[CR] :: นั่งกระเช้า กินไข่ดำ ล่องเรือโจรสลัดที่ Hakone ::

...................................................
:: ฝากติดตามเพจเราด้วยนะคะ ::
https://www.facebook.com/wherewegopage/
...................................................


ถ้านึกถึงเมืองท่องเที่ยวใกล้โตเกียว Hakone ต้องเป็นชื่อหนึ่งที่ป็อปขึ้นมาในหัวของเราอย่างรวดเร็วแน่นอน
ด้วยความที่อยู่ใกล้โตเกียวมากๆ แถมมีสถานที่ท่องเที่ยวเพียบ ไม่แปลกเลยที่เมืองนี้จะเป็นอีกเมืองที่ popular สำหรับนักท่องเที่ยว และแน่นอนรอบนี้เราก็ไม่พลาดที่จะมาเก็บที่นี่กัน
ทริปนี้เราเลือกที่จะนอนที่ Hakone 1 คืน เพื่อที่จะได้มีเวลาพอที่จะเก็บสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่นี่
ก่อนอื่นเราซื้อ Hakone Free Pass สำหรับ 2 วัน เตรียมไว้ก่อน ราคา 5,140 เยน (1,506 บาท)
พก Hakone Free Pass ตัวนี้ เราสามารถขึ้นรถโดยสารทุกอย่างในฮาโกเน่ได้ฟรี เป็นเวลา 2 วันค่ะ ซึ่งรวมค่ารถไฟไป – กลับ โตเกียว-ฮาโกเน่ แล้วด้วยค่ะ
ลูกไผ่: “เราไปนอนเรียวกังที่ฮาโกเน่กันค่ะ”
พี่ปุ่น: “อื้ม เอาสิ ลองหาดู”
เรียวกัง เป็นสิ่งนึงที่เราชอบมากเวลามาญี่ปุ่น ถ้ามีโอกาสก็อยากพักอีก ฮี่ ฮี่ ฮี่
และแล้วเราก็ได้ที่พักที่ให้ความรู้สึกเรียวกัง ในราคาที่ไม่แพงมาก (เท่าที่เราจะหาได้) และที่ที่เราพักก็คือ
Shukubo Suirinso Ryokan ราคา 3,616 บาท / คืน
รอบนี้เราทิ้งกระเป๋าใหญ่ไว้ที่ที่พักที่เราจองยาวๆไว้ที่โตเกียว แล้วก็เอาแค่เสื้อผ้ากับของใช้จำเป็นสำหรับ 1 คืน ใส่กระเป๋าเป้สะพายหลังไปคนละใบค่ะ
อย่างนึงที่บางคนอาจจะยังไม่รู้ ว่าการเดินทางจากโตเกียวไปฮาโกเน่เนี่ย เราสามารถโดยสารรถไฟชนิดนึงชื่อว่า ‘Romance Car’ เป็นรถไฟขบวนพิเศษ ที่หน้าต่างจะสูงและกว้างกว่ารถไฟปกติ ทำให้เห็นวิวได้กว้างกว่าเดิม ซึ่งเราไม่พลาดแน่นอนค่ะ!

ปะ ตามมาดูกันว่า Romance Car กับ Hakone มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง

Day 1: Hakone
เช้านี้เรานั่งรถไฟไปตั้งต้นที่สถานี Shinjuku พอไปถึงก็จะมีความงงงวยนิดนึงว่า ‘เฮ้ย ถ้าอยากนั่ง Romance car ต้องทำไงหว่า’ หันซ้าย หันขวา ก็เลยเดินไปถามเจ้าหน้าที่ เค้าก็เลยชี้ทางสว่างไปยัง counter ให้เราเดินไปติดต่อ
สำหรับเราที่ถือ Hakone Free Pass อยู่แล้ว ต้องเพิ่มเงินอีก 1,090 เยน (320 บาท) สำหรับการนั่ง Romance car 1 เที่ยว
ถ้าตั๋ว เช็คชานชาลา อุ่นใจละ ระหว่างนั้นมีเวลาเหลือ นั่งรถไฟอย่างนี้ สิ่งที่พลาดไม่ได้ก็ต้อง ข้าวกล่องรถไฟ สิคะ 555
ว่าแล้วก็ไปเดินเลือกกันตรงร้าน kiosk เล็กๆในสถานี ได้แล้วก็มายืนรอ Romance Car กัน ไม่นาน รถก็มาเทียบชานชาลาค่ะ
เท่านั้นแหละ ผู้โดยสารก็มายืนถ่ายรูปคู่กับเจ้า Romance Car นี่กับเต็มเลยจ้า แน่นอน รวมทั้งเราด้วย 5555
เอาจริงๆ ไม่ใช่แค่ชาวต่างชาตินะคะที่ตื่นเต้นกับการได้นั่ง Romance Car แม้แต่คนญี่ปุ่นเอง ก็เหมือนกัน เห็นจากชาวญี่ปุ่นที่มา selfie กับ Romance Car แล้ว เราจำได้ว่าตอนที่เราโพสรูปนั่งอยู่ใน Romance Car ก็มีเพื่อนชาวญี่ปุ่นมา comment “Wow! You taking new romance car”


