม่ได้ สุดท้ายพ่อแม่เราก็ไปจัดการเอง แต่ยอมรับว่าพ่อแม่เราโกรธบ้านพี่สะใภ้มาก โดยเฉพาะพ่อพี่สะใภ้ ส่วนกับพี่สะใภ้ก็มีเคืองๆ เพราะเขาเองไม่ยอมค้านอะไร ตามใจพ่อแม่เขาอย่างเดียว แล้วมากดดันพี่ชายเราทุกเรื่อง ทำเอาพี่ชายเราพูดว่าอยากเลื่อนงานแต่งมากๆ ทั้งๆ มันก็รักพี่สะใภ้อย่างกับอะไรดี
พอถึงงานแต่ง ของขวัญรับไหว้ไม่พอ เพราะเราบอกว่าเราเตรียมไว้ 70 ชุด ถ้าฝ่ายพี่สะใภ้จะเพิ่มก็ต้องซื้อมาเองด้วย ไม่ใช่บ้านผู้ชายออกอย่างเดียว แต่ตอนแรกพี่สะใภ้ก็รับปากว่าจะซื้อเพิ่มเอง สุดท้ายก็ไม่ซื้อเพิ่ม ญาติพี่สะใภ้ก็มาว่าบ้านเราทำไมเตรียมของไม่พอ แถมโต๊ะจีนก็มาเก็บตังค์ที่พี่ชายเรา แม่เราเลยเดินไปคุยกับพ่อพี่สะใภ้เลย เขาไม่คุย เขาบอกจ่ายๆ ไปสิ งานแต่งลูกชายคุณนี่ ด่ากับแม่เรา 1 ยก แล้วเดินหนีไม่คุย เข้าห้องไปกับซองเงินที่แขกเหรื่อให้มา และสินสอดไม่เคยคืนพี่ชายพี่สะใภ้เราสักบาท (ธรรมเรียมบ้านเรา+บ้านพี่สะใภ้ จะต้องคืนเงินมาเป็นขวัญถุงด้วย) ซึ่งผ่านมาจะเป็นเดือนก็ไม่มีพูดเรื่องนี้เลย เก็บเงินเงียบ
เรารู้สึกว่าเรื่องนี้ทำให้แม่เราแค้นใจมาก จากที่เคยเอ็นดูพี่สะใภ้มากๆ ก็มีบ้างที่พูดเหน็บแนมเรื่องบ้านของพี่สะใภ้ไปบ้าง เพราะแม่เราเป็นพวกปากไว เสียงดัง ด่าเก่ง อยู่แล้ว เรารู้ว่าพี่สะใภ้เองก็รู้สึกแย่บ้าง พ่อเราก็ปรามแม่ตลอด แม่บอกว่าไม่ได้อะไรหรอก แต่บางทีมันนึกแล้วแค้น ตอนงานแต่งของพี่สาวเราบ้านเราไม่เคยทำนิสัยอะไรแบบนี้ ช่วยเหลือกันทุกอย่าง ด้วยคิดเสมอว่าลูกสาวต้องไปอยู่บ้านผู้ชาย ถ้อยทีถ้อยอาศัย เขาจะได้เอ็นดูลูกสาวเรา พ่อแม่เราบอกว่าเพิ่งเคยเจอพ่อแม่ที่ทำอะไรไม่ดูลูกเลยนี่แหละ เพราะไม่ใช่แค่พ่อแม่เราเคือง ญาติหลายคนที่รู้เหตุการณ์ต่างๆ อย่างย่า กับยาย พี่ป้า น้า ลุง ก็เคืองกันมาก ยิ่งวันงานเห็นสิ่งที่พ่อพี่สะใภ้ทำแล้ว รู้สึกเกลียดเลยทีเดียว
การจัดงานแต่งก็ทำให้รู้ว่า พ่อแม่รังแกฉันได้
