สวัสดีจ้า เพื่อนๆทุกคน หลังจากที่เราได้ผ่านพ้นวิกฤตสิวมาระดับนึงแล้ว เราเลยอยากจะมาแชร์สารพัดยาและครีมแต้มสิวทั้งหมดที่เรามี ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวผด สิวไม่มีหัว บลาๆ ทั้งแบบที่ใช้แล้วเวิ้คและไม่เวิ้คในแบบฉบับของเราเองให้เพื่อนๆได้เป็นตัวเลือกในการพิจารณาใช้ยาและครีมแต้มสิวกันน้า เอาละ เรามาดูผู้ท้าชิงทั้ง 6 ตัว ของเราเลยดีกว่า


ผู้ท้าชิงอันที่ 1     :    Benzac 2.5% (120 บาท)

ถ้าพูดถึง เจ้ Benzac แล้วคงเรียกได้ว่าเป็นยาแต้มสิวอันดับต้นๆในวงการ ที่คนเป็นสิวหนักๆแทบทุกคนต้องเคยลองใช้ เราก็ไม่พลาดได้ลองใช้เช่นเดียวกัน 555 เราจะใช้แต้มเฉพาะบริเวณที่เป็นสิว เช่น สิวอุดตัน สิวอักเสบ สิวหัวช้าง หรือเฉพาะโซนที่เป็นสิวเท่านั้น เพราะตอนทาแรกๆจะรู้สึกแสบ ยึกยือ หน้ามาก หลังๆถึงจะเริ่มรู้สึกโอเคขึ้น แต่ถ้าไม่ไหวให้รีบไปล้างออกเลยน้า ตัวยาจะเน้นฆ่าเชื้อแบคทีเรียและช่วยละลายหัวสิวโดยเฉพาะ สิวที่อยู่ข้างใต้ก็จะผุดขึ้นมา วิธีการทาก็ทาแต้มทิ้งไว้ 5-10 นาทีพอ ไม่ควรเกิน 30 นาที ข้อควรระวัง! ช่วงแรกๆสำหรับคนที่พึ่งเริ่มใช้ใหม่ๆให้ทาแค่ 5 นาทีพอแล้วล้างออก ควรใช้ร่วมกับ มอยเจอร์ไรเซอร์บำรุงและครีมกันแดดด้วย เพราะหน้าแห้งจะบาง และไวต่อแสงมาก หลอดไฟบ้านก็มีผลนะ ทริกคือทาแค่ก่อนนอนพอจบ ไม่ยุ่งยาก 555

ประเภทสิวที่โฟกัส:    สิวอุดตัน, สิวอักเสบ
ผลลัพธ์        :    ต้องใช้เวลาในการรักษา 2-3 เดือน สิวอุดตันลดลงเยอะมาก ทิ้งแค่รอยไว้
คะแนน        :    3.8/5 (แสบหน้าและทำให้ผิวบาง)
ซื้อต่อมั้ย             :     ไม่ซื้อจ้า หายจริงแต่หน้าแห้งมาก ไม่ไหวค่า


ผู้ท้าชิงคนที่ 2 : Defenza Cream (295 บาท)

คือแบรนด์ Skinplant ตอนแรกเรารู้จักจากตอนที่หาซื้อ Argan oil & Rosehip oil ของเค้านี่แหละ แล้วบังเอิ้ญมันมีโปรพอดี และดูในรีวิวก็คิดว่าน่าจะดี เลยสอยมาเป็นเซ็ตเลยจ้า 555 ความจริงตัวนี้ถ้าดูสรรพคุณของเค้า เค้าจะออกตัวว่าเป็นครีมแก้แพ้ แก้ผิวแห้ง ช่วยพวกผิวติดสเตียรอยด์อะไรประมาณนี้ แต่หากดูจากคำเคลมตามสื่อต่างๆและรีวิวต่างๆ เค้าจะเด่นเรื่องสิวด้วย ส่วนผสมก็จะเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติ Blackcurrant Seed Oil, Balloon Vine Extract และ Sunflower Oil Concentrate เรื่องสิวจะเน้นพวกสิวอักเสบและสิวผดเป็นหลัก

