ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องตอนที่1 (
https://ppantip.com/topic/38053383)
ครั้งแรกของการเปิดมาเจอข้อความคอมเมนท์ หรือแสดงความคิดเห็นของเพื่อนๆ มันคือที่สุดค่ะ เหมือนก้าวสู่โลกใหม่ ออกจากกรอบความคิดของตัวเอง
มันทำให้ใจดวงนี้ได้เบิกบาน มันเป็นกำลังใจ มันเป็นเป็นแรงบันดาลใจที่ได้แบ่งปัน ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
Samburu National Park อยู่ทางตอนกลางด้านบนของเคนย่า เรานั่งรถจากไนโรบีมาใช้เวลา ประมาณ 7-8 ชม. ผ่านจุดที่เป็นเส้นศูนย์สูตร Equator คนขับรถจะจอดรถให้เราลงไปถ่ายรูป และแวะร้านของฝาก (โอ้ว!!แวะตั้งแต่มาถึงเลย) ของพื้นบ้านพื้นเมืองบอกได้เลยว่ามีตลอดการเดินทาง ราคาคุณต่อได้เหมือนไปเมืองจีน จะจ่ายเป็นดอลลาร์ หรือเป็นเงินเคนย่า( 1 เคนย่าชิลลิงเท่ากับ 0.33 บาท) คุณจะจ่ายเป็นอะไรก็ได้ รับหมด
Samburu National Park มีขนาดกว้าง 165 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดประมาณ 100,000ไร่ ที่นี่พื้นที่ส่วนใหญ่จะแห้งเเล้ง ไฮไลต์หรือจุดสนใจของที่นี่คือ การมาดูยีราฟลายร่างแห ซึ่งเป็นลายเฉพาะของที่นี่ ม้าลายเกรวี
คีรีนุค (กวางคอยาว) ไบซาออริกซ์ (เลียงผาเขายาว) ซึ่งพอเรามาถึงที่นี่จริงๆ สิงโต ช้าง
ลิง
จระเข้
ชุกชุมละลานตามาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งช่วงเช้า ช่วง ออกหากิน ถ้าจะมาเที่ยวที่นี่อย่างน้อยซัก 3 วัน 2 คืนน่าจะกำลังดี เรียกว่า คุ้มค่าแก่การมาเยือน
ที่พักที่นี่จะอยู่ในอุทยานเกือบทั้งหมดเราพักกันที่ Samburu Game Lodge เป็นบ้านพักริมน้ำ มีสระว่ายน้ำ ห้องอาหาร เลาจน์ อำนวยความสะดวกทุกอย่าง ในเคนย่า ยุงและโรคไข้เหลือง มาลาเรีย เป็นเรื่องที่ต้องระวัง ในช่วงกลางคืนทุกๆโรงแรมจะมีเจ้าหน้าที่มากางมุ้งให้ และมี กระดาษเช็ดกันยุงเตรียมไว้ให้ในห้องพักเกือบทุกที่ ที่นี่เนื่องจาอยู่กลางป่รา เรื่องการใช้ไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟจะดับตอนเที่ยงคืนถึงตี 5 เพราะฉะนั้นเราต้องทำการชารจ์อุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมตั้งแต่หัวค่ำ ส่วนเรื่องอินเตอร์เนต WiFi โรงแรมใช้ได้ที่ลอบบี้เท่านั้น
พอคเกจWiFi ที่พกไปเองจากไทยน่าจะดีที่สุด ราคาประมาณวันละ 400 บาท/วัน ใช้ได้กับได้ 5 เครื่อง)
ลิงหน้าห้องพัก
Part 2 : Lake Nakuru อยู่ทางตอนเหนือของไนโรบี ซึ่งถ้าเราเดินทางจากไนโรบี ก็ระยะทางเพียงแค่ 180 กม.
