ว่ากันด้วยเรื่องของหนัง Terminator แฟรนส์ชายส์ ที่กินเวลายาวนานกว่า 30 ปี จากภาคแรก และภาคสอง ที่เป็นสุดยอดหนังตำนานพลิกวงการทำรายได้ถล่มทลาย ถูกมาต่อยอดด้วยเนื้อเรื่องเลอะเทอะของภาค 3 และขยาย timeline ไปเป็นภาค Salvation และ Genisys ที่เนื้อหายิ่งออกทะเลไปกันใหญ่ แต่ว่าเสน่ห์ของ Terminator ก็ยังเป็นหนังที่ดึงดูดคนให้ดูได้ทุกภาค ไม่ว่าเนื้อเรื่องจะเลอะเทอะแค่ไหน ความมันส์ก็ยังคงอยู่ มาถึงภาคนี้ James Cameron แกคันมือมานานแล้ว หลังจากเห็นบทที่ออกทะเลไปไกลของสามภาคหลังจาก Judgement Day ของแก ก็เลยตัดสินใจกลับมาเขียนบทภาคนี้ให้ซะเลย โดยบอกว่า มันคือภาคต่อของ Terminator 2 ที่แท้จริง
เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นเมื่อนักรบดัดแปลงสาวนามว่า “เกรซ” ได้ถูกส่งตัวมาจากปี 2042 โดยมีภารกิจให้มาปกป้อง “แดนี่” ผู้จะกลายเป็นคนสำคัญในอนาคตให้พ้นจากการตามล่าของหุ่นสังหาร RAV-9 โดยการมมาครั้งนี้ “เกรซ” และ “แดนี่” ได้รับความช่วยเหลือจาก “ซาร่าห์ คอนเนอร์” ผู้ซึ่งตามล่าล้างบางหุ่นยนต์สังหาร “T-800” มาตั้งแต่ในอดีต แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสามต้องร่วมือกับ “T-800” เพื่อหนีให้พ้นการตามล่าจาก RAV-9
จากเรื่องย่อจะเห็นว่า เนื้อเรื่องที่เล่ามา มันไม่ได้แตกต่างอะไรจากภาคเดิมสักเท่าไหร่ การสร้างตัวละครขที่มีความสำคัญขึ้นมาหนึ่งตัว แล้วถูกตามล่าโดยหุ่นยนต์สังหาร มันก็เป็นแบบนี้มาทุกภาค (ผมยกเว้น Salvation ไว้ภาคนึง ที่สู้กันในอนาคต) หนังยังไม่ได้ฉีกกรอบไปจากเนื้อหาเดิมเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่สิ่งที่ผมชอบในเนื้อเรื่องคือ หนังไม่ได้พยายามจะยัดเยียดความสำคัญของ “จอห์น คอนเนอร์” ให้คนดูรำคาญอีกแล้ว แต่กลับกลายเป็นหนังสร้าง Timeline และตัวละครใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เรื่องราวมันเดินต่อไปได้โดยที่ไม่ต้องมาปวดหัวกับเรื่องราวเดิม เหมือนหนังจะเขียน Story ใหม่ให้ไปต่อได้หลังจากนี้ (ถึงแม้เส้นเรื่องจะ concept เดิมก็ตาม)
พอได้เรื่องราวใน Timeline ใหม่แล้ว ผมคิดว่าหนังคงกลัวว่าจะไม่มีจุดขาย แล้วจะแป้กเหมือนสามภาคก่อนหน้า หนังเลยไปดึงตัวละครเก่ากลับมาสร้างความอิมแพ็คให้กับหนัง ซึ่ง “ซาร่าห์ คอนเนอร์” คือตัวเชื่อมที่ดีระหว่าง Timeline เก่าและใหม่ให้โยงใยมาถึงกันได้อย่างดี ซึ่งบทนี้ต้องเป็น “Linda Hamilton” เท่านั้น จะเป็นคนอื่นไปไม่ได้ และอย่าเอาไปเทียบกับ เวอร์ชั่น “Emilia Clark” ให้ตะขิดตะขวงใจเลย เพราะ “Linda Hamilton” เป็น “ซาร่าห์ คอนเนอร์” ได้ดีมาก และยังคงความเท่และแกร่งไว้ได้อย่างดี สมกับการรอคอย