และเจ้า Romance Car ก็น่านั่งจริงๆนั่นแหล่ะค่ะ ด้านในขบวนและที่นั่งค่อนข้างกว้าง และหน้าต่างก็กว้าง โล่งสมคำร่ำลือจริงๆ ความพิเศษของ Romance Car นอกจากหน้าต่างกว้างแล้ว Romance Car ยังวิ่งตรงยาวไปจอดที่สถานี Hakone Yumoto เลย โดยใช้เวลาแค่ 75 นาที ซึ่งเร็วกว่ารถไฟปกติค่ะ


และแล้วรถไฟก็ออกตรงเวลาเป๊ะ ตามสไตล์ญี่ปุ่น ทีนี้ก็ถึงเวลา ควักข้าวกล่องมาทานพร้อมชมวิวข้างทางกันแล้ว ระหว่างที่นั่งไปได้ซักพัก ก็มีพนักงานเข็นรถอาหารและขนมมา (เหมือนบนเครื่องบินอ่ะค่ะ)

ลูกไผ่: “อ้าว บนนี่ก็มีข้าวกล่องขายนี่นา แถมเป็นกล่องรูป Romance Car ด้วยอ่า!”
พี่ปุ่น: “อ้าว จริงด้วย”
ลูกไผ่: “ราคาพอๆกับที่เราซื้อมาเลยด้วยอ่ะ แงงงง”

แต่ดีที่ข้าวที่เราซื้อมาก็เป็นข้าวที่เราอยากทานมากกว่าข้าวกล่องบนรถไฟพอดี ก็เลยไม่เสียใจมาก แต่ถ้าใครมีโอกาสก็ไปลองซื้อบนรถไฟดูนะคะ package กล่องเค้าน่ารักเชียว


มาดูวิวข้างทางกันซักหน่อย


พอถึงสถานี Hakone Yumoto เราจะต้องต่อรถไฟสาย Hakonetozan Line ไปลงที่ Gora แต่พอลงจาก Romance Car มา เราก็จะเริ่มมึนงงกันอีกครั้ง ด้วยความไม่เคยมา

ลูกไผ่: “แล้วต้องไปต่อขบวนไหนละคะนี่”
หันไปหันมา
พี่ปุ่น: “อ้าว นี่ขบวนนี้แหละ เร็ว!”

ปรากฎว่ามีขบวนที่จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามจ้า แล้วกำลังจะออกแล้วด้วย วิ่งสิคะ รออะไร!
รถไฟสาย Hakonetozan เป็นรถไฟขบวนเล็ก ที่คนค่อนข้างเยอะใช้ได้เลย นั่งๆไปเราเลยเพิ่งรู้ว่า รถไฟขบวนนี้มันวิ่งขึ้นเขาจ้า เพราะฉะนั้นมันเลยทำความเร็วได้แค่ระดับนึง กว่าจะถึง Gora ก็ใช้เวลาพอสมควรเลย


พอขึ้นมาถึงสถานี Gora ความหนาวก็เข้าโจมตี หนาวไม่พอ ลมแรงด้วยจ้า ทำไมไม่เคยมีใครบอกเราฟระว่า ฮาโกเน่ มันอยู่บนเขา! โคตรหนาวเลย!
จากตรงนี้เราต้องขึ้น Cable Car ต่อขึ้นไปลงที่สถานี Naka-Gora