เหมือนๆกรุงเทพ เขาใหญ่ แต่เราเดินทางจาก Samburu มายัง Lake Nakuru ดังนั้น ใช้เวลาค่อนข้างนานประมาณ 4-5 ชม. เพราะถนนค่อนข้างแคบรถบรรทุกใหญ่วิ่งและเลนส์สวนกัน
Lake Nakuru มีพื้นที่แค่ 45 ตร.กม.อยู่ใจกลางเมืองนากูรู
เปิดประเดิมเข้าประตูรั้วมาก็เจอสิงโตเพิ่งล่าหมูป่า Warthog ต่อหน้าต่อตา หมูป่ายังขาชี้ฟ้าดิ้นพยายามดิ้นเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่เลย
ส่วนของอุทยานจะมีรั้วไฟฟ้ากั้นแยกกันในส่วนอยู่อาศัยของประชากรกับอุทยาน
การมาเยี่ยมชมLake Nakuru นั้น จุดประสงค์หลักคือการมาชมแรด
และฟลามิโกสีชมพู
เพราะน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ มีสาหร่ายที่มี แร่ธาตุ แคโรทีน ที่นกฟลามิงโกมากินแล้วทำให้ขนเป็นสีชมพูหรือแดงอ่อนๆ ปริมาณนกที่เราจะสามารถเจอได้ มีตั้งแต่ ระดับ 1,000 ตัว จนถึง เป็น 1,000,000 ตัว ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและปัจจัยอื่นร่วมด้วย
ที่นี่เป็นสถานที่ ๆ ประเทศเคนย่า นำเอาแรดขาวและแรดดำมาอนุรักษ์ไว้ และปล่อยให้มีการเพิ่มจำนวนขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ส่วนสัตว์อื่นๆที่เราสามารถพบได้ คือ สิงโต
ลิงบาบูน ควายป่าแอฟริกัน นกกระสามาริบู ไฮยีน่ายีราฟ ม้าลาย กวางประเภทต่างๆ พื้นที่แคบแต่ความหลายหลายมากมาย
ที่นี่เราพักที่รีสอรท์ Lake Nakuru Sopa Lodge เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวอยู่บนภูเขา เนื่องจากเป็นโรงแรมที่อยู่ในเมืองจึงมีความสะดวกสบายค่อนข้างมาก
โรงแรมนี้สัญญาณไวไฟดี การบริการ อาหาร และ ห้องพักดีมาก คุ้มค่า
(ต่อตอนที่3 สุดขอบฟ้าที่ MAASAI MARA)
เรื่องเล่าจากเคนย่า2018 ตอนที่ 2 Samburu & Lake Nakuru National Park (เรามาเพื่อดูแรด)
ครั้งแรกของการเปิดมาเจอข้อความคอมเมนท์ หรือแสดงความคิดเห็นของเพื่อนๆ มันคือที่สุดค่ะ เหมือนก้าวสู่โลกใหม่ ออกจากกรอบความคิดของตัวเอง
มันทำให้ใจดวงนี้ได้เบิกบาน มันเป็นกำลังใจ มันเป็นเป็นแรงบันดาลใจที่ได้แบ่งปัน ขอบคุณอีกครั้งค่ะ
Samburu National Park อยู่ทางตอนกลางด้านบนของเคนย่า เรานั่งรถจากไนโรบีมาใช้เวลา ประมาณ 7-8 ชม. ผ่านจุดที่เป็นเส้นศูนย์สูตร Equator คนขับรถจะจอดรถให้เราลงไปถ่ายรูป และแวะร้านของฝาก (โอ้ว!!แวะตั้งแต่มาถึงเลย) ของพื้นบ้านพื้นเมืองบอกได้เลยว่ามีตลอดการเดินทาง ราคาคุณต่อได้เหมือนไปเมืองจีน จะจ่ายเป็นดอลลาร์ หรือเป็นเงินเคนย่า( 1 เคนย่าชิลลิงเท่ากับ 0.33 บาท) คุณจะจ่ายเป็นอะไรก็ได้ รับหมด
Samburu National Park มีขนาดกว้าง 165 ตารางกิโลเมตร หรือขนาดประมาณ 100,000ไร่ ที่นี่พื้นที่ส่วนใหญ่จะแห้งเเล้ง ไฮไลต์หรือจุดสนใจของที่นี่คือ การมาดูยีราฟลายร่างแห ซึ่งเป็นลายเฉพาะของที่นี่ ม้าลายเกรวี คีรีนุค (กวางคอยาว) ไบซาออริกซ์ (เลียงผาเขายาว) ซึ่งพอเรามาถึงที่นี่จริงๆ สิงโต ช้าง ลิง จระเข้
