ตั๋วครู หรือใบประกอบวิชาชีพครู เป็นสิ่งที่ครูในระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคนต้องมี ระบบการศึกษาขั้นพื้นฐานนี้ หมายถึง ประถม มัธยม และอาชีวศึกษา (ยกเว้นสถาบันอาชีวศึกษาเอกชนอาจอนุโลมได้) ส่วนระดับอุดมศึกษาไม่จำเป็นต้องมี
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่อาชีพครู
ควรเปิดโอกาสให้คนที่เก่งจริง ๆ เข้ามาทำอาชีพนี้ ไม่ใช่ว่าสอบอะไรไม่ได้ก็มาเป็นครู สุดท้ายแล้วคนไทยก็ได้ครูคุณภาพแบบนี้ออกมาสอนลูกสอนหลาน
นี่หนะหรือครูคุณภาพของกระทรวงศึกษา ที่ถือตั๋วครู ที่ภูมิใจหนักหนาว่าเป็นบัณฑิตที่วิเศษวิโสมากกว่าบัณฑิตสาขาอื่น ด้วยการเรียนมากกว่าคนอื่น 1 ปี (ฝึกสอน) เพียบพร้อมแล้วทุกอย่างว่าสามารถเป็นครูได้ ส่วนพวกแกที่จบสาขาอื่น ๆ เป็นครูไม่ได้นะ เพราะไม่ได้เรียนวิชาชีพครูมา
ระหว่างคนจบคณิตศาสตร์โดยตรงกับจบสายการสอนที่เรียนวิชาชีพทางคณิตศาสตร์นิดเดียวใครจะเก่งกว่า การเรียนศาสตร์ครูแค่ 4 ปีมันบ่มเพาะสมรรถนะด้านนี้ไม่ได้ดอก ต้องเกิดจากตัวของเด็กเอง
ดูตัวอย่างติวเตอร์ต่าง ๆ ก็ได้ จบสายครูมากันไหม ทำไมเขาจึงสอนได้เข้าใจมากกว่าเรียนกับครูที่ถือตั๋วครูในโรงเรียนอีก
อย่าลืมนะว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้นสำคัญมาก
เพราะหากสอนผิดแล้วเด็กอาจจำไปตลอดชีวิต เช่นกรณีนี้
นี่เหรอคนที่เรียนศาสตร์การสอนมาแล้ว แต่สะเพร่า ชุ่ย และไม่มีความรับผิดชอบ ในความเป็นจริงแล้ว ระยะเวลาแค่ 4 ปี (บวกฝึกสอนอีก 1 ปี) มันไม่สามารถหล่อหลอมเปลี่ยนกมลสันดานของเด็กที่อายุ 20 ปีกว่าแล้วได้ดอก
คนที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูจริง ๆ มันเกิดโดยธรรมชาติ ของแบบนี้ไม่ต้องให้ใครมาสอน
ผมพูดได้ เพราะผมเองก็อยู่ในระบบการศึกษาเหมือนกัน แต่เป็นระดับอุดมศึกษา ที่ผู้สอนไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ แต่ผมก็เห็นมามากแล้วว่า
คนเก่งเหล่านี้ มีจิตวิญญาณ มีทักษะ มีความสามารถ รวมถึง
มีเทคนิคการสอนที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง เพื่อสั่งสอนนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยได้ โดยไม่ต้องเรียนวิชาชีพที่เกี่ยวกับครูเลยสักนิด
เนื้อหายากกว่าการสอนบวกลบเลขพื้นฐานแบบนี้หลายร้อยเท่า เขายังสอนให้มันดูง่ายได้ และหลายคนยังมีจรรยาบรรณวิชาชีพ มากกว่าคนที่กระทรวงศึกษายกหางว่าถือตั๋วครูเสียอีก
ดูตัวอย่างครูที่มีคดีเรื่องหวยก็ได้
หลายคนอาจจะไม่ทราบ ว่ามีผู้ได้ประโยชน์จากตั๋วครูนี้ แต่คนที่ได้ประโยชน์นี้ กลับไม่ใช่นักเรียน แต่เป็นกระทรวงศึกษา! ที่เก็บค่าต๋งจากการต่อใบประกอบวิชาชีพของครู ด้วยเกรงว่าหากเปิดให้ใครมาสอบก็ได้แล้ว
