จากความคิดที่ว่า นี่จะเป็นการเที่ยวตอนปิดเทอมครั้งสุดท้ายของชีวิตในช่วงเดือนมีนา61ที่ผ่านมา ต้องไปให้สุด โดยไม่ลำบากมาก
เลยได้ออกมาเป็นทริปนี้ Paris-Interlaken-Luzern-Zurich
ในครั้งนี้เราเลือกที่จะจองตั๋วเครื่องบินก่อน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก แต่เราคิดว่าจากการเป็นนักศึกษาและให้ผู้ปกครองเป็นsponsor วีซ่าน่าจะผ่านแน่นอน และเราได้ตั๋วเครื่องบินในเส้นทาง BKK-AUH-CDG และ ZRH-AUH-BKK ในราคา 22,460 บาท วัน-เวลาลงตัวที่สุดแล้วสำหรับเพื่อนที่เรียนกันอยู่คนละมหาลัยแบบนี้
แล้วเราก็เริ่มวางแผนคร่าว ๆ ว่าเราอยากไปที่ไหนบ้าง จะเดินทางยังไง แล้วก็เลือกที่พัก โดยจะจองแบบยังไม่จ่ายเงิน
เผื่อเปลี่ยนใจภายหลัง ซึ่งเราจองผ่านBooking.com
เรื่องการเดินทางระหว่างทริป
Paris วางแผนจะใช้ t+ ticket carnet 10 ใบ €14.9 และ mobilis zone 1-5 1 day €12.4
TGV Paris-Neuchatel จองจากRaileurope 3626 บาท
Swiss จะใช้ Swiss Travel Pass 4 days ซื้อออนไลน์จากLost Trip Thailand 7470 บาท
และจะมีสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดตอนท้ายนะครับ
ต่อมาก็ต้องจัดการเรื่องวีซ่า เรื่องใหญ่ที่สุดของทริป โดยเราจะใช้Schengen visaสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งเราจะต้องขอจากฝรั่งเศสเนื่องจากหากเรามีแผนการเดินทางหลายประเทศที่ระยะเวลาที่อยู่ในแต่ละประเทศเท่า ๆ กัน เราจะต้องขอจากประเทศแรกที่ไปถึง ซึ่งในกรณีของเราเริ่มจากฝรั่งเศสนั่นเอง
โดยเอกสารที่เราใช้ได้แก่
1.รูปถ่าย
2.พาสปอร์ตพร้อมสำเนาหน้าข้อมูลส่วนตัว และตราประทับต่าง ๆ
3.ตั๋วเครื่องบิน
4.หลักฐานการจองที่พัก
5.ประกันการเดินทาง
6.ใบรับรองการเป็นนักศึกษา
7.จดหมายแนะนำตัวทั้งของเราเอง และผู้ปกครอง
8.สำเนาสูติบัตร พร้อมฉบับแปล
9.สำเนาทะเบียนบ้าน(ของเราและผู้ปกครอง) พร้อมฉบับแปล
10.สำเนาสลิปเงินเดือน พร้อมฉบับแปล
11.เอกสารรับรองบัญชี และ statement (ของเพื่อนเราใช้แค่ของผู้ปกครองก็ผ่าน)
(เอกสารแปลทั้งหมด เราสามารถแปลได้ด้วยตัวเองนะครับ)
และเราใช้บริการของTLS contact เพื่อความสะดวกในตอนยื่นเอกสาร
เพราะว่าสามารถนัดได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ แต่หากยื่นเองที่สถานฑูตก็จะสามารถยื่นได้แค่วันจันทร์เท่านั้น
รายละเอียดอื่น ๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของTLS contactได้เลย ให้รายละเอียดไว้แล้วอย่างชัดเจน
ก่อนเริ่มเดินทางเรามาดูการเดินทางที่เราได้ไปจริงคร่าว ๆ กันก่อน
Day 0 Depart from Bangkok
Day 1 Paris เดินเล่น Arc de Triomphe
Day 2 Tour Eiffel, Les Invalides, Pont Alexandre III
Day 3 Palais de Versailles, Musée du Louvre
Day 4 Sainte Chapelle, Conciergerie, Notre-Dame, Tour Montparnasse
Day 5 Interlaken, Grindelwald
Day 6 Schilthorn, Thun
Day 7 Brienzersee, Luzern
Day 8 Rigi Kulm, Zurich