ชุกชุมละลานตามาก โดยเฉพาะ อย่างยิ่งช่วงเช้า ช่วง ออกหากิน ถ้าจะมาเที่ยวที่นี่อย่างน้อยซัก 3 วัน 2 คืนน่าจะกำลังดี เรียกว่า คุ้มค่าแก่การมาเยือน
ที่พักที่นี่จะอยู่ในอุทยานเกือบทั้งหมดเราพักกันที่ Samburu Game Lodge เป็นบ้านพักริมน้ำ มีสระว่ายน้ำ ห้องอาหาร เลาจน์ อำนวยความสะดวกทุกอย่าง ในเคนย่า ยุงและโรคไข้เหลือง มาลาเรีย เป็นเรื่องที่ต้องระวัง ในช่วงกลางคืนทุกๆโรงแรมจะมีเจ้าหน้าที่มากางมุ้งให้ และมี กระดาษเช็ดกันยุงเตรียมไว้ให้ในห้องพักเกือบทุกที่ ที่นี่เนื่องจาอยู่กลางป่รา เรื่องการใช้ไฟฟ้า เครื่องปั่นไฟจะดับตอนเที่ยงคืนถึงตี 5 เพราะฉะนั้นเราต้องทำการชารจ์อุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมตั้งแต่หัวค่ำ ส่วนเรื่องอินเตอร์เนต WiFi โรงแรมใช้ได้ที่ลอบบี้เท่านั้น
พอคเกจWiFi ที่พกไปเองจากไทยน่าจะดีที่สุด ราคาประมาณวันละ 400 บาท/วัน ใช้ได้กับได้ 5 เครื่อง)
ลิงหน้าห้องพัก
Part 2 : Lake Nakuru อยู่ทางตอนเหนือของไนโรบี ซึ่งถ้าเราเดินทางจากไนโรบี ก็ระยะทางเพียงแค่ 180 กม.
เหมือนๆกรุงเทพ เขาใหญ่ แต่เราเดินทางจาก Samburu มายัง Lake Nakuru ดังนั้น ใช้เวลาค่อนข้างนานประมาณ 4-5 ชม. เพราะถนนค่อนข้างแคบรถบรรทุกใหญ่วิ่งและเลนส์สวนกัน
Lake Nakuru มีพื้นที่แค่ 45 ตร.กม.อยู่ใจกลางเมืองนากูรู เปิดประเดิมเข้าประตูรั้วมาก็เจอสิงโตเพิ่งล่าหมูป่า Warthog ต่อหน้าต่อตา หมูป่ายังขาชี้ฟ้าดิ้นพยายามดิ้นเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่เลย
ส่วนของอุทยานจะมีรั้วไฟฟ้ากั้นแยกกันในส่วนอยู่อาศัยของประชากรกับอุทยาน
การมาเยี่ยมชมLake Nakuru นั้น จุดประสงค์หลักคือการมาชมแรด
และฟลามิโกสีชมพู
เพราะน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ มีสาหร่ายที่มี แร่ธาตุ แคโรทีน ที่นกฟลามิงโกมากินแล้วทำให้ขนเป็นสีชมพูหรือแดงอ่อนๆ ปริมาณนกที่เราจะสามารถเจอได้ มีตั้งแต่ ระดับ 1,000 ตัว จนถึง เป็น 1,000,000 ตัว ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและปัจจัยอื่นร่วมด้วย
ที่นี่เป็นสถานที่ ๆ ประเทศเคนย่า นำเอาแรดขาวและแรดดำมาอนุรักษ์ไว้ และปล่อยให้มีการเพิ่มจำนวนขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ส่วนสัตว์อื่นๆที่เราสามารถพบได้ คือ สิงโต
ลิงบาบูน ควายป่าแอฟริกัน นกกระสามาริบู ไฮยีน่ายีราฟ ม้าลาย กวางประเภทต่างๆ พื้นที่แคบแต่ความหลายหลายมากมาย
ที่นี่เราพักที่รีสอรท์ Lake Nakuru Sopa Lodge เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาวอยู่บนภูเขา เนื่องจากเป็นโรงแรมที่อยู่ในเมืองจึงมีความสะดวกสบายค่อนข้างมาก
โรงแรมนี้สัญญาณไวไฟดี การบริการ อาหาร และ ห้องพักดีมาก คุ้มค่า
(ต่อตอนที่3 สุดขอบฟ้าที่ MAASAI MARA)