แล้วก็ได้ดูกันซะที กับหนังที่เป็นตำนานเอเลี่ยนจอมโหดบุกโลกอย่าง The Predator ที่มีมาแล้ว 3 ภาคก่อนหน้าในปี 1987, 1990, และ 2010 ซึ่งส่วนตัวผมรู้สึกว่า ภาคนี้กระแสมันเงียบจัง ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หนังตำนานกลับมาทั้งที ต้องมีอะไรดีสิ
The Predator เป็นเรื่องราวเกิดขึ้นที่ จากห้วงอวกาศอันไกลโพ้น เมื่อนักล่าที่อันตรายที่สุดในจักรวาลก็แข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และอันตรายยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา พวกมันตัดต่อพันธุกรรมของตนเองเข้ากับดีเอ็นเอของสปีชี่อื่นๆ ในจักรวาล และเมื่อเด็กชายคนหนึ่งบังเอิญกระตุ้นให้พวกมันกลับมาที่โลกอีกครั้ง มีเพียงสมาชิกแร็กแท็กจากอดีตทหาร และอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์อีกหนึ่งคนที่ไม่ได้รับการยอมรับเท่านั้น ที่จะช่วยไม่ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องสิ้นสุดลง
หนังเล่าเรื่องตอนต้นได้น่าสนใจดี เมื่อเล่าถึงการไล่ล่าของเจ้านักรบจากต่างดาวที่พุ่งเข้ามาสู่โลก ซึ่งหลังจากนั้น หนังเล่าต่อได้อย่างน่าติดตาม โดยโยงเจ้านักรบต่างดาวกับเรื่องราวของมนุษย์ที่เคยเจอเจ้าตัวนี้มาก่อน หนังมีอ้างอิงถึง 2 ภาคแรกด้วยนิดหน่อย ทำให้รู้ว่า มันน่าจะเป็นเรื่องราวที่ยังโยงใยกันอยู่ไม่มากก็น้อย แล้วพอเข้าสู่ฐานทัพลับก็ชัดเลย มีเอาของเก่าๆ มาโชว์ไว้เพื่อให้เรื่องมันเกี่ยวเนื่องกัน
ไอ้ตอนช่วงแรกที่เจ้านักรบต่างดาวเริ่มโมโหและไล่ล่ามนุษย์ที่อยู่ในฐานลับมันก็ดูสนุกดีนะ แต่พอเริ่มโยงไปข้างนอก ส่วนตัวผมว่ามันหลายประเด็นเกิดไปหน่อย ทั้งเรื่องของเจ้าเด็กน้อยที่มีสมองเป็นเลิศเกินมนุษย์ ทั้งเรื่องการขัดแย้งกันของเจ้าหน้าที่กองทัพ ทั้งเรื่องเจ้า Mega Predator อีก มันผสมปนเปกันจนไม่มีจุดไหนเด่นขึ้นมาเลย แถมเอาหมาเอเลี่ยนเข้ามาฉุดความโหดให้กลายเป็นความติงต๊องเข้าไปอีก
ฉากไล่ล่าดูสนุกระดับนึงครับ แต่ไม่ถึงกับลุ้นสุดๆ เหมือน 3 ภาคที่ผ่านมา เหมือนมันเล่นไปเรื่อยๆ ดูสนุกแบบซ้ำๆ ไม่ได้แปลกใหม่ และก็ไม่ได้โหดเท่าของเดิมด้วยซ้ำ แม้แต่ฉากที่เป็นจุดขายของเจ้า Predator อย่างฉากเลาะกระดูสันหลัง ภาคนี้ยังดูสะใจไม่เท่าไหร่ มาแค่แว้บเดียวหาย ดูไม่โหด ไม่อิน
ตัวละครในเรื่องมีหลากหลาย แต่ไปเด่นตรงพระเอกกับนางเอก และเจ้า Predator สองตัวที่เด่นที่สุด ตัวพระเอกดูเก่งแต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ที่ออกมาแล้วทำให้หนังสดชื่นคือ Olivia Munn ที่เรื่องนี้ดูอวบๆ ไปนิด แต่ความสวยก็ดึงสายตาคนดูได้เยอะพอสมควร ส่วนฉาก CG และฉากต่อสู้ ก็สนุกตามความเหมาะสมของแต่ละฉากไป แต่ไม่มีฉากไหนน่าประทับใจเท่าที่ควรจะเป็น
โดยรวมเอาจริงๆ ความเห็นส่วนตัว ผมว่ามันเป็นการกลับมาของหนังในตำนานที่ค่อนข้างจะกร่อยและธรรมดาเกินไป จริงๆ กลับมาทั้งที ห่างหายไปตั้งเกือบ 10 ปีน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ ผมไม่ได้คาดหวังจะเห็นอะไรมากมาย แต่ก็หวังลึกๆ ว่ามันน่าจะดีกว่านี้นะ
