สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวทีวีกระทู้ที่ 2 ในเว็บไซต์พันทิพ
เหมือนเดิมครับ หากมีข้อผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วย

เอาละมาเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
แต่ว่าก่อนอื่นก็ขอเกริ่นก่อนน่ะครับ ว่าทีวี Fleds LED Digital TV 32 นิ้วตัวนี้ได้มาจากกิจกรรม หั่นราคา จากเว็บไซต์ Lazada ที่จัดขึ้นในวันที่ 06 กันยายน 2561 ถึง วันที่ 09 กันยายน 2561 เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมลดราสินค้า 9.9 ซึ่งแน่นอนกิจกรรมนี้ผ่านมาแล้ว

ซึ่งทีวี Fleds LED Digital TV 32 นิ้วตัวนี้ ผมได้มาจากกิจกรรมวันที่ 08 กันยายน 2561 ในราคา 32 บาท + ค่าจัดส่ง 135 บาท = 167 บาท ถือว่าคุ้มมาก


ยังไงต้องขอขอบคุณกิจกรรมดีๆจากทาง Lazada ในครั้งนี้ด้วยครับ
อยากให้จัดกิจกรรมแบบนี้บ่อยๆ 555


สำหรับราคาค่าตัวทีวีในราคาปกติอยู่ที่ประมาณ 3990 - 4500 บาท ไม่เกินนี้
ใครหาราคาได้ถูกกว่านี้ก็โอเคครับ ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่นในช่วงเวลานั้นๆ ด้วย

เอาละได้เวลาเข้าเรื่องกันแล้ว




เริ่มกันที่กล่องบรรจุทีวีกันเลยดีกว่า หน้าตาก็จะประมาณนี้เลย
มีสติกเกอร์ "น้องดูดี" มาสคอตดิจิตอลทีวีของทาง กสทช. ที่หน้ากล่อง เพื่อแสดงให้เห็นว่าทีวีเครื่องนี้รับรองดิจิตอลทีวีในตัวเอง โดยไม่ต้องใช้กล่อง set top box ใดๆ ทั้งสิ้น

ข้างกล่องมีสติกเกอร์ ยี้ห้อ FLEDS และ Model รุ่น // ที่สำคัญผลิตในประเทศไทย MADE IN THAILAND



คราวนี้ได้เวลามาดูพระเอกของเราแล้ว

มีโลโก้ FLEDS อยู่ด้าล่างขอบจอตรงกลาง ก็เหมือนกับทีวียีห้ออื่น

มาดูด้านหลังเครื่องของทีวีตัวนี้ ก็จะประมาณนี้

มีโลโก้ตราประทับของทาง กสทช เรียบร้อย

มาดูด้านซ้ายของทีวี (ถ้ามองจากหลังเครื่อง) จะพบกับปุ่มควบคุมต่างๆ ดังนี้

ส่วนลำโพงของทีวีตัวนี้ จะอยู่ด้านหลังของทีวี ทั้ง ซ้ายและขวา และกระจายเสียงออกทางด้านหลัง การออกแบบลำโพงแบบนี้ น่าจะเหมาะกับการวางทีวีใกล้ๆ ผนังของบ้าน เพื่อให้เสียงของลำโพงสะท้อนเข้าผนังและสะท้อนกลับมายังผู้ชม (เดาล้วนๆ ผิดถูกยังไงต้องขออภัยด้วย 555)



ต่อไป มาดูพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อต่างๆ ซึ่งก็ถือว่ามีมาให้อย่างครบสมบูรณ์


โดยรวมก็จะจัดเรียงพอร์ตสำหรับการเชื่อมต่อต่างๆ ประมาณนี้
ประกอบไปด้วย
.
.
.

ประกอบไปด้วย
.
.
.



เอาละได้เวลาเปิดทีวีกันแล้ว เปิดมาจะพบกับโลโก้ของ FLEDS ขึ้นที่หน้าจอเลย (เหมือนๆกับทีวีอื่นๆ นั้นแหละ)


ส่วนนี้เป็นรีโมทของทีวี

มาดูเมนู "สัญญาณป้อนเข้า"
ก็จะมีให้เลือกตามพอร์ตการเชื่อมต่อต่างๆ เลย
ไม่ว่าจะเป็น
- DTV สำหรับดูทีวีในระบบดิจิตอลทีวี
- ATV สำหรับดูทีวีในระบบอนาล็อกทีวี
- AV สำหรับนำเข้าภาพเสียงสัญญาณระบบ AV (สาย ขาว เหลือง แดง)
- YPBPR
- HDMI 1 สำหรับนำเข้าภาพเสียงสัญญาณระบบ HDMI
- HDMI 2 สำหรับนำเข้าภาพเสียงสัญญาณระบบ HDMI
- HDMI 3 สำหรับนำเข้าภาพเสียงสัญญาณระบบ HDMI
- PC น่าจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต VGA (สีน้ำเงิน)
- USB สำหรับเปิดไฟล์ ภาพ เพลง ภาพยนตร์ ผ่าน USB

