ครั้งนี้  เล็กจะพามาเที่ยวเมืองสองแคว  ที่ไหนของสองแควหน๊อ ...

พระพุทธชินราชงามเลิศ ถิ่นกำเนิดพระนเรศวร สองฝั่งน่านล้วนเรือนแพ หวานฉ่ำแท้กล้วยตาก ถ้ำและน้ำตกหลากตระการตา

“โรงแรมชินะปุระ พิษณุโลก” โรงแรมน้องใหม่ของพิษณุโลก ชินะ+ปุระ คือ เมืองของผู้ชนะ สไตล์ก่อสร้างแบบล้านนาผสมอยุธยา โรงแรมเป็นฮิซทอริคบูทิค บูทิคเชิงประวัติศาสตร์ เพื่อสื่อความเป็นเอกลักษณ์ของพิษณุโลก การผสมศิลปะระหว่างล้านนา อยุธยา ให้ความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาประวัติศาสตร์สงคราม 2 อาณาจักร และความรู้เกี่ยวกับอาวุธยุทโธปกรณ์ในสมัยนั้น จากฝั่งล้านนาและอยุธยา ดีไซน์อาคารห้องพัก ไม่เชื่อมติดกัน ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวที่สุด ห้องพักแต่ละห้องผสมสารประวัติศาสตร์  ชีวิตทหาร อารมณ์นักรบ ความรัก เตียงใช้ไม้จริง ไม่ใช่ไม้อัดด้วยนะ ขัดจนลื่นมากๆ ห้องน้ำสามารถเปิดม่าน ชมบรรยากาศด้านนอกได้  ติดธรรมชาติ
สำหรับทริปนี้ก็เรียกว่าไงดี ร้องตามเพื่อนไปดีมะ เพราะเพื่อนได้รางวัลใหญ่มากมาจากเพจ “โรงแรมชินะปุระ พิษณุโลก” ห้องพัก 3 ห้อง พร้อมกิจกรรมเอ็กซ์คลูซีฟ ไหว้พระเสริมสิริมงคลแบบอันซีน สัมผัสตลาดเช้าวิถีคนเมืองพิษณุโลก และชิมอาหารท้องถิ่นหากินได้ยาก (โปรแกรม 3 วัน 2 คืน) เริ่มเลยดีไหม
ก่อนอื่น เล็กต้องขอออกตัวก่อนเลยนะ เล็กทำงานบัญชี ถ่ายรูปไม่ได้เก่งอะไร แต่ชอบถ่าย ชอบเที่ยว กล้องที่ใช้ Fuji XA  เราได้ตารางเวลากันมา นัดกัน 10.30 ที่ โรงแรมชินะปุระ  พอเล็กไปถึงนี่ บอก พนง. ข้างหน้าว่า บุคโรงแรมไว้แล้ว มาพักจ้า จะมีที่จอด VIP หน้าประตูโรงแรมเลย มี พนง. มาหิ้วกระเป๋าให้ ถ้าอุ้มลูกค้าได้ นี่อุ้มไปแล้ว Service Mind สุดๆ เข้าไปนี่เพื่อนรอแล้วจ้า  มาเลยจ้า Reception คนสวยเอาคีย์การ์ดมาให้
พร้อมน้ำเย็นๆ ใส่ถ้วย มีถาดลองแก้วลายไทย รับน้ำมาได้นี่ รีบถ่ายรูปเลย กินไปแล้วมานึกก็ไม่รู้ด้วยนะน้ำอะไร รู้แต่ว่าเย็นชื่นใจ ประดุจว่าไม่ได้กินน้ำมาตั้งแต่บ้าน ไม่รู้หิวมาจากไหน ดูดหมดแก้วเลย
พนง. ก็พาไปห้อง ไปเก็บกระเป๋าเสร็จ ประมาณ 11.20 น. ทีมงานโรงแรมก็พาทัวร์โรงแรม โดยมีพี่เก้า เป็นไกด์พาเดินทัวร์
ไปห้องแรกเลย ห้องดีลัก พี่เก้าเล่าว่าหน้าห้องเนี่ย ถ้ามีพู่สีแดงๆ ห้อยอยู่หน้าประตู แสดงว่าห้องนี้มีลูกค้า
ถ้ามีตุ๊กตุ่นแขวน ก็คือจะมีแม่บ้านทำความสะอาดอยู่ภายในห้อง  