เมื่อตัวละครเก่าอย่าง “ซาร่าห์ คอนเนอร์” ออกมาสร้างอิมแพ็คให้กับหนังแล้ว หนังก็จำเป็นต้องสร้างตัวละครใหม่ขึ้นมาให้เทียบเคียงกัน ซึ่งในภาคนี้ บทเด่นถูกโยนไปกองไว้ที่ “เกรซ” ทหารดัดแปลงสาวจากอนาคต ผู้ซึ่งกุมความลับทุกอย่างไว้ รับบทโดย “Mackenzie Davis” ซึ่งบทนี้ส่งให้เด่นและเท่มากที่สุดในเรื่องแล้ว พอมาประกบกับ “ซ่าร่าห์ คอนเนอร์” เลยกลายเป็นหนังที่ชูความเป็น Feminine ได้อย่างดี
แต่ถ้าเราพูดถึง Terminator แล้วถ้าจะขาดตัวละครที่เป็นเหมือน icon ของหนังอย่าง T-800 ไปก็จะยังไงอยู่ ตอนแรกผมก็คิดว่าถ้าเป็นภาคต่อจาก Judgement Day เจ้า T-800 มันลงบ่อไปแล้วหนิ แล้วจะหลับมายังไง แต่พอหนังเปิดตัวและบอกที่มาที่ไปของตัวละครตัวนี้ มันกลับกลายเป็นตัวละครที่มีที่มาที่ไปอ่อนยวบมากๆ เหมือนหนังไม่รู้จะเอามันกลับเข้ามายังไง ก็ยัดมันแบบนี้เลยละกัน ก็ตลกดี แต่เราก็จะได้เห็นหุ่นเหล็กแก่ๆ ที่ยังมีพิษสงในแบบอึดถึกที่ดูยังไงก็ยังไม่ทิ้งเสน่ห์เดิมๆ ให้เราคิดถึง แถมในภาคนี้ยังมีการเล่นมุขจิกกัดตัวเองให้ขำเล่นๆ ด้วย
ตัวละครอีกตัวที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ RAV-9 หุ่นยนต์สังหารฝ่ายร้ายที่เหมือนจะพัฒนาจาก T-1000 ที่โคตรเก่งและโหดมากในอดีต หนังคงต้องคิดกันเยอะมากกว่าจะออกมาขนาดนี้ ซึ่งถือว่าอัพเกรดความเก่งได้เจ๋งดีกับตัวละครตัวนี้ เพียงแต่บทมันยังไม่ได้ส่งในนักแสดง “Gabriel Luna” เด่นขึ้นมาเหมือนตอนที่บท T-1000 ส่งให้ “Robert Patrick” กลายเป็นตัวร้ายในตำนานได้ เพราะถ้าดูกันจริงๆ Luna เล่นแข็งสมเป็นหุ่น แต่กลับไม่มีเสน่ห์เหมือนตอนที่ Robert Patrick ทำไว้เลย ส่วนตัวละครอีกตัวที่บทต้องเด่นมากๆ คือ “แดนี่” ที่รับบทโดย “Natalia Reyes” ไม่พูดถึงดีกว่า ถึงตัวละครจะมีความสำคัญเหมือนเป็นหัวใจของเรื่อง แต่บทกลับไม่มีความเด่นเลยแม้แต่น้อย ทำให้ตัวละครนี้ดับสนิทและไม่น่าจดจำไปเลย