ฝากเพจเล็กๆ ด้วยครับ >>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
[CR] [#Review] The Predator - หนังตำนานที่กลับมาแบบธรรมด๊าธรรมดา
The Predator เป็นเรื่องราวเกิดขึ้นที่ จากห้วงอวกาศอันไกลโพ้น เมื่อนักล่าที่อันตรายที่สุดในจักรวาลก็แข็งแกร่งขึ้น ฉลาดขึ้น และอันตรายยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา พวกมันตัดต่อพันธุกรรมของตนเองเข้ากับดีเอ็นเอของสปีชี่อื่นๆ ในจักรวาล และเมื่อเด็กชายคนหนึ่งบังเอิญกระตุ้นให้พวกมันกลับมาที่โลกอีกครั้ง มีเพียงสมาชิกแร็กแท็กจากอดีตทหาร และอาจารย์สอนวิทยาศาสตร์อีกหนึ่งคนที่ไม่ได้รับการยอมรับเท่านั้น ที่จะช่วยไม่ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องสิ้นสุดลง
หนังเล่าเรื่องตอนต้นได้น่าสนใจดี เมื่อเล่าถึงการไล่ล่าของเจ้านักรบจากต่างดาวที่พุ่งเข้ามาสู่โลก ซึ่งหลังจากนั้น หนังเล่าต่อได้อย่างน่าติดตาม โดยโยงเจ้านักรบต่างดาวกับเรื่องราวของมนุษย์ที่เคยเจอเจ้าตัวนี้มาก่อน หนังมีอ้างอิงถึง 2 ภาคแรกด้วยนิดหน่อย ทำให้รู้ว่า มันน่าจะเป็นเรื่องราวที่ยังโยงใยกันอยู่ไม่มากก็น้อย แล้วพอเข้าสู่ฐานทัพลับก็ชัดเลย มีเอาของเก่าๆ มาโชว์ไว้เพื่อให้เรื่องมันเกี่ยวเนื่องกัน
ไอ้ตอนช่วงแรกที่เจ้านักรบต่างดาวเริ่มโมโหและไล่ล่ามนุษย์ที่อยู่ในฐานลับมันก็ดูสนุกดีนะ แต่พอเริ่มโยงไปข้างนอก ส่วนตัวผมว่ามันหลายประเด็นเกิดไปหน่อย ทั้งเรื่องของเจ้าเด็กน้อยที่มีสมองเป็นเลิศเกินมนุษย์ ทั้งเรื่องการขัดแย้งกันของเจ้าหน้าที่กองทัพ ทั้งเรื่องเจ้า Mega Predator อีก มันผสมปนเปกันจนไม่มีจุดไหนเด่นขึ้นมาเลย แถมเอาหมาเอเลี่ยนเข้ามาฉุดความโหดให้กลายเป็นความติงต๊องเข้าไปอีก
ฉากไล่ล่าดูสนุกระดับนึงครับ แต่ไม่ถึงกับลุ้นสุดๆ เหมือน 3 ภาคที่ผ่านมา เหมือนมันเล่นไปเรื่อยๆ ดูสนุกแบบซ้ำๆ ไม่ได้แปลกใหม่ และก็ไม่ได้โหดเท่าของเดิมด้วยซ้ำ แม้แต่ฉากที่เป็นจุดขายของเจ้า Predator อย่างฉากเลาะกระดูสันหลัง ภาคนี้ยังดูสะใจไม่เท่าไหร่ มาแค่แว้บเดียวหาย ดูไม่โหด ไม่อิน
ตัวละครในเรื่องมีหลากหลาย แต่ไปเด่นตรงพระเอกกับนางเอก และเจ้า Predator สองตัวที่เด่นที่สุด ตัวพระเอกดูเก่งแต่ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย ที่ออกมาแล้วทำให้หนังสดชื่นคือ Olivia Munn ที่เรื่องนี้ดูอวบๆ ไปนิด แต่ความสวยก็ดึงสายตาคนดูได้เยอะพอสมควร ส่วนฉาก CG และฉากต่อสู้ ก็สนุกตามความเหมาะสมของแต่ละฉากไป แต่ไม่มีฉากไหนน่าประทับใจเท่าที่ควรจะเป็น
โดยรวมเอาจริงๆ ความเห็นส่วนตัว ผมว่ามันเป็นการกลับมาของหนังในตำนานที่ค่อนข้างจะกร่อยและธรรมดาเกินไป จริงๆ กลับมาทั้งที ห่างหายไปตั้งเกือบ 10 ปีน่าจะมีอะไรมากกว่านี้ ผมไม่ได้คาดหวังจะเห็นอะไรมากมาย แต่ก็หวังลึกๆ ว่ามันน่าจะดีกว่านี้นะ
ฝากเพจเล็กๆ ด้วยครับ >> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้