พอลงที่สถานี Naka-Gora ประตูจะเปิดทั้งสองฝั่งทั้งซ้ายและขวา เราก็เดินลงซ้าย ปรากฎว่าผิดฝั่งค่า แล้วคือที่พักอยู่ฝั่งตรงข้าม มีแค่ราง Cable Car แคบๆคั่นอยู่ แต่ข้ามไม่ได้ ทางเดินข้ามไปก็ไม่มี สรุปเราต้องเดินลงเพื่อไปข้ามทางเชื่อมข้างล่างจ้า แล้วคือทางนี่คือเดินลงไปเกือบถึงจุดที่เราขึ้น Cable Car ม๊ายยยยยย นี่มันอะไรก๊านนนน
ก้มหน้าก้มตาเดินไปเคอะ ถือซะว่าเดินสำรวจทาง คือขาเดินลงน่ะไม่เท่าไหร่ มันก็เป็นทางลาดชันเดินลงไปเรื่อย ขอแค่อย่าคึกวิ่ง หน้าอาจทิ่มได้ 5555


ซักพักเราก็เดินมาถึงจุดทางเชื่อมที่มีร้านค้า ร้านคาเฟ่อยู่เราก็เลี้ยวซ้ายตรงนี้


แล้วเดินผ่านอุโมงที่เป็นทางลอดผ่าน Cable Car ไปอีกฝั่ง


พอเดินผ่านมาแล้ว เฮ้ย เดินมาก็ดีนะ ทางเดินมีต้นไม้สวยๆ อากาศดีๆ ให้ถ่ายรูปทั้งนั้นเลย


บ้านเรือนที่บนนี้ก็สวย ที่นี่ค่อนข้างเงียบ สงบมาก จนเราก็แอบสงสัยว่าในบ้านแต่ละหลังนี่มีคนอยู่บ้านบ้างรึเปล่า มันเงียบไปป่ะว้า


แต่จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ค่ะ พอเดินข้ามมาได้ซักพัก เราต้องเดินขึ้นค่ะ แล้วทางอย่างชัน และโคตรไกล ให้ความรู้สึกเหมือนมาปีนเขา พร้อมกับแบกกระเป๋าเป้ และสะพายกระเป๋ากล้องใบโตไปด้วย น้ำตาจะไหล T^T และนี่คือทางที่เราขึ้นมา เห็นจุดเริ่มต้นลิบๆตรงโน้นนนมั้ยคะ ณ จุดนี้ ยิ่งกว่าหมาหอบอีกเคอะ!


เดินขึ้นมาแล้วเลี้ยวซ้าย เดินต่ออีกนิด
ลูกไผ่: “นี่ไงงงงพี่ปุ่น ที่พักเรา ถึงแล้วววว เย้!!!!”

คือดีใจมากไง ถ้าลง Cable Car ถูกฝั่งแล้วเดินมาอีกนิดหน่อยก็คงไม่รู้สึกดีใจขนาดนี้ นี่เหมือนแบบไปเดินทางไกลมาแล้วถึงจุดหมายอะไรอย่างนั้น 555
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา check-in เราก็เลยขอฝากกระเป๋าไว้ที่ตู้ locker แล้วก็ออกเดินไปเที่ยวกันก่อน คุณคนดูแลโรงแรมน่ารักมาก พยายามจะให้ข้อมูลกับเรา เค้าก็ถามเราว่าจะไปไหนอะไรยังไง แล้วเราก็จับใจความได้ว่า วันนี้ Hakone Ropeway ปิดไม่ให้บริการจ้า เพราะว่าลมแรง อันตรายเกินไปที่จะเดินทางด้วย Ropeway กำ! เราเลยต้องเลี่ยงจาก Ropeway ลงไปตั้งต้นที่สถานี Gora อีกครั้ง


จากที่พักเดินมาไม่ไกลก็ถึงสถานี Naka-Gora ที่เราลงผิดฝั่ง (ยังจะย้ำ!) Cable Car อาจจะต้องยืนรอกันนานซักหน่อย เพราะเหมือนเขาวิ่งอยู่ขบวนเดียว ขึ้นลง ขึ้นลง ตรงนี้แดดอุ่นๆ มีเจ้าแมวอ้วนตัวใหญ่เบ้อเริ่มนอนอาบแดด ขี้เซามากๆอยู่ตรงนี้


นั่นแหละเพื่อนเค้า คุยกันรู้เรื่อง 555


พักใหญ่ Cable Car ก็วิ่งลงมา เราขึ้นแล้วมาลงที่สถานี Gora อีกครั้ง ที่สถานีนี้คนค่อนข้างพลุกพล่านมากๆ


ตรงนี้มีร้านค้าขายของฝาก และ Hakone Gora Park ที่รอบนี้เราไม่ได้ลองเข้าไป เพราะมี list สถานที่อื่นที่ต้องไปอยู่