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ฉากแอ็คชั่นที่หนังจัดเต็มมาอย่างโหด ตั้งแต่นาทีแรกของหนังก็ไล่ล่ากันสนุกแล้ว ตลอดระยะเวลา 120 นาทีเศษๆ หนังจะมีช่วงพักเบรกแค่ประมาณ 5-10 นาทีเองมั๊ง แล้วก็อัดกันตลอด ความสนุกของมันคือเราจะได้เห็นมนุษย์ดัดแปลงสาวเท่ๆ และลุงกับป้าแก่ๆ มาสู้กับหุ่นยนต์จอมโหด ด้วยตัวละครที่มีหลายตัว ทำให้ฉากต่อสู้มีสีสันมากขึ้นกว่าภาคก่อนๆ ที่แค่ T-800 เท่านั้นที่จะต่อกรกับหุ่นสังหารได้ แต่ภาคนี้ดูสนุกและมีอะไรมากกว่าเดิม
เอาจริงๆ นะส่วนตัวผมว่ามันคือหนังที่กลับมาสนอง need ของ James Cameron และกลับมาทำให้นักดูหนังยุค 90 คิดถึงและอินไปกับหนังได้อย่างดี หนังอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นการรีบู๊ทใหม่ แต่เหมือนกับหนังเป็นตัวเชื่อมเพื่อสานต่อไปสู่เรื่องราวมี่จะพาแฟรนส์ชายส์ให้ก้าวต่อไปได้ (ถ้ามีภาคต่อนะ) หลังจากที่ออกทะเลมาเยอะแล้วจากภาคที่ผ่านๆ มา เพียงแต่ว่าผมยังติดแค่ว่า concept หลักของหนัง มันหนีไม่พ้นเรื่องราวเดิมๆ ที่มีการส่งหุ่นจากอนาคตมาไล่ล่าคนที่จะเป็นคู่ต่อกรในอนาคต แค่นั้นเอง (แต่ผมก็ชอบดูทุกภาคนะ มันเหมือนแต่ละภาคก็จะมีเสน่ห์ในเรื่องราวของตัวเอง)
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ เข้ามาพูดคุยกันได้ครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai
[CR] [#Review] Terminator Dark Fate ฅนเหล็ก วิกฤตชะตาโลก - ภาคต่ออีกภาค ความมันส์สุดจัด แต่เนื้อเรื่องยังคงวนเหมือนเดิม
ว่ากันด้วยเรื่องของหนัง Terminator แฟรนส์ชายส์ ที่กินเวลายาวนานกว่า 30 ปี จากภาคแรก และภาคสอง ที่เป็นสุดยอดหนังตำนานพลิกวงการทำรายได้ถล่มทลาย ถูกมาต่อยอดด้วยเนื้อเรื่องเลอะเทอะของภาค 3 และขยาย timeline ไปเป็นภาค Salvation และ Genisys ที่เนื้อหายิ่งออกทะเลไปกันใหญ่ แต่ว่าเสน่ห์ของ Terminator ก็ยังเป็นหนังที่ดึงดูดคนให้ดูได้ทุกภาค ไม่ว่าเนื้อเรื่องจะเลอะเทอะแค่ไหน ความมันส์ก็ยังคงอยู่ มาถึงภาคนี้ James Cameron แกคันมือมานานแล้ว หลังจากเห็นบทที่ออกทะเลไปไกลของสามภาคหลังจาก Judgement Day ของแก ก็เลยตัดสินใจกลับมาเขียนบทภาคนี้ให้ซะเลย โดยบอกว่า มันคือภาคต่อของ Terminator 2 ที่แท้จริง
เรื่องราวในภาคนี้เกิดขึ้นเมื่อนักรบดัดแปลงสาวนามว่า “เกรซ” ได้ถูกส่งตัวมาจากปี 2042 โดยมีภารกิจให้มาปกป้อง “แดนี่” ผู้จะกลายเป็นคนสำคัญในอนาคตให้พ้นจากการตามล่าของหุ่นสังหาร RAV-9 โดยการมมาครั้งนี้ “เกรซ” และ “แดนี่” ได้รับความช่วยเหลือจาก “ซาร่าห์ คอนเนอร์” ผู้ซึ่งตามล่าล้างบางหุ่นยนต์สังหาร “T-800” มาตั้งแต่ในอดีต แต่กลับกลายเป็นว่าทั้งสามต้องร่วมือกับ “T-800” เพื่อหนีให้พ้นการตามล่าจาก RAV-9
