คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ผมไม่เห็นด้วยจะให้คนสาขาอื่นมาสอบครับถ้าไม่จบ ป.บัณฑิต หรือผ่านการเรียนด้านครูมาครับ ไม่ใช่เพราะกลัวคนมาสอบแข่งหรอกครับ เพราะวิชาครูยังไงครูก็ได้เปรียบ
แต่ที่สำคัญคือการสอนครับ ถ้าไม่ได้จบครูหรือผ่านการเรียนด้านครูได้ฝึกได้เรียนรู้วิธีการสอนมาเนี่ย ครูจะมีคุณภาพได้อย่างไร คนจะเป็นหมอก็ต้องจบหมอเพราะมันเป็นวิชาเฉพาะ จะเป็นวิศวกร ก็ต้องจบวิศวกรมาเพราะมันต้องเรียนวิชาเฉพาะ ต้องมีความชำนาญ มีการฝึกฝนเรียนรู้เฉพาะสายจะได้ไม่ผิดพลาด
แล้วทำไมพอจะเป็นครูถึงคิดว่าเอาใครมาก็ได้ล่ะครับ การมาอบรมทีหลังมันสมควรเหรอครับมันจะพร้อมเหรอครับ เอาเด็กนักเรียนมาให้ครูทดลองสอนกันจากการอบรมเล็กน้อยเหรอครับ ถามหน่อยว่าประเทศที่การศึกษาเขาเจริญ เขาเปิดให้คนไม่ได้เรียนครูมาโดยตรงแบบนี้ไหมครับมีขั้นตอนอย่างไร
เพราะว่าการสอน การถ่ายทอดวิชาความรู้นั้นน่ะ ต่อให้เรียนเก่งความรู้เยอะ มันก็ต้องถ่ายทอดเป็นด้วยครับถ้าถ่ายทอดไม่เป็นเนี่ย จบครับ รู้ 100 ถ่ายทอดได้ 10 กับรู้ 80 ถ่ายทอดได้ 60 คนไหนล่ะที่สามารถให้ความรู้ได้ดีกว่ากัน
และเรื่องการถ่ายทอดความรู้นั้นต้องอาศัยความชำนาญ การฝึกฝนมานะครับ ความรู้เฉพาะสายถ้าเรียนมานั้น มันเพิ่มเติมได้ครับ แต่การสอนเนี่ยถ้าไม่ได้เรียนมาเลยจะถ่ายทอดให้ดีได้อย่างไร
ผมจึงเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับว่าอย่าเอาหมอ หรือสาขาอาชีพอื่นมาเป็นผู้บริหารครูเลย เพราะเขาไม่รู้ปัญหาว่ามันเกิดอะไรกับวงการศึกษาครับ นโยบายอะไรที่ออกมา ไม่เคยมีคุณค่ามีประโยชน์อะไรกับการศึกษาไทยเลยแม้แต่น้อย ออกมาแต่ละอย่าง สร้างแต่ภาระ แล้วไม่แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดสักนิด เอาตรงๆ คือ ไม่มีประโยชน์เลยครับสร้างแต่ปัญหาจริงๆ
แต่ที่สำคัญคือการสอนครับ ถ้าไม่ได้จบครูหรือผ่านการเรียนด้านครูได้ฝึกได้เรียนรู้วิธีการสอนมาเนี่ย ครูจะมีคุณภาพได้อย่างไร คนจะเป็นหมอก็ต้องจบหมอเพราะมันเป็นวิชาเฉพาะ จะเป็นวิศวกร ก็ต้องจบวิศวกรมาเพราะมันต้องเรียนวิชาเฉพาะ ต้องมีความชำนาญ มีการฝึกฝนเรียนรู้เฉพาะสายจะได้ไม่ผิดพลาด
แล้วทำไมพอจะเป็นครูถึงคิดว่าเอาใครมาก็ได้ล่ะครับ การมาอบรมทีหลังมันสมควรเหรอครับมันจะพร้อมเหรอครับ เอาเด็กนักเรียนมาให้ครูทดลองสอนกันจากการอบรมเล็กน้อยเหรอครับ ถามหน่อยว่าประเทศที่การศึกษาเขาเจริญ เขาเปิดให้คนไม่ได้เรียนครูมาโดยตรงแบบนี้ไหมครับมีขั้นตอนอย่างไร
เพราะว่าการสอน การถ่ายทอดวิชาความรู้นั้นน่ะ ต่อให้เรียนเก่งความรู้เยอะ มันก็ต้องถ่ายทอดเป็นด้วยครับถ้าถ่ายทอดไม่เป็นเนี่ย จบครับ รู้ 100 ถ่ายทอดได้ 10 กับรู้ 80 ถ่ายทอดได้ 60 คนไหนล่ะที่สามารถให้ความรู้ได้ดีกว่ากัน
