ถ้าจะสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยที่เป็นพนักงานราชการ แต่เคยเป็นบุคคลประเภทที่ 4 มีอาการเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำและถูกระบุว่าอยู่ในกลุ่มออทิสติกตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่ผมในตอนนั้นก็เลยให้ผมไปขอใบรับรองแพทย์เพื่อขอยกเว้นตอนเกณฑ์ทหารเพราะตอนเกณฑ์ทหารยังต้องกินยาก็เลยได้รับการยกเว้น แต่ในใบ สด.เขียนว่าเป็นโรคจิต มีประวัติรักษาเป็นโรคออทิสติกตั้งแต่เด็ก หลังเกณฑ์ทหารทำงานเอกชนมาบ้าง แต่ตอนหลังก็อยู่กับบ้านและเก็บค่าเช่าที่ๆ เป็นมรดกของครอบครัว ตอนหลังไปขอใบรับรองแพทย์เพื่อจะลองไปสอบข้าราชการ หมอที่รักษาเขียนในใบรับรองแพทย์ว่ารักษาจนอาการดีขึ้นจนสามารถเรียนจบได้เหมือนกับคนปกติ หมอบอกว่าหมอเขียนว่าผมรักษาจนหายแล้วไม่ได้แม้ว่าผมจะเหมือนคนปกติแล้วเพราะโรคนี้ไม่มีการหายขาด อย่างนี้ถ้าตอนสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยต้องแนบใบ ส.ด.43 ที่ระบุว่าเป็นโรคจิต ในใบรับรองแพทย์ๆ ที่รักษาก็ระบุว่าเคยเป็นโรคออทิสติก แต่เขียนว่าในปัจจุบันรักษาจนอาการดีขึ้น อย่างนี้มีโอกาสที่จะได้รับพิจารณาไหม
หรือการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่ต้องยื่นใบ สด.43 ครับ เห็นเคยได้ยินว่าถ้าเป็นพวกข้าราชการครู หรือพนักงานราชการครู อาจารย์ ไม่ต้องยื่นใบ สด.43 ผมจะได้ไม่ต้องยื่นใบ ส.ด.ที่เขียนว่าผมเป็นโรคจิต และก็ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์เรื่องการรับรองว่าผมเคยเป็นโรคออทิสติกและได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นครับ
ถ้าสมัครเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย แต่มีโรคจิตเวชในกลุ่มออทิสติกระบุไว้ในใบสด. 43 เขาจะรับไหมครับ
หรือการเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่ต้องยื่นใบ สด.43 ครับ เห็นเคยได้ยินว่าถ้าเป็นพวกข้าราชการครู หรือพนักงานราชการครู อาจารย์ ไม่ต้องยื่นใบ สด.43 ผมจะได้ไม่ต้องยื่นใบ ส.ด.ที่เขียนว่าผมเป็นโรคจิต และก็ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์เรื่องการรับรองว่าผมเคยเป็นโรคออทิสติกและได้รับการรักษาจนอาการดีขึ้นครับ