จากเรื่องย่อจะเห็นว่า เนื้อเรื่องที่เล่ามา มันไม่ได้แตกต่างอะไรจากภาคเดิมสักเท่าไหร่ การสร้างตัวละครขที่มีความสำคัญขึ้นมาหนึ่งตัว แล้วถูกตามล่าโดยหุ่นยนต์สังหาร มันก็เป็นแบบนี้มาทุกภาค (ผมยกเว้น Salvation ไว้ภาคนึง ที่สู้กันในอนาคต) หนังยังไม่ได้ฉีกกรอบไปจากเนื้อหาเดิมเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่สิ่งที่ผมชอบในเนื้อเรื่องคือ หนังไม่ได้พยายามจะยัดเยียดความสำคัญของ “จอห์น คอนเนอร์” ให้คนดูรำคาญอีกแล้ว แต่กลับกลายเป็นหนังสร้าง Timeline และตัวละครใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เรื่องราวมันเดินต่อไปได้โดยที่ไม่ต้องมาปวดหัวกับเรื่องราวเดิม เหมือนหนังจะเขียน Story ใหม่ให้ไปต่อได้หลังจากนี้ (ถึงแม้เส้นเรื่องจะ concept เดิมก็ตาม)
พอได้เรื่องราวใน Timeline ใหม่แล้ว ผมคิดว่าหนังคงกลัวว่าจะไม่มีจุดขาย แล้วจะแป้กเหมือนสามภาคก่อนหน้า หนังเลยไปดึงตัวละครเก่ากลับมาสร้างความอิมแพ็คให้กับหนัง ซึ่ง “ซาร่าห์ คอนเนอร์” คือตัวเชื่อมที่ดีระหว่าง Timeline เก่าและใหม่ให้โยงใยมาถึงกันได้อย่างดี ซึ่งบทนี้ต้องเป็น “Linda Hamilton” เท่านั้น จะเป็นคนอื่นไปไม่ได้ และอย่าเอาไปเทียบกับ เวอร์ชั่น “Emilia Clark” ให้ตะขิดตะขวงใจเลย เพราะ “Linda Hamilton” เป็น “ซาร่าห์ คอนเนอร์” ได้ดีมาก และยังคงความเท่และแกร่งไว้ได้อย่างดี สมกับการรอคอย
เมื่อตัวละครเก่าอย่าง “ซาร่าห์ คอนเนอร์” ออกมาสร้างอิมแพ็คให้กับหนังแล้ว หนังก็จำเป็นต้องสร้างตัวละครใหม่ขึ้นมาให้เทียบเคียงกัน ซึ่งในภาคนี้ บทเด่นถูกโยนไปกองไว้ที่ “เกรซ” ทหารดัดแปลงสาวจากอนาคต ผู้ซึ่งกุมความลับทุกอย่างไว้ รับบทโดย “Mackenzie Davis” ซึ่งบทนี้ส่งให้เด่นและเท่มากที่สุดในเรื่องแล้ว พอมาประกบกับ “ซ่าร่าห์ คอนเนอร์” เลยกลายเป็นหนังที่ชูความเป็น Feminine ได้อย่างดี
แต่ถ้าเราพูดถึง Terminator แล้วถ้าจะขาดตัวละครที่เป็นเหมือน icon ของหนังอย่าง T-800 ไปก็จะยังไงอยู่ ตอนแรกผมก็คิดว่าถ้าเป็นภาคต่อจาก Judgement Day เจ้า T-800 มันลงบ่อไปแล้วหนิ แล้วจะหลับมายังไง แต่พอหนังเปิดตัวและบอกที่มาที่ไปของตัวละครตัวนี้ มันกลับกลายเป็นตัวละครที่มีที่มาที่ไปอ่อนยวบมากๆ เหมือนหนังไม่รู้จะเอามันกลับเข้ามายังไง ก็ยัดมันแบบนี้เลยละกัน ก็ตลกดี แต่เราก็จะได้เห็นหุ่นเหล็กแก่ๆ ที่ยังมีพิษสงในแบบอึดถึกที่ดูยังไงก็ยังไม่ทิ้งเสน่ห์เดิมๆ ให้เราคิดถึง แถมในภาคนี้ยังมีการเล่นมุขจิกกัดตัวเองให้ขำเล่นๆ ด้วย