ผ่านมาได้ 2 วัน พ่อทางพี่สะใภ้โทรมาบอกขอสินสอดเพิ่มเป็น 2 แสนบาท ทอง 10 บาท และแหวนเพชร เนื่องจากเขารู้สึกเสียหน้าที่ลูกแต่งงานแสนเดียว เราก็ไม่ว่าอะไร ก็หาเงินกันไป ผ่านมาอีก 1 วัน พี่สะใภ้มาบอกว่าพ่อไปออกการ์ดแจกคนในหมู่บ้าน อบต....อีก 300 กว่าใบ และไปสั่งโต๊ะจีนเพิ่มเป็น 50 โต๊ะ ซึ่งทางฝ่ายพี่สะใภ้จะขอรับซอง ปกติตามธรรมเนียมบ้านเรา โต๊ะจีนนั้นฝ่ายเจ้าสาวเป็นคนออกทั้งหมด พอใกล้ถึงวันงาน พี่สะใภ้มาเอาเงินพี่ชายเราไปมัดจำโต๊ะจีนเฉย พี่สะใภ้บอกว่าพ่อให้มาเอาก่อนเดี๋ยวคืนให้ เราก็โอเค ไม่ว่าอะไร รู้สึกเคืองแหละว่าทำอะไรทำไมไม่บอกกันบ้าง ทำเสร็จแล้วโทรมาบอก เราก็ต้องวิ่งหาของชำรวย ภายใน 3 วัน ซึ่งเราและพี่ทำงานประจำ วันเสาร์ก่อนแต่ง 1 วัน ก็ต้องไปสำเพ็งกัน ปรินซ์สติกเกอร์เอง แปะเอง ยันดึก ด้วยพี่สะใภ้เขาออกจากบ้านเขาไม่ได้
วันศุกร์ แม่เราเอะใจว่าบ้านพี่สะใภ้ทำเหมือนจัดงานแต่งแล้ว ไม่ใช่แค่ไหว้ผี ก็ต้องมีขันหมากสิ เลยโทรไปถาม ซึ่งทางพี่สะใภ้ก็เพิ่งไปถามพ่อแม่ตอนนั้นแหละ สรุปว่าต้องมี ซึ่งการทำขันหมาก มันต้องหาคนทำขัน ซึ่งจะแต่งวันอาทิตย์แล้ว เพิ่งมาบอก แม่เรานี่วุ่นหาคนทำแทบตาย ยอมจ้างแพงหน่อยให้มาทำด่วนให้เลย ยังไม่จบพ่อพี่สะใภ้ ให้พี่สะใภ้โทรให้พี่ชายเราไปจ้างรถไถ รถถมดิน ไปถมตรงที่ตั้งโต๊ะจีนแถวบ้านเขา พี่เราเริ่มโมโห เลยทะเลาะกับพี่สะใภ้ไปหนึ่งยก คือตอนแรกบอกว่าจะจัดงานใหญ่โต ก็บอกมาสิ ทางเราก็พร้อมจัดแต่ขอเวลาบ้าง นี่ตอนแรกบอกเอาเรียบๆ เราก็คิดว่าเวลา 1 อาทิตย์ทันอยู่แล้ว แต่สุดท้ายจะจัดใหญ่โต จะเอามันทุกอย่าง พี่น้องทางบ้านเราทำงานประจำกันทุกคน ไม่ได้ว่างตลอด พ่อแม่เราก็ต้องทำงาน ส่วนพี่สะใภ้ถึงไม่ได้ทำงาน แต่พ่อไม่ให้ออกจากบ้านเพราะท้อง ก็ช่วยทำอะไรไม่ได้เลย จะเอาอะไรโทรมาสั่งอย่างเดียว พอทะเลาะกัน พ่อแม่เราก็สงสารพี่สะใภ้ ด้วยท่านเอ็นดู อยู่ด้วยกันมา อีกทั้งกำลังท้อง กลัวจะเครียด เพราะเราเองก็คุยกับพี่สะใภ้ตลอด