ขุมทรัพย์ทางปัญญาของชาวพุทธ

ผมเคยสงสัยหลายอย่างก่อนที่ผมจะก้าวเข้ามาสู่การศึกษาพระไตรปิฎก คือ ผมสงสัยว่าพระไตรปิฎก "ไม่น่าจะทันสมัย" เพราะเหตุที่ว่าพระไตรปิฎกนั้นจารึกหรือบันทึกมานานแล้ว กว่า ๒๖๐๐ ปี จะมาทันสมัยได้อย่างไร นั่นคือความคิดของผมที่มีต่อพระไตรปิฎก แต่เมื่อก้าวเข้ามาศึกษาพระไตรปิฎกอย่างจริงจังแล้วพบว่า

พระไตรปิฎกนั้น เป็นบันทึกที่
๑. มีความเป็นอดีต
๒. มีความเป็นปัจจุบัน และ
๓. มีความเป็นอนาคต
เรียกได้ว่าบางอย่างเข้าได้กับยุคสมัยนี้ และบางอย่างกำหนดไว้เพื่อเรื่องที่ยังมาไม่ถึง
ขอยกตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้เห็นว่า
เรื่องไหนเป็นเรื่องอดีต เรื่องไหนเป็นเรื่องปัจจุบัน และเรื่องไหนเป็นเรื่องอนาคต

๑) เรื่องที่เป็นอดีต คือเรื่องที่เล่ามาในอดีตชาติ เช่น เรื่องประวัติพระพุทธเจ้าในอดีต เรื่องประวัติศาสตร์ท้องถิ่นประวัติศาสตร์บุคคล เมือง เป็นต้น เช่น ประวัติเมืองเวสาลี ประวัติเมืองพาราณสี อันนี้เป็นเรื่องในอดีตหรือเรื่องชาดกที่เล่าประวัติพระพุทธเจ้าในสมัยที่ทรงเป็นพระโพธิสัตว์ นี่เป็นเรื่องอดีตๆทั้งนั้น

๒) เรื่องที่เป็นปัจจุบันเข้าได้กับทุกยุคทุกสมัย ผมว่าเรื่องนี้ค่อนข้างชัดเจนมาก (แต่บางคนพยายามทำเป็นไม่รับรู้)
เรื่องที่ว่านี้ก็คือ
- เรื่องธรรมชาติของจิตใจมนุษย์
ปกติของมนุษย์ไม่ว่ายุคสมัยใดล้วนมีกิเลส คือความโลภ โกรธ หลง ติดข้างอยู่ในขันธสันดาน
อันนี้ค่อนข้างทันสมัยไม่ว่าโลกจะเปลี่ยนไปอย่างไร มนุษย์ก็มีกิเลสเหมือนเดิมและพฤติกรรมของมนุษย์ที่มีกิเลสนั้น "ล้วนไม่เปลี่ยนแปลง"
เช่นเรื่อง
ความโลภ อยากได้อย่างไม่มีวันสิ้นสุด นี่มีเหมือนกันทุกยุคทุกสมัย
ความโกรธ พยาบาท ปองร้าย ทำร้าย ความอิจฉาริษยา  ดูละคร หรือภาพยนต์ที่สร้างมาสิ พล็อทเรื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่แตกต่างไปจากกันสักเท่าไหร่
ความหลง มัวเมาในชื่อเสียง เกียรติยศ หลงในคำสรรเสริญ ฯลฯ
ซึ่งเรื่องธรรมชาติของจิตใจมนุษย์ที่ถูกเก็บบันทึกไว้ในพระไตรปิฎกมีเยอะมาก

- จริตของมนุษย์ ๖ ประการ นี่ก็ทันสมัยมาก กล่าวคือ คนเราโดยมากมักมีจริตที่วัดได้เป็นแบบนี้คือ
(๑) ราคจริต ผู้มีราคะเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางรักสวยรักงาม มักติดใจ)
(๒)โทสจริต ผู้มีโทสะเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางใจร้อนขี้หงุดหงิด)
(๓) โมหจริต ผู้มีโมหะเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางเหงาซึมงมงาย)
(๔) สัทธาจริต ผู้มีศรัทธาเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางน้อมใจเชื่อ)
(๕) พุทธิจริต ผู้มีความรู้เป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางคิดพิจารณา)
(๖). วิตกจริต ผู้มีวิตกเป็นความประพฤติปกติ (หนักไปทางคิดจับจดฟุ้งซ่าน)

นิสัยหรืออุปนิสัยของคนในสังคมปัจจุบันก็มีเรื่องแบบนี้แหละครับไม่แตกต่างกัน เรื่องนี้ผมจึงคิดว่าเป็นเรื่องที่เป็นปัจจุบันมาก

๓) เรื่องที่เป็นอนาคต ผมว่าเรื่องที่เป็นอนาคตมากที่สุดในพระไตรปิฎกก็คือ เรื่อง "มหาปเทส ๔" เป็นเรื่องที่พระพุทธองค์ทรงวางหลักการเพื่อเปิดช่องให้คนในยุคนี้หรือยุคอนาคตสามารถที่จะเพิ่มเติมเข้ามาในพระธรรมวินัยได้ เป็นเรื่องที่ทรงวางเป็นกรอบในการเปิดช่องให้มีการปรับเปลี่ยนพระธรรมวินัยให้เข้ากับยุคสมัยได้อันนี้ผมว่าเป็นเรื่องที่เลยความทันสมัยไปแล้วมันเป็นโลกอนาคตที่คนสามารถปรับเปลี่ยนคำสอนให้เอื้อกับยุคสมัยในโลกอนาคตได้

ด้วยเหตุที่สำคัญ ๓ ประการที่ผ่านมานี้ผมจึงเห็นว่าพระไตรปิฎกนนั้นมีความทันสมัยมาก และสามารถเข้าได้กับผู้คนในทุกยคุคทุกสมัย ไม่มีการเก่าคร่ำครึดังที่คนยังไม่ได้รู้จักพระไตรปิฎกคิดกัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่