ตั๋วครูที่กระทรวงศึกษาเก็บค่าต๋งเพื่อต่ออายุ ก็จะไม่มีความหมาย สุดท้ายก็ไม่จำเป็นต้องเรียนสายครูก็ได้ รายได้ตรงนี้ก็จะหายไปสิ้น ...ท่านลองคิดดูในครูอยู่ในระบบกี่แสนคน
มันเป็นความจริงมานานแล้วว่า
สอบอะไรไม่ได้ก็สอบเข้าสายครูแล้วกัน เพราะส่วนใหญ่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สาขาวิชาประเภทนี้ มักจะมีคะแนนสอบเข้าต่ำมาโดยตลอด แม้ว่าในปัจจุบันบางสาขาจะมีคะแนนเพิ่มสูงขึ้นมาก
แต่ก็เป็นเฉพาะในมหาวิทยาลัยชั้นนำเท่านั้น แต่ใน
สถาบันการศึกษาที่มีหลายร้อยพื้นที่กระจายทั่วไปในประเทศไทย ยังคงมีคะแนนต่ำอยู่
เมื่อต้นทุนคุณภาพต่ำ ไฉนเลยจะผลิตผลิตผลคุณภาพสูงออกมาได้ นี่ยังไม่นับว่า มีตำแหน่งบรรจุน้อยกว่าจำนวนบัณฑิตที่จบมาหลายร้อยหลายพันเท่า เรียกได้ว่า แม้จะอาชีพที่ต้องการคนจบเฉพาะทาง แต่มหาวิทยาลัยก็ผลิตเกินความต้องการทุกปีแบบไม่มีขีดจำกัด
ผมยังนึกสังเวชไม่หาย ที่ผู้สมัครสอบครูคืนถิ่นขอให้ลดคะแนนสอบ TOEIC ซึ่งเป็นมาตรฐานการสอบวัดทักษะด้านภาษาอังกฤษที่เรียกว่าง่ายที่สุดแล้วก็ว่าได้เมื่อเทียบกับมาตรฐานอื่น จาก 400 เหลือ 250! ซึ่งคะแนน 250 นี่เด็กมัธยมปลายธรรมดา ๆ ก็สอบได้แล้ว
นี่ขนาดยังไม่ได้มาเป็นครูนะ ยังมีทัศนคติแบบนี้ แถมยังกีดกันคนเก่งไม่ให้มาเป็นด้วยตั๋วบ้า ๆ บอ ๆ ที่ไม่ได้พิสูจน์เลยว่า คน ๆ นั้นมีความพร้อมจะเป็นครูจริงหรือเปล่า
ฤๅกระบวนการทำให้คนไทยโง่มีอยู่จริง?
จากเหตุการณ์โจ้และจอย ...ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ควรยกเลิกตั๋วครู?
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่อาชีพครู ควรเปิดโอกาสให้คนที่เก่งจริง ๆ เข้ามาทำอาชีพนี้ ไม่ใช่ว่าสอบอะไรไม่ได้ก็มาเป็นครู สุดท้ายแล้วคนไทยก็ได้ครูคุณภาพแบบนี้ออกมาสอนลูกสอนหลาน นี่หนะหรือครูคุณภาพของกระทรวงศึกษา ที่ถือตั๋วครู ที่ภูมิใจหนักหนาว่าเป็นบัณฑิตที่วิเศษวิโสมากกว่าบัณฑิตสาขาอื่น ด้วยการเรียนมากกว่าคนอื่น 1 ปี (ฝึกสอน) เพียบพร้อมแล้วทุกอย่างว่าสามารถเป็นครูได้ ส่วนพวกแกที่จบสาขาอื่น ๆ เป็นครูไม่ได้นะ เพราะไม่ได้เรียนวิชาชีพครูมา
ระหว่างคนจบคณิตศาสตร์โดยตรงกับจบสายการสอนที่เรียนวิชาชีพทางคณิตศาสตร์นิดเดียวใครจะเก่งกว่า การเรียนศาสตร์ครูแค่ 4 ปีมันบ่มเพาะสมรรถนะด้านนี้ไม่ได้ดอก ต้องเกิดจากตัวของเด็กเอง ดูตัวอย่างติวเตอร์ต่าง ๆ ก็ได้ จบสายครูมากันไหม ทำไมเขาจึงสอนได้เข้าใจมากกว่าเรียนกับครูที่ถือตั๋วครูในโรงเรียนอีก