ประเภทสิวที่โฟกัส    :    สิวอักเสบ, อาการผื่นแพ้ต่างๆ
ผลลัพธ์                :     ส่วนตัวเราใช้แล้วเฉยๆมาก ไม่รุสึกอะไรเลย สิวอักเสบก็ไม่ได้ยุบไว อาจจะเป็นเพราะเค้าคงเน้นเรื่องแก้แพ้มากกว่าด้วย แต่ข้อดีคือใช้แล้วหน้าไม่แห้ง ไม่กัดหน้า
คะแนน                :    3/5 (ไม่สะทกกับผิวหน้าเลย 555)
ซื้อต่อมั้ย                     :     ลาก่อน ไม่ซื้อจ้า


ผู้ท้าชิงอันที่ 3     : Clinda-M

ตัวนี้จำได้ว่าใช้มาหลายขวดมากกกตั้งแต่เด็กๆ สมัยตอนสิวอักเสบเห่อเยอะๆ แม่จะซื้อมาให้ใช้ตลอด แต่ใช้ไม่เคยหมดเพราะเรารู้สึกว่ามันเยอะมากทำหายก่อนหมดตลอด 555 ส่วนผสมหลักของเค้าจะเป็น คลินดาไมซิน ช่วยเรื่องกำจัดแบคทีเรียโดยเฉพาะ เราจะเน้นใช้แต้มหัวสิวอักเสบตลอด ทาไปจะรู้สึกแสบๆนิด แต่สักพักพอมันซึมก็จะดีขึ้น ทาได้ตลอดวัน หายเร็ว

ประเภทสิวที่โฟกัส    :    สิวอักเสบ
ผลลัพธ์                :    ประมาณ 2-3 วัน หัวสิวจะค่อยๆแห้งแล้วหลุดออกมาเอง
คะแนน                :    4.5/5 (เวลาเทชอบทะลักออกมาเยอะเกินไป เลอะเทอะเล็กน้อยหรือเราไม่ระวังก็ไม่รู้ 555)
ซื้อต่อมั้ย                     :     ซื้อจ้า


ผู้ท้าชิงตัวที่ 4    : Nutriva AC (250 บาท)

เจลทาสิวอักเสบ สูตร SOD สกัดจากเมล่อนผสมกับสมุนไพรญี่ปุ่น ตัวนี้จิ๋วแต่แจ๋ว ใช้ทาเวลาสิวขึ้นปาก กับสิวอักเสบที่ขึ้นบนหน้า เราทาตั้งแต่เริ่มรู้สึกว่าสิวจะอักเสบเลย ตั้งแต่ตอนมันแดงๆ ชอบตรงที่พอทาแล้ววันต่อมาหัวสิวเริ่มแห้งดันขึ้นมา ทาไป 1-2 วันก็หยุบหมดแล้ว ไม่ต้องบีบ ไม่ทิ้งรอยแดง และที่ชอบที่สุดคือใช้แล้วหน้าไม่แห้งเป็นขุย แต่งหน้าต่อได้เลย ไม่เป็นคราบ เพราะหลายตัวที่เคยใช้มา มันแรงมากจนหน้าลอก ทาแป้งทีแตกระแหงเป็นคราบ 555 แต่ตัวนี้จะเป็นเจลใสๆทาแล้วหน้ายังชุ่มชื้นอยู่

ประเภทสิวที่โฟกัส    :    สิวอักเสบ
ผลลัพธ์                :    ประมาณ 1 วัน จะเริ่มรู้สึกว่าหัวสิวเริ่มโผล่ขึ้นมา เห็นหัวสิวเร็วขึ้น ทาไป 2-3 วัน ก็หยุบแทบหมด ไม่ทิ้งรอย แต่ทาสิวอุดตันกับสิวผดแล้ว ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่ จะได้ผลดีกับสิวอักเสบ
มากกว่า
คะแนน                :    4.5/5 (หลอดเล็กไปหน่อย)
ซื้อต่อมั้ย                     :     ซื้อจ้า


ผู้ท้าชิงอันที่ 5    :    Retin-A 0.025% (250 บาท)