ลูกไผ่: “แล้วเราจะไปไหน ยังไงต่อดีละคะนี่”
พี่ปุ่น: “เดี๋ยวลองถามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ดู”

ว่าแล้วเราก็เหลือไปเห็น information center ก็เลยเดินไปดู ตรงนี้มีนักท่องเที่ยวฝรั่งกำลังถามข้อมูลอยู่ เราก็รอก่อน พอเค้าถามเสร็จ เจ้ชาวจีนคนนึงก็เดินพรวดเข้ามาแซงคิวเราเดินเข้าไปถามก่อนเฉยเลยจ้า อ่ะ นี่ 1 ดอกนะ
เราก็รอเจ้ถามเสร็จก็เลยเดินเข้าไปถามต่อ ว่าแล้วเจ้าหน้าที่เค้าก็เอาแผนที่มากาง เป็นเส้นทางรถบัสที่วิ่งรอบ Hakone ซึ่งจะวิ่งผ่านป่าสนและทะเลสาป Ashi ด้วย ด้วยเวลาที่เหลือตอนนี้ เราเลยว่าจะไปเดินสำรวจกันแถบทะเลสาปนี่แหละ ซึ่งเราจะต้องไปต่อคิวรอรถบัสที่ป้ายที่ 1


ก่อนไปยืนรอ แอบเห็นขนมเป็น bun ไส้ถั่วแดงอยู่ในหม้อนึ่ง น่าทานมาก bun อุ่นๆในอากาศหนาวๆอย่างนี้ เราเลยไปซื้อมาชิมลูกนึง ราคาแค่ 80 เยนเอง (23 บาท) อร่อยอ่ะ


ว่าแล้วเราก็มายืนรอรถบัสที่ป้ายที่ 1 ตรงนี้ก็มีชาวต่างชาติมายืนเรียงแถวต่อคิว ระหว่างนี้ อีกแล้วจ้า ครอบครัวเจ้ชาวจีนที่แซงหน้าเข้าไปถามข้อมูลเราก็มาต่อ นางมาเป็นครอบครัวใหญ่จ้า แล้วมีลูกชาย 2 คนที่วิ่งซน เสียงดัง ชนทุกคนที่ยืนรอคิว เรานี่สูดหายใจเข้าหายออกช้าๆ บอกตัวเองใจเย็นๆ คือไม่ดูแลลูกตัวเองเลย น่ารำคาญมาก ยัง! ยังไม่พอแค่นั้น พอรถบัสมา เจ้นั่นก็เดินไปยืนหน้าแถว แซงคิวเลยจ้า แล้วเรียกครอบครัวตัวเองให้ขึ้นก่อน เฮ้ย อย่างนี้ก็ได้เหรออออ???


เรายืนเบียดอยู่ในรถบัสที่มีนักท่องเที่ยวอยู่เต็มคัน แน่นมาก ไม่รู้ว่าเป็นปกติของฮาโกเน่ หรือว่าเรามาในช่วงที่ตรงกับวันที่คนมาท่องเที่ยวเยอะพอดี แล้วเราก็มาลงตรงก่อนจะถึงทะเลสาป 1 ป้าย ตรงนี้มีร้านอาหาร (ซึ่งปิดไปหลายร้านแล้ว) ทำไมปิดเร็วจุง ดูแล้วแถวนี้น่าจะไม่มีร้านค้าอะไรให้เราเดิน เราเลยเดินต่อไปที่ทะเลสาปดีกว่า สิ่งที่เราพบที่นี่คือ มันหนาวมากกกกก หนาวแบบแทบทนไม่ได้ เพราะวันนี้ลมแรงมากด้วย และอาจจะด้วยชุดเราที่ใส่มาแบบไม่ได้คิดว่าฮาโกเน่จะหนาวขนาดนี้


จริงๆริมทะเลสาปบรรยากาศดีมากค่ะ เหมาะแก่การเดินเล่น หรือนั่งกินลมชมวิวริมทะเลสาป แต่ไม่ใช่ในวันที่ลมแรง หนาวสะท้านอย่างงี้!!!!


ถนนหน้าทะเลสาปมีต้นสนต้นสูงใหญ่มากกกปลูกเรียงกันอยู่ เหมาะแก่การถ่ายรูปมากๆ (แต่ระวังๆรถกันหน่อยนะคะ)

ชื่อสินค้า:   Hakone
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่