อย่าลืมนะว่าการศึกษาขั้นพื้นฐานนั้นสำคัญมาก เพราะหากสอนผิดแล้วเด็กอาจจำไปตลอดชีวิต เช่นกรณีนี้ นี่เหรอคนที่เรียนศาสตร์การสอนมาแล้ว แต่สะเพร่า ชุ่ย และไม่มีความรับผิดชอบ ในความเป็นจริงแล้ว ระยะเวลาแค่ 4 ปี (บวกฝึกสอนอีก 1 ปี) มันไม่สามารถหล่อหลอมเปลี่ยนกมลสันดานของเด็กที่อายุ 20 ปีกว่าแล้วได้ดอก คนที่มีจิตวิญญาณความเป็นครูจริง ๆ มันเกิดโดยธรรมชาติ ของแบบนี้ไม่ต้องให้ใครมาสอน
ผมพูดได้ เพราะผมเองก็อยู่ในระบบการศึกษาเหมือนกัน แต่เป็นระดับอุดมศึกษา ที่ผู้สอนไม่ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ แต่ผมก็เห็นมามากแล้วว่า คนเก่งเหล่านี้ มีจิตวิญญาณ มีทักษะ มีความสามารถ รวมถึง มีเทคนิคการสอนที่เขาคิดค้นขึ้นมาเอง เพื่อสั่งสอนนักศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยได้ โดยไม่ต้องเรียนวิชาชีพที่เกี่ยวกับครูเลยสักนิด
เนื้อหายากกว่าการสอนบวกลบเลขพื้นฐานแบบนี้หลายร้อยเท่า เขายังสอนให้มันดูง่ายได้ และหลายคนยังมีจรรยาบรรณวิชาชีพ มากกว่าคนที่กระทรวงศึกษายกหางว่าถือตั๋วครูเสียอีก ดูตัวอย่างครูที่มีคดีเรื่องหวยก็ได้
หลายคนอาจจะไม่ทราบ ว่ามีผู้ได้ประโยชน์จากตั๋วครูนี้ แต่คนที่ได้ประโยชน์นี้ กลับไม่ใช่นักเรียน แต่เป็นกระทรวงศึกษา! ที่เก็บค่าต๋งจากการต่อใบประกอบวิชาชีพของครู ด้วยเกรงว่าหากเปิดให้ใครมาสอบก็ได้แล้ว ตั๋วครูที่กระทรวงศึกษาเก็บค่าต๋งเพื่อต่ออายุ ก็จะไม่มีความหมาย สุดท้ายก็ไม่จำเป็นต้องเรียนสายครูก็ได้ รายได้ตรงนี้ก็จะหายไปสิ้น ...ท่านลองคิดดูในครูอยู่ในระบบกี่แสนคน
มันเป็นความจริงมานานแล้วว่า สอบอะไรไม่ได้ก็สอบเข้าสายครูแล้วกัน เพราะส่วนใหญ่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน สาขาวิชาประเภทนี้ มักจะมีคะแนนสอบเข้าต่ำมาโดยตลอด แม้ว่าในปัจจุบันบางสาขาจะมีคะแนนเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ก็เป็นเฉพาะในมหาวิทยาลัยชั้นนำเท่านั้น แต่ในสถาบันการศึกษาที่มีหลายร้อยพื้นที่กระจายทั่วไปในประเทศไทย ยังคงมีคะแนนต่ำอยู่
เมื่อต้นทุนคุณภาพต่ำ ไฉนเลยจะผลิตผลิตผลคุณภาพสูงออกมาได้ นี่ยังไม่นับว่า มีตำแหน่งบรรจุน้อยกว่าจำนวนบัณฑิตที่จบมาหลายร้อยหลายพันเท่า เรียกได้ว่า แม้จะอาชีพที่ต้องการคนจบเฉพาะทาง แต่มหาวิทยาลัยก็ผลิตเกินความต้องการทุกปีแบบไม่มีขีดจำกัด
ผมยังนึกสังเวชไม่หาย ที่ผู้สมัครสอบครูคืนถิ่นขอให้ลดคะแนนสอบ TOEIC ซึ่งเป็นมาตรฐานการสอบวัดทักษะด้านภาษาอังกฤษที่เรียกว่าง่ายที่สุดแล้วก็ว่าได้เมื่อเทียบกับมาตรฐานอื่น จาก 400 เหลือ 250! ซึ่งคะแนน 250 นี่เด็กมัธยมปลายธรรมดา ๆ ก็สอบได้แล้ว
นี่ขนาดยังไม่ได้มาเป็นครูนะ ยังมีทัศนคติแบบนี้ แถมยังกีดกันคนเก่งไม่ให้มาเป็นด้วยตั๋วบ้า ๆ บอ ๆ ที่ไม่ได้พิสูจน์เลยว่า คน ๆ นั้นมีความพร้อมจะเป็นครูจริงหรือเปล่า
ฤๅกระบวนการทำให้คนไทยโง่มีอยู่จริง?