และเรื่องการถ่ายทอดความรู้นั้นต้องอาศัยความชำนาญ การฝึกฝนมานะครับ ความรู้เฉพาะสายถ้าเรียนมานั้น มันเพิ่มเติมได้ครับ แต่การสอนเนี่ยถ้าไม่ได้เรียนมาเลยจะถ่ายทอดให้ดีได้อย่างไร
ผมจึงเห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ครับว่าอย่าเอาหมอ หรือสาขาอาชีพอื่นมาเป็นผู้บริหารครูเลย เพราะเขาไม่รู้ปัญหาว่ามันเกิดอะไรกับวงการศึกษาครับ นโยบายอะไรที่ออกมา ไม่เคยมีคุณค่ามีประโยชน์อะไรกับการศึกษาไทยเลยแม้แต่น้อย ออกมาแต่ละอย่าง สร้างแต่ภาระ แล้วไม่แก้ไขปัญหาได้ตรงจุดสักนิด เอาตรงๆ คือ ไม่มีประโยชน์เลยครับสร้างแต่ปัญหาจริงๆ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ที่จะไล่หมอออกนี่ เห็นแก่ประโยชน์ของชาติ หรือเห็นแก่ตัวเองเป็นสำคัญครับ?
ผมเองเป็นข้าราชการครู เป็นเด็กศึกษาศาสตร์เหมือนก้น พูดเลยว่าไม่กล้วคนจากสาขาอื่นมาสอบแย่งครับ ถ้าเราเก่งจริงจะกลัวอะไร ทุกวันนี้คนคณะอื่นก็มาสอบได้ผ่านการเรียน ป.บัณฑิต ผมก็เห็นเด็กศึกษาศาสตร์ครุศาสตร์เก่งๆ ก็สอบชนะคนคณะอื่นได้ตั้งมากมาย จริงๆ เราต้องใจกว้างๆ ด้วยซ้ำ อยากให้คนเก่งๆ มาเป็นครู มาร่วมกันพัฒนาการศึกษาของชาติ มากกว่าปกป้องคนคณะเดียวก้นที่ไม่เก่ง แล้วมาทำลายการศึกษาของชาติ ก็ถ้าเก่งจริงก็ไม่ต้องกล้วสอบไม่ติด ผมเป็นคนจบศึกษาศาสตร์ที่สนับสนุนให้คนนอกสาขาเข้ามาเป็นครูอยู่ตลอด เพราะเห็นแก่ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นเป็นส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน
เรื่องคนนอกสาขาเข้ามาสอบได้เลยโดยไม่ต้องมีใบ เอาจริงๆ ผมว่าคนจบครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์โดยตรงได้เปรียบกว่าด้วยซ้ำ ตรงที่ได้เรียนวิชาครูมาโดยตรง ภาค ข วิชาการศึกษานี่สบายเลย แล้วจะไปกลัวอะไรกับคนที่ไม่ได้จบศึกษาศาสตร์โดยตรง นอกจากว่าคุณรู้ตัวว่าอ่อนด๋อย ไม่เก่งจริง
เรื่องภาษาอังกฤษ ผมไม่เคยกลัวเลย มั่นใจว่าสอบวัดระดับภาษาอังกฤษต่างๆ คะแนนไม่ขี้เหร่แน่นอน เพราะภาษาอังกฤษควรจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของโลกทุกวันนี้ได้แล้ว เวลาอ่าน text ภาษาอังกฤษจะได้ไม่เป็นอุปสรรค เปิดโลกกว้างให้ตนเองไม่อยู่ในกรอบแคบๆ ที่ภาษาไทยมีให้อ่าน ...อ่อ ผมเป๋นครูกลุ่มสาระอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะครับ
ส่วนเรื่องการพัฒนาตน อันนี้เป็นครูก็ต้องพัฒนาตนเองอยู่แล้วล่ะครับ ภาษาอังกฤษมันพัฒนากันได้แต่ไม่ใช่มีทัศนคติที่ต่อต้านการพัฒนาตนเองแต่ต้น จริงที่ว่าไม่มีใครเก่งทุกด้าน แต่ภาษาอังกฤษถือเป็นความรู้และทักษะพื้นฐานที่ควรต้องมีและจำเป็นครับ อย่างน้อยไม่ได้สอนภาษาอังกฤษ แต่เป็นผู้ที่อ่านได้ สื่อสารได้ เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้ตนเอง ก็นับว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่จำเป็น
ถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับหมอในหลายๆ เรื่อง แต่อ่านข้อความของคุณ จขกท. ก็สัมผัสได้ถึงทัศนคติที่คิดแต่ตัวเองเป็นสำคัญ เอาโลกหมุนรอบตนเอง ทัศนคติแบบนี้ผมกลัวใจเหลือเกินว่ามาจากเด็กเรียนครูจริงๆ หรือนี่
ผมเองเป็นข้าราชการครู เป็นเด็กศึกษาศาสตร์เหมือนก้น พูดเลยว่าไม่กล้วคนจากสาขาอื่นมาสอบแย่งครับ ถ้าเราเก่งจริงจะกลัวอะไร ทุกวันนี้คนคณะอื่นก็มาสอบได้ผ่านการเรียน ป.บัณฑิต ผมก็เห็นเด็กศึกษาศาสตร์ครุศาสตร์เก่งๆ ก็สอบชนะคนคณะอื่นได้ตั้งมากมาย จริงๆ เราต้องใจกว้างๆ ด้วยซ้ำ อยากให้คนเก่งๆ มาเป็นครู มาร่วมกันพัฒนาการศึกษาของชาติ มากกว่าปกป้องคนคณะเดียวก้นที่ไม่เก่ง แล้วมาทำลายการศึกษาของชาติ ก็ถ้าเก่งจริงก็ไม่ต้องกล้วสอบไม่ติด ผมเป็นคนจบศึกษาศาสตร์ที่สนับสนุนให้คนนอกสาขาเข้ามาเป็นครูอยู่ตลอด เพราะเห็นแก่ประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นเป็นส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน
เรื่องคนนอกสาขาเข้ามาสอบได้เลยโดยไม่ต้องมีใบ เอาจริงๆ ผมว่าคนจบครุศาสตร์ศึกษาศาสตร์โดยตรงได้เปรียบกว่าด้วยซ้ำ ตรงที่ได้เรียนวิชาครูมาโดยตรง ภาค ข วิชาการศึกษานี่สบายเลย แล้วจะไปกลัวอะไรกับคนที่ไม่ได้จบศึกษาศาสตร์โดยตรง นอกจากว่าคุณรู้ตัวว่าอ่อนด๋อย ไม่เก่งจริง
เรื่องภาษาอังกฤษ ผมไม่เคยกลัวเลย มั่นใจว่าสอบวัดระดับภาษาอังกฤษต่างๆ คะแนนไม่ขี้เหร่แน่นอน เพราะภาษาอังกฤษควรจะเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของโลกทุกวันนี้ได้แล้ว เวลาอ่าน text ภาษาอังกฤษจะได้ไม่เป็นอุปสรรค เปิดโลกกว้างให้ตนเองไม่อยู่ในกรอบแคบๆ ที่ภาษาไทยมีให้อ่าน ...อ่อ ผมเป๋นครูกลุ่มสาระอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษนะครับ
ส่วนเรื่องการพัฒนาตน อันนี้เป็นครูก็ต้องพัฒนาตนเองอยู่แล้วล่ะครับ ภาษาอังกฤษมันพัฒนากันได้แต่ไม่ใช่มีทัศนคติที่ต่อต้านการพัฒนาตนเองแต่ต้น จริงที่ว่าไม่มีใครเก่งทุกด้าน แต่ภาษาอังกฤษถือเป็นความรู้และทักษะพื้นฐานที่ควรต้องมีและจำเป็นครับ อย่างน้อยไม่ได้สอนภาษาอังกฤษ แต่เป็นผู้ที่อ่านได้ สื่อสารได้ เพื่อเปิดโลกทัศน์ให้ตนเอง ก็นับว่าภาษาอังกฤษเป็นเรื่องที่จำเป็น
ถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับหมอในหลายๆ เรื่อง แต่อ่านข้อความของคุณ จขกท. ก็สัมผัสได้ถึงทัศนคติที่คิดแต่ตัวเองเป็นสำคัญ เอาโลกหมุนรอบตนเอง ทัศนคติแบบนี้ผมกลัวใจเหลือเกินว่ามาจากเด็กเรียนครูจริงๆ หรือนี่