Day 9 Back to Bangkok
รูปในกระทู้นี้จะมาจากกล้อง 4 ตัว Nikon D610, Canon EOS 550D, Canon Powershot S110, iPhone 7
แต่งบ้าง ไม่แต่งบ้างนะครับ ถ่ายมายังไงก็ไม่สู้ไปดูของจริงนะครับ
Day 0
เริ่มต้นกันด้วยภาพอันคุ้นเคยของสนามบินสุวรรณภูมิ จุดเริ่มต้นการเดินทางของเรา สำหรับEtihadแนะนำว่าควรจะทำonline check in มาเลยเพื่อความรวดเร็วไม่ต้องต่อแถวยาวครึ่งชั่วโมงเหมือนเรา
โดยเที่ยวบินEY405ทำการบินโดยBoeing 777-300ER จัดที่นั่งแบบ 3-4-3 ค่อนข้างแน่นเหมือนกัน แม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นที่นิยมในหลาย ๆ สายการบิน แต่มีเสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างดังเลยทีเดียว
ออกจากกรุงเทพเวลา 18:25 ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง เราก็มาถึงอาบูดาบี เวลา 22:00
หลังจากผ่านการตรวจวัตถุอันตราย เราก็มาเจอduty freeและfood court ขนาดกระทัดรัด เราก็มานั่งรอเที่ยวบินต่อไป EY31 ที่จะออกเดินทางตอน 02:15
บนเที่ยวบินEY31 ทำการบินด้วย Airbus A380-800 ขนาดที่นั่งและความโปร่งสบายเป็นที่น่าประทับใจเลยทีเดียว แม้ว่าจะจัดที่นั่ง 3-4-3 เหมือนกับ777-300ERก็ตาม เสียงเครืองยนต์เงียบกว่า ทำให้หลับได้สบายกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถึงตอนนี้พวกเราง่วงมากเลยไม่มีรูปมาแต่จำได้ว่ามีของว่างและอาหารเช้าเสิร์ฟให้
เกือบ ๆ 7 ชั่วโมง เราก็มาถึงปารีสเวลา7:40น
Day 1
เราผ่านตม.กันด้วยความรวดเร็ว แค่มองหน้าแล้วก็ได้ตราประทับเข้าเรียบร้อย หลังจากได้รับกระเป๋าแล้ว เราก็เดินหาบูธTourist Information ที่ Terminal 2C เพื่อซื้อ Paris Museum Pass จากนั้นเดินต่อไปยังที่ช่วงรอยต่อระหว่างTerminal 2Aกับ2C ซึ่งเป็นจุดรับผู้โดยสารของRoissy bus ที่จะเข้าเมือง
เราเลือกใช้Roissy bus แทนที่จะนั่งรถไฟ RER ก็เพราะว่าเราขี้เกียจยกกระเป๋าขึ้นลงเวลาใช้รถไฟและโรงแรมของเราก็อยู่ในย่าน Opera นั่นเอง โดยRoissy busคิดค่าโดยสาร €12 และเมื่ออมาถึงที่Opera นี่คือวิวที่เมืองปารีสต้อนรับพวกเราในการเดินทางครั้งนี้
หลังจากเก็บกระเป๋าที่โรงแรมแล้ว เราก็ออกมาเดินเล่นชมบ้านเมืองโดยเริ่มเดินจาก Opera ไปจนถึงLouvre เดินเลียบแม่น้ำSeine แวะกินข้าวเย็นที่ร้านLéon de BruxellesสาขาChamps-Élyséesก่อนปิดท้ายด้วยการขึ้นชมวิวบน Arc de Triomphe
(Champs-Élyséesถ้าเดินเข้าหาประตูชัยแบบนี้จะเป็นการเดินขึ้นเนิน เหนื่อยพอสมควร)
Palais Garnier
Louvre
Arc de Triomphe du Carrousel
Passerelle Léopold Sédar Senghor
Jardin des Tuileries
Avenue de Champ-Élysées
Léon de Bruxelles
ที่Arc de Triompheนี้ เราสามารถใช้คิวพิเศษของ Paris Museum Pass ซึ่งประหยัดเวลาไปได้มาก
พอเข้ามาเราก็มาเจอกันบันไดเวียน ที่เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด กว่าจะถึงข้างบนของประตูชัย เหนื่อยเลยทีเดียว
