หวัดดี เราจะมาเล่าเรื่องราวชีวิตให้ฟัง ใครมีความคิดเห็นยังไงก็แสดงได้น่ะค่ะ
.....คือครอบครัวเราหวังในตัวเราไว้มาก แล้ววันหนึ่งเราเกิดมีปัญหากับพ่อ เราเลยไม่เรียนต่อ เครียด กดดันเอามากๆ จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปอยู่กับแฟน เราออกมาอยู่ข้างนอกประมานปีกว่าๆ เราเลยกลับเข้าบ้านอีกครั้ง เรามีพี่อยู่ 2 คน พี่สาวกับพี่ชาย ช่วงนั้นเราตกงาน แต่เราก็พยายามหางานอยู่ แต่เขาไม่รับคนมีรอยสัก(เราสักที่แขน) เราหางานมาหลายเดือนแล้ว แต่แม่เราก็บอกว่าทำไมไม่ดิ้นรน แล้วเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับเรา คือเราก็เข้าใจว่าเขาเป็นห่วง อยากให้เราได้ดี แต่เราก็พยายามแล้ว พี่ชายไม่คุย ไม่ทัก ขนาดมองหน้ายังไม่มอง ส่วนพี่สาวเขาก็คอยทัก คอยหางานให้ แต่มันมาพร้อมกับความกดดัน เราอึดอัดมากจนอยากจะไปให้ไกลที่สุด เราคุยกับแฟน ปรึกษาว่าควรทำไงดี ไม่ไหวแล้ว อีดอัดมาก จนเราคิดที่เริ่มหนี แต่การหนีไม่ใช่การแก้ปัญหา เราอยากไปอยู่กับแฟนเพราะมันทำให้เราสบายใจ ไม่ต้องทนคำด่า เราคิดไว้ว่าถ้าเราไปทำงานไกลๆ มันคงจะดีมากกว่านี้ใช่ไม
ความกดดันในครอบครัว
.....คือครอบครัวเราหวังในตัวเราไว้มาก แล้ววันหนึ่งเราเกิดมีปัญหากับพ่อ เราเลยไม่เรียนต่อ เครียด กดดันเอามากๆ จึงตัดสินใจหนีออกจากบ้านไปอยู่กับแฟน เราออกมาอยู่ข้างนอกประมานปีกว่าๆ เราเลยกลับเข้าบ้านอีกครั้ง เรามีพี่อยู่ 2 คน พี่สาวกับพี่ชาย ช่วงนั้นเราตกงาน แต่เราก็พยายามหางานอยู่ แต่เขาไม่รับคนมีรอยสัก(เราสักที่แขน) เราหางานมาหลายเดือนแล้ว แต่แม่เราก็บอกว่าทำไมไม่ดิ้นรน แล้วเอาคนอื่นมาเปรียบเทียบกับเรา คือเราก็เข้าใจว่าเขาเป็นห่วง อยากให้เราได้ดี แต่เราก็พยายามแล้ว พี่ชายไม่คุย ไม่ทัก ขนาดมองหน้ายังไม่มอง ส่วนพี่สาวเขาก็คอยทัก คอยหางานให้ แต่มันมาพร้อมกับความกดดัน เราอึดอัดมากจนอยากจะไปให้ไกลที่สุด เราคุยกับแฟน ปรึกษาว่าควรทำไงดี ไม่ไหวแล้ว อีดอัดมาก จนเราคิดที่เริ่มหนี แต่การหนีไม่ใช่การแก้ปัญหา เราอยากไปอยู่กับแฟนเพราะมันทำให้เราสบายใจ ไม่ต้องทนคำด่า เราคิดไว้ว่าถ้าเราไปทำงานไกลๆ มันคงจะดีมากกว่านี้ใช่ไม