ตัวละครอีกตัวที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ RAV-9 หุ่นยนต์สังหารฝ่ายร้ายที่เหมือนจะพัฒนาจาก T-1000 ที่โคตรเก่งและโหดมากในอดีต หนังคงต้องคิดกันเยอะมากกว่าจะออกมาขนาดนี้ ซึ่งถือว่าอัพเกรดความเก่งได้เจ๋งดีกับตัวละครตัวนี้ เพียงแต่บทมันยังไม่ได้ส่งในนักแสดง “Gabriel Luna” เด่นขึ้นมาเหมือนตอนที่บท T-1000 ส่งให้ “Robert Patrick” กลายเป็นตัวร้ายในตำนานได้ เพราะถ้าดูกันจริงๆ Luna เล่นแข็งสมเป็นหุ่น แต่กลับไม่มีเสน่ห์เหมือนตอนที่ Robert Patrick ทำไว้เลย ส่วนตัวละครอีกตัวที่บทต้องเด่นมากๆ คือ “แดนี่” ที่รับบทโดย “Natalia Reyes” ไม่พูดถึงดีกว่า ถึงตัวละครจะมีความสำคัญเหมือนเป็นหัวใจของเรื่อง แต่บทกลับไม่มีความเด่นเลยแม้แต่น้อย ทำให้ตัวละครนี้ดับสนิทและไม่น่าจดจำไปเลย
และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ฉากแอ็คชั่นที่หนังจัดเต็มมาอย่างโหด ตั้งแต่นาทีแรกของหนังก็ไล่ล่ากันสนุกแล้ว ตลอดระยะเวลา 120 นาทีเศษๆ หนังจะมีช่วงพักเบรกแค่ประมาณ 5-10 นาทีเองมั๊ง แล้วก็อัดกันตลอด ความสนุกของมันคือเราจะได้เห็นมนุษย์ดัดแปลงสาวเท่ๆ และลุงกับป้าแก่ๆ มาสู้กับหุ่นยนต์จอมโหด ด้วยตัวละครที่มีหลายตัว ทำให้ฉากต่อสู้มีสีสันมากขึ้นกว่าภาคก่อนๆ ที่แค่ T-800 เท่านั้นที่จะต่อกรกับหุ่นสังหารได้ แต่ภาคนี้ดูสนุกและมีอะไรมากกว่าเดิม
เอาจริงๆ นะส่วนตัวผมว่ามันคือหนังที่กลับมาสนอง need ของ James Cameron และกลับมาทำให้นักดูหนังยุค 90 คิดถึงและอินไปกับหนังได้อย่างดี หนังอาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นการรีบู๊ทใหม่ แต่เหมือนกับหนังเป็นตัวเชื่อมเพื่อสานต่อไปสู่เรื่องราวมี่จะพาแฟรนส์ชายส์ให้ก้าวต่อไปได้ (ถ้ามีภาคต่อนะ) หลังจากที่ออกทะเลมาเยอะแล้วจากภาคที่ผ่านๆ มา เพียงแต่ว่าผมยังติดแค่ว่า concept หลักของหนัง มันหนีไม่พ้นเรื่องราวเดิมๆ ที่มีการส่งหุ่นจากอนาคตมาไล่ล่าคนที่จะเป็นคู่ต่อกรในอนาคต แค่นั้นเอง (แต่ผมก็ชอบดูทุกภาคนะ มันเหมือนแต่ละภาคก็จะมีเสน่ห์ในเรื่องราวของตัวเอง)
ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ เข้ามาพูดคุยกันได้ครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้