จากนั้นขึ้นรถไฟกลับโรงแรมที่สถานีRER Charles de Gaulle - Étoile ใต้ประตูชัย
ปารีสหนึ่งแสนก้าวกับสวิสยี่สิบเอ็ดขบวน
จากความคิดที่ว่า นี่จะเป็นการเที่ยวตอนปิดเทอมครั้งสุดท้ายของชีวิตในช่วงเดือนมีนา61ที่ผ่านมา ต้องไปให้สุด โดยไม่ลำบากมาก
เลยได้ออกมาเป็นทริปนี้ Paris-Interlaken-Luzern-Zurich
ในครั้งนี้เราเลือกที่จะจองตั๋วเครื่องบินก่อน ซึ่งอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก แต่เราคิดว่าจากการเป็นนักศึกษาและให้ผู้ปกครองเป็นsponsor วีซ่าน่าจะผ่านแน่นอน และเราได้ตั๋วเครื่องบินในเส้นทาง BKK-AUH-CDG และ ZRH-AUH-BKK ในราคา 22,460 บาท วัน-เวลาลงตัวที่สุดแล้วสำหรับเพื่อนที่เรียนกันอยู่คนละมหาลัยแบบนี้
แล้วเราก็เริ่มวางแผนคร่าว ๆ ว่าเราอยากไปที่ไหนบ้าง จะเดินทางยังไง แล้วก็เลือกที่พัก โดยจะจองแบบยังไม่จ่ายเงิน
เผื่อเปลี่ยนใจภายหลัง ซึ่งเราจองผ่านBooking.com
เรื่องการเดินทางระหว่างทริป
Paris วางแผนจะใช้ t+ ticket carnet 10 ใบ €14.9 และ mobilis zone 1-5 1 day €12.4
TGV Paris-Neuchatel จองจากRaileurope 3626 บาท
Swiss จะใช้ Swiss Travel Pass 4 days ซื้อออนไลน์จากLost Trip Thailand 7470 บาท
และจะมีสรุปค่าใช้จ่ายทั้งหมดตอนท้ายนะครับ
ต่อมาก็ต้องจัดการเรื่องวีซ่า เรื่องใหญ่ที่สุดของทริป โดยเราจะใช้Schengen visaสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งเราจะต้องขอจากฝรั่งเศสเนื่องจากหากเรามีแผนการเดินทางหลายประเทศที่ระยะเวลาที่อยู่ในแต่ละประเทศเท่า ๆ กัน เราจะต้องขอจากประเทศแรกที่ไปถึง ซึ่งในกรณีของเราเริ่มจากฝรั่งเศสนั่นเอง
โดยเอกสารที่เราใช้ได้แก่
1.รูปถ่าย
2.พาสปอร์ตพร้อมสำเนาหน้าข้อมูลส่วนตัว และตราประทับต่าง ๆ
3.ตั๋วเครื่องบิน
4.หลักฐานการจองที่พัก
5.ประกันการเดินทาง
6.ใบรับรองการเป็นนักศึกษา
7.จดหมายแนะนำตัวทั้งของเราเอง และผู้ปกครอง
8.สำเนาสูติบัตร พร้อมฉบับแปล
9.สำเนาทะเบียนบ้าน(ของเราและผู้ปกครอง) พร้อมฉบับแปล
10.สำเนาสลิปเงินเดือน พร้อมฉบับแปล
11.เอกสารรับรองบัญชี และ statement (ของเพื่อนเราใช้แค่ของผู้ปกครองก็ผ่าน)
(เอกสารแปลทั้งหมด เราสามารถแปลได้ด้วยตัวเองนะครับ)
และเราใช้บริการของTLS contact เพื่อความสะดวกในตอนยื่นเอกสาร
เพราะว่าสามารถนัดได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ แต่หากยื่นเองที่สถานฑูตก็จะสามารถยื่นได้แค่วันจันทร์เท่านั้น
รายละเอียดอื่น ๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ของTLS contactได้เลย ให้รายละเอียดไว้แล้วอย่างชัดเจน
ก่อนเริ่มเดินทางเรามาดูการเดินทางที่เราได้ไปจริงคร่าว ๆ กันก่อน
Day 0 Depart from Bangkok
Day 1 Paris เดินเล่น Arc de Triomphe
Day 2 Tour Eiffel, Les Invalides, Pont Alexandre III
Day 3 Palais de Versailles, Musée du Louvre
Day 4 Sainte Chapelle, Conciergerie, Notre-Dame, Tour Montparnasse
Day 5 Interlaken, Grindelwald