ตัวนี้เราขอเรียกว่า ครีมขับสิวละกัน 555 เพราะว่ามันจะช่วยดันสิวที่ฝังอยู่ใต้ผิวหนังลึกๆของเราออกมา ซึ่งบางทีเราอาจจะยังมองไม่เห็นหัวสิวเลยด้วยซ้ำ ช่วงที่ใช้นี่ ต้องใจแข็งนิดนึงน้า คือมันจะผุดออกมาเยอะมากในช่วงแรกๆ แล้วจะค่อยๆดีขึ้น ต้องใช้เวลานิดนึง แต่ช่วงนั้นก็จะหน้าคล้ำดำๆหน่อย ต้องทาพวกว่านหางจระเข้และพวกครีมกันแดดควบคู่ไปด้วย ไม่งั้นหน้าเกรียมแน่ อีกอย่างคือไม่ควรใช้ Retin-A พร้อมๆกับ Benzac น้า แต่สามารถใช้คนละเวลากันได้จ้า

ประเภทสิวที่โฟกัส    :    สิวอักเสบ, สิวอุดตัน, สิวผด
ผลลัพธ์                :    สิวที่อยู่ใต้ผิวหนังจะถูกดันขึ้นมาจนหมด ในรูปแบบของสิวอักเสบ แต่พอหายแล้วหน้าก็จะใสขึ้นเหมือนเป็นการผลัดเซลล์ผิวต้องใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือนขึ้นไป ถึงจะเริ่มรู้สึกว่าดีขึ้น คือถ้าใครจะใช้ตัวนี้ต้องอดทนมากจริงๆ เพราะหน้าจะแห้ง แดง และดำง่าย
คะแนน                :    4/5 (ทรมานนนนนนไปนิ้ด)
ซื้อต่อมั้ย                     :     50/50 ถ้ากลับมาเป็นผดเยอะๆอีกคงกลับมาใช้


ผู้ท้าชิงอันที่ 6    :    Perfectly Pore Work (585 บาท)

ตัวนี้อาจจะไม่ใช่ประเภทครีมหรือยาแต้มสิว แต่เป็นโฟมล้างหน้า ตอนได้มาเราแอบคาดหวังนะว่ามันจะช่วยเรื่องสิวเสี้ยนได้จริง เพราะเค้าโฟกัสเรื่องสิวเสี้ยน สิวอุดตัน สิวหัวดำ โดยเฉพาะเลย แต่พอใช้แล้วก็รูสึกว่าเฉยๆมากๆอีกแล้ว ลองล้างแบบตามแนวรูขุมขนก็แล้วนะ ก็หลุดน้อยมาก แต่ข้อดีมันก็คือเนื้อสัมผัสของตัวโฟมมีความนุ่มไม่ได้เป็นเม็ดสครับ กระชับรูขุมขนและเน้นส่วนผสมจากธรรมชาติเป็นหลัก ไม่แพ้ หน้าไม่แห้งแน่นอน

ประเภทสิวที่โฟกัส    :    สิวเสี้ยน, สิวอุดตัน, สิวหัวดำ
ผลลัพธ์                :    เฉยๆ แต่ก็พอให้อภัยได้นะ เพราะถ้าเรื่องสิวเสี้ยน มีน้อยแบรนด์มากที่กล้าชูเรื่องสิวเสี้ยน เพราะที่เห็นทั่วไปจะเห็นเป็นแผ่นลอกสิวเสี้ยนกับสครับมากกว่า
คะแนน                 :    3/5
ซื้อต่อมั้ย                     :     ไม่ซื้อจ้า
หมายเหตุ                    :    ใครมีครีมหรือยารักษาสิวสี้ยนแนะด่วนนนน ยังคงเป็นปัญหาสำหรับเราอยู่มากก

จบไปแล้วกับผู้ท้าชิงทั้ง 6 ยี่ห้อ ที่เราเคยใช้และยังซื้อใช้ต่อในบางตัวค่า แต่ต้องขอบอกไว้ก่อนน้าว่าทั้งหมดที่รีวิวมา เป็นความเห็นส่วนตัวของเราทั้งหมด จากที่เคยได้ลองใช้จริง ซึ่งแน่นอนว่าผิวหน้าของแต่ละคนมีสภาพผิวและการตอบรับของครีมที่แตกต่างกัน เราใช้แล้วไม่ได้ผล เพื่อนๆอาจจะใช้แล้วได้ผลก็เป็นไปได้ ไม่แปลกจ้า กว่าจะผ่านวิกฤตสิวมาได้ถึงทุกวันนี้เราก็ลองปรับๆการรักษาไปเรื่อยๆ ยังไงหวังว่าคงเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะคะ บายๆ