ทำไม MK ถึงฟรี "น้ำชา" แต่ไม่ฟรี "น้ำเปล่า" ครับ ?

ทำไม MK ถึงฟรีน้ำชาแต่ไม่ฟรีน้ำเปล่า ทั้ง ๆ ที่ต้นทุนของน้ำเปล่าน่าจะถูกกว่า เพราะน้ำชาก็ต้องเอาน้ำเปล่าไปต้มแล้วผสมใบชา ต้องมีค่าใช้จ่ายกับใบชา และการต้มน้ำอีก...

ปล. ผมไม่ดื่มชาครับ เลยต้องสั่งน้ำเปล่าตลอด (ซื้อไปเองจากข้างนอก พอกินสุกี้เสร็จ มันก็หายเย็นหมดแล้ว TT)

เพี้ยนเพลีย
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
คิดว่า
น้ำชาคงจะต้มเองที่สาขา ใช้น้ำกรอง
ส่วนน้ำเปล่าขายใส่ขวด เลยแพงกว่าไง
ความคิดเห็นที่ 23
ถ้าฟรีน้ำเปล่าปัญหาจุกจิกจะยิ่งเยอะครับ คำถามหลายๆคำถามจะตามมา ทั้งเอาน้ำมาจากไหน น้ำสะอาดหรือเปล่า ทำไมน้ำรสชาติแบบนี้ ทำไมน้ำถึงมีกลิ่น ถ้าเป็นร้านข้างถนนคนทั่วไปจะไม่ค่อยถามอะไรแบบนี้หรอกแต่ถ้าเป็นร้านอบบ MK เชื่อได้ว่าคำถามแบบนี้ต้องมีมาแน่ๆ การใช้น้ำชาผมว่ามันเป็นเหมือนสิ่งที่บอกเรามาโดยอ้อมๆว่า น้ำนี่ผ่านการต้มมาแล้วแถมยังช่วยเรื่องกลิ่นและรสชาติไปในตัวด้วย
ปล.ลองถามตัวเองดูว่าขนาดเค้าบอกน้ำประปากินได้แต่เราก็ยังคงซื้อน้ำกินกันอยู่ดี
ความคิดเห็นที่ 5
มันเป็นธุรกิจครับ  เพราะเค้าทราบว่ามีคนไม่ดื่มน้ำชาแบบคุณ
เค้าเลยทำน้ำเปล่าขายไงครับ
ความคิดเห็นที่ 16
อะไรที่ให้มาเป็นเหยือกเราไม่รู้ว่าเขาใช้น้ำอะไรต้ม แต่คงไม่ลงทุนถึงขั้นใช้น้ำเปล่าต้ม คิดว่าใช้น้ำก๊อกที่กรองน้ำได้น่าจะง่าย สะดวก และถูกสุด ชาเมื่อไปละลายกับน้ำก็ไม่กี่บาท เห็นได้จากชาไม่ค่อยเข้มข้นเท่าไหร่ ส่วนน้ำเปล่าต้นทุนแพงมากทั้งใส่เหยือกหรือขวดยังแพงกว่าชา ในกรณีน้ำเปล่าฟรีการจัดเก็บน้ำในรูปแบบถังหรือขวดในพื้นที่ที่จำกัดของร้านคงไม่เวิร์คเท่าไหร่ หรือถ้าใช้น้ำเปล่าจากการกดน้ำก๊อกแบบเครื่องกรองน้ำคงโดนโวย เพราะกลิ่นชัดมาก เราเลยคิดว่าทั้งค่าต้นทุนและการสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์ดูไฮคลาส คิดดูทั้ง1.ต้นทุน 2.ทั้งการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่าที่สุดคือชาในเหยือกเทวนรอบกี่คนกี่โต๊ะก็ได้ แทบจะไม่มีคำว่าเหลือ ถ้าให้เป็นขวดมันก็จะอยู่ที่โต๊ะนั้นเท่านั้น เหลือมากเหลือน้อย ก็ต้องมากำจัดขยะอีก แล้วถ้าถามว่าทำไมไม่เอาน้ำเปล่าใส่เหยือกมาล่ะ ตามที่ได้พูดไว้ข้างบนเลยมันดูโลวและไม่สะอาด 3.การจัดเก็บ 4.ยกระดับแบรนด์ แบรนด์อาจคิดหรือไม่คิดแบบนี้ไม่รู้นะ เป็นเพียงการวิเคราะห์ของเราเท่านั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่