Day 6 Schilthorn, Thun
Day 7 Brienzersee, Luzern
Day 8 Rigi Kulm, Zurich
Day 9 Back to Bangkok
รูปในกระทู้นี้จะมาจากกล้อง 4 ตัว Nikon D610, Canon EOS 550D, Canon Powershot S110, iPhone 7
แต่งบ้าง ไม่แต่งบ้างนะครับ ถ่ายมายังไงก็ไม่สู้ไปดูของจริงนะครับ
Day 0
เริ่มต้นกันด้วยภาพอันคุ้นเคยของสนามบินสุวรรณภูมิ จุดเริ่มต้นการเดินทางของเรา สำหรับEtihadแนะนำว่าควรจะทำonline check in มาเลยเพื่อความรวดเร็วไม่ต้องต่อแถวยาวครึ่งชั่วโมงเหมือนเรา
โดยเที่ยวบินEY405ทำการบินโดยBoeing 777-300ER จัดที่นั่งแบบ 3-4-3 ค่อนข้างแน่นเหมือนกัน แม้ว่ารุ่นนี้จะเป็นที่นิยมในหลาย ๆ สายการบิน แต่มีเสียงเครื่องยนต์ค่อนข้างดังเลยทีเดียว
ออกจากกรุงเทพเวลา 18:25 ใช้เวลาเดินทาง 6 ชั่วโมง เราก็มาถึงอาบูดาบี เวลา 22:00
หลังจากผ่านการตรวจวัตถุอันตราย เราก็มาเจอduty freeและfood court ขนาดกระทัดรัด เราก็มานั่งรอเที่ยวบินต่อไป EY31 ที่จะออกเดินทางตอน 02:15
บนเที่ยวบินEY31 ทำการบินด้วย Airbus A380-800 ขนาดที่นั่งและความโปร่งสบายเป็นที่น่าประทับใจเลยทีเดียว แม้ว่าจะจัดที่นั่ง 3-4-3 เหมือนกับ777-300ERก็ตาม เสียงเครืองยนต์เงียบกว่า ทำให้หลับได้สบายกว่าอย่างเห็นได้ชัด ถึงตอนนี้พวกเราง่วงมากเลยไม่มีรูปมาแต่จำได้ว่ามีของว่างและอาหารเช้าเสิร์ฟให้
เกือบ ๆ 7 ชั่วโมง เราก็มาถึงปารีสเวลา7:40น
Day 1
เราผ่านตม.กันด้วยความรวดเร็ว แค่มองหน้าแล้วก็ได้ตราประทับเข้าเรียบร้อย หลังจากได้รับกระเป๋าแล้ว เราก็เดินหาบูธTourist Information ที่ Terminal 2C เพื่อซื้อ Paris Museum Pass จากนั้นเดินต่อไปยังที่ช่วงรอยต่อระหว่างTerminal 2Aกับ2C ซึ่งเป็นจุดรับผู้โดยสารของRoissy bus ที่จะเข้าเมือง
เราเลือกใช้Roissy bus แทนที่จะนั่งรถไฟ RER ก็เพราะว่าเราขี้เกียจยกกระเป๋าขึ้นลงเวลาใช้รถไฟและโรงแรมของเราก็อยู่ในย่าน Opera นั่นเอง โดยRoissy busคิดค่าโดยสาร €12 และเมื่ออมาถึงที่Opera นี่คือวิวที่เมืองปารีสต้อนรับพวกเราในการเดินทางครั้งนี้
หลังจากเก็บกระเป๋าที่โรงแรมแล้ว เราก็ออกมาเดินเล่นชมบ้านเมืองโดยเริ่มเดินจาก Opera ไปจนถึงLouvre เดินเลียบแม่น้ำSeine แวะกินข้าวเย็นที่ร้านLéon de BruxellesสาขาChamps-Élyséesก่อนปิดท้ายด้วยการขึ้นชมวิวบน Arc de Triomphe
(Champs-Élyséesถ้าเดินเข้าหาประตูชัยแบบนี้จะเป็นการเดินขึ้นเนิน เหนื่อยพอสมควร)
Palais Garnier
Louvre
Arc de Triomphe du Carrousel
Passerelle Léopold Sédar Senghor
Jardin des Tuileries
Avenue de Champ-Élysées
Léon de Bruxelles
ที่Arc de Triompheนี้ เราสามารถใช้คิวพิเศษของ Paris Museum Pass ซึ่งประหยัดเวลาไปได้มาก
พอเข้ามาเราก็มาเจอกันบันไดเวียน ที่เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด กว่าจะถึงข้างบนของประตูชัย เหนื่อยเลยทีเดียว
จากนั้นขึ้นรถไฟกลับโรงแรมที่สถานีRER Charles de Gaulle - Étoile ใต้ประตูชัย