ภายในห้องดีลักจะเล็กกว่าห้องอื่น แต่เตียงนุ่มมากๆ มีหมอน 6 ใบ คือแบบอลังการ
ชอบอ่างน้ำสุดล่ะ เล็กได้นอนห้องนี้
ปรับน้ำ ร้อนจนตกใจ เรียนรู้กันอยู่พักใหญ่
อุปกรณ์ในห้องน้ำ มีผ้าขนหนู 2 ผ้าเช็ดผม 2 ผ้าเช็ดมืออีก2
พื้นผนัง เป็นศิลปกรรมการปาดปูนแบบใช้โฟมถู ส่วนใหญ่โดยปกติถ้าทรายฉาบผนัง เขาจะใช้ทรายละเอียด แต่ชินะปุระ ให้ผสมทรายหยาบด้วยเพื่อสร้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของโรงแรม
หลังจากนั้น พี่เก้าก็พาขึ้นชั้น 2 ไปดูซุ้ม แบบล้านนาผสมอยุธยา วิธีการทำให้ดูมีความโค้งงอน อ่อนช้อยของหลังคา
แต่ที่เล็กชอบเนี่ย คือ โคมไฟระหว่างทางด้านบนเป็นทรงระฆังมีไฟ ตอนกลางคืนสวยมาก
หลังจากนั้นพี่เก้าพาเดินไปตรงส่วนแสดงงานศิลปะชินะปุระ ชั้น 2 ถ้าเดินจาก ตรง Reception กลางโรงแรมขึ้นชั้น 2 ไปก็จะเจอ ในส่วนนี้มีทั้งการแสดง ชุดนักรบชายและหญิงสามารถบอกถึงเหตุการณ์ ประวัติศาสตร์ความรุ่งเรืองของอาริยะธรรมไว้ได้หลากหลาย
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง จิตรกรรมล้านนา  การบอกเล่าของบรรพบุรษของคนโบราณที่ลูกหลานต้องภาคภูมิใจ งดงามมากๆ
ดาบแต่ชนิด หอก  มีดพก พี่เก้าเล่าถึง ดาบแต่ละชนิด วิธีทำดาบ ด้ามดาบว่า เอาเชือกไปทุบ ทำเป็นแหวนแล้วร้อยเข้าไปทีละวง และนิ่มมากๆ (ถ้าให้เล็กเล่าอย่างละเอียด บอกเลย งงเอง) การทำดาบ แฝงไปด้วยจิตวิณญาณของช่างแต่ละคน  ชินะปุระสั่งทำดาบแต่ละเล่ม คุณเก้าบอกว่า เป็นดาบเล่มเดียวในโลก ทำเล่มที่ 2 ก็ไม่เหมือน ดาบเมือง ดาบล้านนา มีปลายแบบไหนบ้าง ละเอียดแม้กระทั่ง การหาวัตถุดิบ การคัดแยก การถลุงเหล็ก การดูสีไฟในห้องเผา ว่าสีไหนทำให้เหล็กมีคุณภาพ  เน้นศิลปะวัฒนธรรม วิถีเชิงช่างแบบโบราณ ดาบแต่ละเล่มมาจากการศึกษาของช่างแต่ละท่าน
รามเกียรติ์ หนุมานข้ามน้ำ หรือ หนุมานทดน้ำ ทำมาจากไม้สัก รื้อมาจากบ้านเก่า เรือนเก่า  ลายต้องมีความอ่อน มีความพริ้ว ไหว แบบถ้าคนชอบนะ จะมีความสุขมากๆเวลามาที่นี่
และที่น่าสนใจที่สุดของเล็กคือ โคมไฟด้านบน เป็นฉลุลายด้วย คือสวยมาก ชั้นบนจะเป็นพื้นไม้ เพดานก็เป็นไม้ แปะด้วยทองเปลวจริง
ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ด้วยนะว่าพี่เก้าเนี่ยคือเจ้าของโรงแรม  คิดในใจ โรงแรมไปจ้างมาแพงไหมเนี่ย ยังกะยกหนังสือประวัติศาสตร์มาแหนะ จากที่เล็กเป็นคนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ถึงกับตั้งใจฟังอ่ะ เดินไปตรงไหนก็ตะลึงไปหมด มาต่อๆ หลังจากนั้น พี่เขาก็พาไปอีกฝั่งของตึก ซึ่งพี่เก้าบอกว่าจะเรียกฝั่งนี้ว่า ฝั่งกษัตริย์ หรือชนชั้นสูง สังเกตุจากที่จับประตูทางฝั่งนี้จะเป็นหัวช้าง ถ้าฝั่งดีลักจะเป็นหัวม้า ห้องนอนจะใหญ่ๆหน่อย นี่เป็นการแบ่งชั้นบรรดาศักดิ์กันชัดๆ หรือ จะเรียกได้ว่าจ่ายมากห้องสวยมาก จ่ายน้อยนอนห้องธรรมดาไป
นี่ไง หัวม้า ฝั่งทหารผู้น้อย นอนห้องเล็กๆไป
ฝั่งนี้จะตกแต่งผนังระหว่างทางเดินด้วยต้นไผ่
พี่เก้าก็พาเราเดินไปดูห้องคิงสวีท ชื่อ ดิลกราช เปิดเข้าไปนี่เจออ่างน้ำวน อ่างจากุชชี่ ใหญ่มาก
ซ้ายมือเป็นเตียงนอน ปลายเตียงนอนเป็นโซฟานั่งเล่น ข้างเตียงนอนเปิดม่านไป เป็นระเบียงวิวหน้าโรงแรม
ขวามือมีโต๊ะเครื่องแป้งของแม่กาละเกด หลังโต๊ะเครื่องแป้งเป็นที่นั่งสำหรับดูทีวี
ถ้ามองบนก็จะมีไม้สักทองแกะสลัก ขวามือของที่ดูทีวีคือห้องน้ำ แบบโอ๊ย ห้องจะสวีทอะไรเบอนี้  ขนาดน่าจะดีลักรวมกัน 3 ห้องได้ ใหญ่มาก เหมาะแก่การมาฮันนีมูล เสร็จไปไหว้พระขอให้สามีรักแต่เรา หลงแต่เรา อะไรประมาณนี้เลย
ลงจากห้องดิลกราชมา พี่เก้าก็พาเราไปเดินชม ห้องอาหาร หรือ ห้องเชลียง ชื่อห้องอาหารนี้มาจากเมืองเชลียง (เมืองเชลียงเป็นเมืองเก่ามีมาก่อนเมืองศรีสัชนาลัย) ห้องอาหารนี้มีไวน์เยอะด้วยนะ พนง. ยิ้มน่ารัก น่ารักทั้งโรงแรมอ่ะ
พี่ตุ๊กก็นำน้ำส้มมาเสริฟ แล้วไปต่อค่ะ
ด้านหน้าห้องเชลียงจะเป็นประตูที่มีจิตรกรรมปูนปั้นแบบล้านนาหรืออยุธยานะ เล็กจำไม่ได้ แต่สวยงานละเอียด
พี่เก้าก็พาเราเดินต่อ ไปชมห้องไตรโลก เป็นคิงสวีทเหมือนกัน มีอ่างอาบน้ำอยู่ปลายเตียง ทีมงานเล็กจะเยอะๆหน่อย
โต๊ะเครื่องแป้งห้องนี้
หลังโต๊ะเครื่องแป้งเป็นโต๊ะทำงาน สำหรับคนมาอยู่เพื่อทำงาน
ห้องน้ำจ้า ชอบจังกระจกบานโตๆเนี่ย
ตู้โบราณ  มาจากไหนจำไม่ได้ ถ้าเล็กได้ไปนอนห้องนั้นบอกเลย ไม่เปิดค่ะ กลัวตู้
บนเตียงมีมุ้งด้วยนะ เตียงที่ชินะปุระนี่จะนุ่มไปไหน นั่งทุกห้องนุ่มทุกห้อง  และสาวงามผู้โชคดีได้รางวัลนี้คือ คุณผู้หญิงชุดสีน้ำเงินค่ะ  อีฟเพื่อนเล็กเอง รูปเล็กไม่ค่อยมีค่ะอยู่หลังกล้องจะมีรูปได้ไง
หลังจากนั้นก็พาไปห้องจูเนียร์สวีท
มีกระจกข้างเตียงด้วย แต่ต้องเปิดบานไม้ออก
มีอ่างกลม ทายสินางแบบคนนี้คือใคร 555
และแกรนดีลัก เล็กบอกเลย เดินทัวร์หลายห้องจัด งง อยากนอนแกรนด์ดีลักสุด อ่างสวย อ่างเจ้าหญิง ชอบบบ (ขออนุญาติยืมรูปเพจค่ะ มาวันนั้น ทีมงานเยอะ ถ่ายไม่ได้555 แน่น)