แสดงความคิดเห็น
อนาคตของคนเรียนครู5 ปี มืดแปดด้านกับนโยบายคุณหมอ
คือเรียนครูมา5ปี แล้วรู้สึกท้อแท้มากกับอาชีพที่ตัวเองใฝ่ใันไว้ นโยบายรายวันรายเดือน เปลี่ยนโน้นนี่นั่น ท่านไม่เข้าใจเหรอว่าคนที่เลือกเรียนครูมา5ปี เขามีใจรักวิชาชีพนี้ เขาอดทนเรียนเพื่อจะเป็นราชการครู แต่นี่ท่านมาบริหารงานแบบนี้ เรียนมาตั้งนานแต่ให้สอบเอาใบประกอบวิชาชีพ ไม่ต้องเรียนครูมาสอบได้แล้วค่อยไปอบรม ครูต้องมีคุณภาพเปลี่ยนเกณฑ์สอบครูเลย ครูต้องเก่งถึงจะสอนนักเรียนให้เก่งดั่งความต้องการของยุค 4.0 ต้องสอบ คณิต ภาษาไทยผ่าน 60% นะ ภาษาอังกฤษต้องผ่าน 50%(เฮ้ยยย คุณหมอ คุณคิดอะไรอยู่)
ตรรกะที่ว่า จะไปเป็นครูก็ต้องพัฒนาตัวเองสิ! ภาษาอังกฤษมันจำเป็นกับยุคปัจจุบันนะถ้าคะแนนแค่นี้ทำไม่ได้จะเป็นครูทำไม! โหหหห คุณคนเก่งคะ ไม่ทราบว่าคุณเก่งทุกด้านเลยหรือเปล่า ถ้าหากเขาเก่งอังกฤษเขาคงไปเรียนสาขาภาษาอังกฤษแล้วค่ะ
มันเหมือนผลักให้เราต้องไปแสวงหาความรู้เพิ่มความสามารถด้วยตัวเอง ถ้าทำไมไม่ได้ก็ไม่สมควรเป็นครูแบบนี้เหรอ เราศึกษามาในระบบการศึกษาไทย ที่มีหลักสูตรเรียน 8 สาระ ตั้งแต่ประถมยันมัธยม ถามว่าภาษาอังกฤษเราได้อะไรบ้างจากการเรียนในชั้นเรียน อย่าบอกว่าเราไม่รู้จักแสวงหาความรู้เอง เห็นมั้ยคนอื่นยังเรียนได้เลย เราไม่ตั้งใจเรียนเองไม่นอมพัฒนาตัวเอง หยุดความคิดนั้นเลยค่ะ ไม่มีใครเก่งทุกด้านค่ะ แล้วการประกอบอาชีพแต่ละอาชีพนั้นเรามีความรู้และความเชี่ยวชาญในสิ่งที่เราเรียนเราถนัดเท่านั้น มีมั้ยเรียนครูมาแล้วสอนวิชาแพทย์ เรียนจบครูอังกฤษแล้วสอนภาษาไทย อาจสอนได้แต่คงไม่ดีเท่าคนที่เก่งในสาขานั้น จะให้คนจบสาขาสังคม พละ ภาษาไทย มาสอบภาษาอังกฤษให้ผ่าน คุณผลักปัญหาให้คนเรียนครูมากไปมั้ย ที่การศึกษาไทยตกต่ำมันเป็นเพราะครูไม่มีคุณภาพจริงเหรอ? ไม่ใช่เพราะว่านโยบายรายวัน รายเดือนของคุณผู้มีอำนาจเหรอ? ไม่ใช่เพราะนักเรียนไม่ตั้งใจเรียนเหรอ? ไม่ใช่เพราะหลักสูตรที่ไม่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันเหรอ? ทำไมต้องผลักปัญหาให้คนเรียนครูล่ะ
ขอวอนนายกรัฐมนตรีคนต่อไป กรุณาอย่าเอาหมอ หรือคนที่ไม่ใช่ครูมาบริหารงานของครูเลยค่ะ มันไม่ได้ช่วยให้การศึกษามันดีขึ้น มันมีแต่ดิ่งลง
นโยบายรายวันรายเดือนนี่อีก กรุณาทำไปทีละนโยบาย ควรมีการวิจัยการนำมาใช้ว่ามีผลดีผลเสียอย่างไร สามารถนำมาปฏิบัติได้จริงหรือไม่ เพราะงบประมาณที่ใช้ไปมันเยอะมากค่ะ กรุณาทบทวนผลกระทบต่างๆด้วย แล้วสุดท้ายกรุณาออกจากรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการแล้วให้ครูที่มีความรู้ความสามารถมาดำรงตำแหน่งแทนด้วยค่ะ