เขาบอกไม่อยากทำอะไรเยอะแยะ แต่พ่อเขาไม่ยอม เขาเองก็ขัดพ่อไม่ได้ สุดท้ายพ่อแม่เราก็ไปจัดการเอง แต่ยอมรับว่าพ่อแม่เราโกรธบ้านพี่สะใภ้มาก โดยเฉพาะพ่อพี่สะใภ้ ส่วนกับพี่สะใภ้ก็มีเคืองๆ เพราะเขาเองไม่ยอมค้านอะไร ตามใจพ่อแม่เขาอย่างเดียว แล้วมากดดันพี่ชายเราทุกเรื่อง ทำเอาพี่ชายเราพูดว่าอยากเลื่อนงานแต่งมากๆ ทั้งๆ มันก็รักพี่สะใภ้อย่างกับอะไรดี
พอถึงงานแต่ง ของขวัญรับไหว้ไม่พอ เพราะเราบอกว่าเราเตรียมไว้ 70 ชุด ถ้าฝ่ายพี่สะใภ้จะเพิ่มก็ต้องซื้อมาเองด้วย ไม่ใช่บ้านผู้ชายออกอย่างเดียว แต่ตอนแรกพี่สะใภ้ก็รับปากว่าจะซื้อเพิ่มเอง สุดท้ายก็ไม่ซื้อเพิ่ม ญาติพี่สะใภ้ก็มาว่าบ้านเราทำไมเตรียมของไม่พอ แถมโต๊ะจีนก็มาเก็บตังค์ที่พี่ชายเรา แม่เราเลยเดินไปคุยกับพ่อพี่สะใภ้เลย เขาไม่คุย เขาบอกจ่ายๆ ไปสิ งานแต่งลูกชายคุณนี่ ด่ากับแม่เรา 1 ยก แล้วเดินหนีไม่คุย เข้าห้องไปกับซองเงินที่แขกเหรื่อให้มา และสินสอดไม่เคยคืนพี่ชายพี่สะใภ้เราสักบาท (ธรรมเรียมบ้านเรา+บ้านพี่สะใภ้ จะต้องคืนเงินมาเป็นขวัญถุงด้วย) ซึ่งผ่านมาจะเป็นเดือนก็ไม่มีพูดเรื่องนี้เลย เก็บเงินเงียบ
เรารู้สึกว่าเรื่องนี้ทำให้แม่เราแค้นใจมาก จากที่เคยเอ็นดูพี่สะใภ้มากๆ ก็มีบ้างที่พูดเหน็บแนมเรื่องบ้านของพี่สะใภ้ไปบ้าง เพราะแม่เราเป็นพวกปากไว เสียงดัง ด่าเก่ง อยู่แล้ว เรารู้ว่าพี่สะใภ้เองก็รู้สึกแย่บ้าง พ่อเราก็ปรามแม่ตลอด แม่บอกว่าไม่ได้อะไรหรอก แต่บางทีมันนึกแล้วแค้น ตอนงานแต่งของพี่สาวเราบ้านเราไม่เคยทำนิสัยอะไรแบบนี้ ช่วยเหลือกันทุกอย่าง ด้วยคิดเสมอว่าลูกสาวต้องไปอยู่บ้านผู้ชาย ถ้อยทีถ้อยอาศัย เขาจะได้เอ็นดูลูกสาวเรา พ่อแม่เราบอกว่าเพิ่งเคยเจอพ่อแม่ที่ทำอะไรไม่ดูลูกเลยนี่แหละ เพราะไม่ใช่แค่พ่อแม่เราเคือง ญาติหลายคนที่รู้เหตุการณ์ต่างๆ อย่างย่า กับยาย พี่ป้า น้า ลุง ก็เคืองกันมาก ยิ่งวันงานเห็นสิ่งที่พ่อพี่สะใภ้ทำแล้ว รู้สึกเกลียดเลยทีเดียว