ต่อไป มาดูในส่วนของดิจิตอลทีวีกันดีกว่า
เมนูสำหรับแสดงช่องต่างๆ

เมนูแสดงข้อมูลของรายการช่องที่เราเลือกดู ในขณะนี้

สำหรับการกดหมายเลขช่องที่เราต้องการดู ก็แสดงชัดเจ่นดีที่ด้านบนซ้ายของทีวี

สำหรับการเลือกช่องที่ต้องการดูจากเมนุแสดงช่องต่างๆ หรือ จะเป็นจากการกดหมายเลขช่อง เมื่อเลือกเสร็จจะขึ้นข้อมูลของช่องที่เราเลือกดังนี้


มีฟังก์ชั่นผังรายการทีวีต่างๆ มาให้ใช้งาน ซึ่งฟังก์ชั่นนี้รับรองการใช้งานบนดิจิตอลทีวีเท่านั้น
การเรียกใช้งานก็เพียง กดปุ่ม EPG ที่รีโมททีวีได้เลย


สำหรับเมนูการตั้งค่าต่างๆของทีวี ก็จะมีหลักๆ อยู่ 5 เมนูด้วยกัน ตามรูปภาพเลย

เมนูเกี่ยวกับการตั้งค่า ภาพ
เมนูด้านเสียง
เมนูเกี่ยวกับการค้นหาช่องสัญญาณของ DTV และ ATV
เมนูการตั้งค่าภาพของทีวี
เมนูการตั้งค่าระบบต่างๆ รวมถึงการรีเซต (คืนค่าโรงงาน) ของทีวีด้วย

สำหรับเมนูการตั้งค่าต่างๆ ของทีวีก็มีประมาณนี้ครับ



ต่อมาเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะต้องรีวิว คือ การเปิดไฟล์ ภาพ เพลง ภาพยนตร์ ผ่าน USB
เริ่มแรกแน่นอนว่าต้องเสียบ USB เข้าที่หลังเครื่องของทีวีได้เลย

จากนั้นกดปุ่ม SOURCE ทีรีโมททีวีของเราได้เลย แล้วเลือกไปที่เมนู USB จากนั้นจะพบกับเมนูดังนี้

ในที่นี้ขอเลือกเอามาให้ดูเฉพาะโหมดเล่น "ภาพยนตร์" แล้วกันน่ะครับ
คราวนี้ก็มาเลือกไฟล์ภาพยนตร์ที่เราต้องการดูได้เลย
สามารถรับรองไฟล์ .mkv ได้ด้วย ซึ่งผมไม่รู้ว่าเจ้าตัวทีวีตัวนี้ รับรองไฟล์ประเภทไหนบ้าง เพราะ คู่มือที่ให้มาก็ไม่ได้บอกอะไรมากนัก

เมื่อเราเลือกไฟล์ภาพยนตร์ที่เราต้องการดูได้แล้ว ระบบก็จะโหลดนิดหน่อย
แล้วก็จะพบกับเมนู Player ต่างๆ ตามนี้

โหมดนี้ จะทำให้สามารถเลือก เปิด/ปิด ซัพไตเติลของภาพยนตร์ได้ (หากไฟล์ที่เราดูมี ซัพมาให้น่ะครับ)

เป็นโหมดเกี่ยวกับการปรับแสงของภาพ

เป็นโหมดเกี่ยวเสียง


ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับการรีวิวทีวี Fleds LED Digital TV 32 นิ้ว
ตัวนี้คิดว่าครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ไม่มีอะไรให้รีวิวแล้ว 555

ข้อขัดใจนิดหนึ่งสำหรับผม (โดยส่วนตัว)
- คงจะเป็นรีโมททีวี คือ ยังไงดีละ ออกแบบมา กดยากๆ ยังไงไม่รู้
- และการกดรีโมทบ้างที่กดไม่ค่อยติด เหมือนทีวีรับสัญญาณอินฟาเรดได้ไม่ดีหรือเปล่า (หรือ เพราะ ไม่ได้ลอกพลาสติก ตรงกรอบทีวีออก เลยรับสัญญาณไม่ดี )
เอาเป็นว่าส่วนตัวก็มีเท่านี้ครับ

เหมือนเดิม ถ้าอยากได้ความเป็น Smart TV ก็ไปหากล่อง Android มาต่อเพิ่มเติมซ่ะ เท่านี้ก็ดู Youtube / Netflix ได้ละ

ถ้ามีโอกาสได้ทีวีเครื่องใหม่มาอีก เดี๋ยวจะมารีวิวอีกครับ
ขอจบการรีวิวไว้เพียงเท่านี้แล้วกัน ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน่ะครับ ขอบคุณมาก มีอะไรสงสัยสามารถคอมเม้นทิ้งไว้ได้ในกระทู้นี้ครับ เดียวจะเข้ามาตอบให้เท่าที่ตอบได้ครับ