ประมานปลายปี 2558 ตัดสินใจจัดฟัน เหตุผลที่จัดคือ ฟันกรามหน้าบนผุ ต้องถอนทิ้ง ฟันจึงเกิดช่องว่างขึ้น เลยตัดสินใจไปจัดฟันที่คลินิก ถอนฟันบนเพิ่ม1ซี่ ฟันคุดบน1ซี่ ฟันคุดล่าง1ซี่ ทำให้ฟันบนห่างมาก ส่วนฟันล่างหมอไม่ถอน ช่วงปีแรกไม่มีปัญหาอะไร มาช่วงปี60 หมอใส่ยางแบบเชนดึงฟันให้ ใส่แค่เดือนเดียว หมอก็กลับมาใส่ยางแบบริงเหมือนเดิมผ่านไป3เดือน หมอกลับมาใส่ยางแบบเชน ใส่ได้1เดือน หมอก็เปลี่ยนใส่ยางแบบริงอีก ทำแบบนี้สลับกันเป็นปี พอถามหมอ หมอให้คำตอบว่า ใส่เชนดึงฟันแล้วทำให้ฟันบนมันงุ้มเข้าเยอะจนฟันล่างคร่อมฟันบน เราถามจะแก้ไขอย่างไร หมอบอกต้องถอนฟันล่าง พอเดือนถัดไปเราไปตามนัดหมอก็เปลี่ยนใจบอกไม่ถอน สลับใส่ยางแบบเชนกับแบบริงกลับไปมาจนเราทนไม่ไหว ถามหมอว่าจะทำยังไง เราอยากเอาออกแล้ว คำตอบที่ได้คือ หมอบอกว่าคางเราสั้นถ้าถอนฟันล่างออกแล้วดึงฟันล่างเข้า คางเราจะสั้นกว่าเดิม เราจำใจต้องไปทำฟันจนครบวงเงินที่ตั้งไว้ ฟันก็ยังไม่เสร็จ จนตอนนี้ทำฟรี(คลินิกที่ทำมีกฎว่า ถ้าทำจนครบวงเงินแล้วฟันยังไม่เข้าให้ทำเรื่อยๆจนกว่าจะเสร็จไม่ต้องจ่ายตังเพิ่ม) พอเลยวงเงินแล้วทีนี้หมอรีบใส่เชนดึงฟันเราใหญ่เลย ดึงจนตอนนี้ฟันล่างเราคร่อมฟันบนแล้ว ฟันกรามไม่สบกัน กัดอาหาร็ไม่ได้ ต้องเคี้ยวอาหารแบบปากเบี้ยวๆ ฟันหน้าบนชนกับฟันหน้าล่างตลอด ชนจนเจ็บ อีกอย่างที่จะบอกคือ เรารู้สึกว่าหน้าเราเบี้ยว ซึ่งก่อนจัดฟันหน้าเราก็ไม่ได้เบี้ยวนะ เนื่องจากเวลาที่หมอดึงฟัน ฟันข้างซ้ายเรา งุ้มเข้าจนฟันล่างซ้ายคร่อมฟันบน ส่องกระจกก็รุ้สึกได้ว่าหน้าเบี้ยว เราควรเดินหน้าต่อหรือพอแค่นี้ เพราะเวลาถามหมอทีไร หมอให้คำตอบเราว่าทำไปเรื่อยๆ ไม่รู้ว่าจะเสร็จเมื่อไหร่ ปล.เราอยากย้ายคลินิกใหม่นะแต่เราคิดว่าหมอควรจะรับผิดชอบมากกว่าที่เราจะเป็นฝ่ายเดินหนีไปเอง
จัดฟัน จากฟันปกติ กลายเป็นฟันล่างคร่อมฟันบน