รีวิว The Predator : เดอะ เพรดเดเทอร์ (2018)
สนุกมันส์ บู๊เลือดสาดกระจาย ไม่ต้องหาเหตุผลใดๆ
[**No Spoil นอกตัวอย่างหนัง]
ถ้าจะให้คำจำกัดความของหนังเรื่องนี้ มันเป็นหนังที่ดูสนุก ดูเพลิน ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับความมันส์ในแบบโหด ดิบ เถื่อน ระดับเรท R แต่มีข้อแม้ว่า.. คุณจะต้องวางตรรกะ ความสมเหตุสมผลทิ้งลงพื้นเหมือนกองเสื้อผ้าที่เมียใช้ให้ซักแล้วยังไม่ได้ซักอะไรแบบนั้นนั่นแหละ..
เรื่องราวของ The Predator หรืออ่านแบบสำเนียงไทยๆ เราว่าพรีเดเตอร์ ในส่วนของภาคนี้ไม่จำเป็นต้องดูภาคอื่นๆ มาก่อนเลยก็รู้เรื่องได้แน่นอน เพราะตัวเราเองก็จำไม่ได้แล้วว่าภาคที่ผ่านๆ มามันเป็นยังไง
#ฮาาาาาาา #น้ำตาจะไหลให้กับสมองตัวเอง ในภาคนี้จะพูดถึงการมาเยือนโลกมนุษย์ครั้งใหม่ของนักล่าจากห้วงอวกาศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์อะไรบางอย่างที่บอกไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะโดนเพื่อนๆ ด่าว่า ไหนต้นโพสต์บอกไม่สปอยล์ไง !!!
เอาเป็นว่ามันบุกมาก็แล้วกัน และการบุกโลกคราวนี้ก็ไม่ได้มาตัวเดียวเปลี่ยวหัวใจ แต่มีนักล่าสายพันธุ์ใหม่ใหญ่กว่าเดิมที่อัพเกรดมาแล้ว พร้อมด้วยหมาน้อยน่ารักๆ
#ตรงไหนฟะ!! ที่จะมาช่วยวิ่งไล่ล่ามนุษย์เราอีกด้วย
โดยรวมสเกลหนังค่อนข้างเล็ก มีเพียงมนุษย์กลุ่มหนึ่งเพียงหยิบมือเท่านั้น ที่รู้ถึงการมาของอาคันตุกะต่างดาวพวกนี้ และจับพลัดจับผลู (ดวงซวยนั่นแหละ) จำเป็นต้องเข้าต่อกรกับมันก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้..
ความรู้สึกหลังสดับรับชม
อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นว่ามันเป็นหนังที่สนุกมากๆ แต่ด้วยความที่จุดอ่อนของหนังแนวนี้อยู่ที่ความสมเหตุสมผลของบทเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็ยิ่งอ่อนปวกเปียกมากๆ อ่อนยิ่งกว่าอะไรบางอย่างของคุณลุงวัยใกล้เกษียณซะเสียอีก อีกทั้งตัวบทหนังยังใช้ความบังเอิญ ความแถ ความสกิลตัวเอกมาช่วยมากเกินไป มันทำให้เรารู้สึกอะไรมันจะโอเวอร์ปานนั้น ซึ่งก็นั่นแหละ ถ้าอยากดูให้สนุกก็ต้องโยนความคาดหวังเรื่องนี้ทิ้งไป เราจึงดูแบบโยนตรรกะทั้งหมดทิ้งไปอย่างไม่ใยดี..
หนังมาทำคะแนนชดเชยด้วยฉากแอคชั่นมันส์ๆ ฉากบู๊แทน ที่ทำออกมาระดับหัวแบะ หัวขาด เลือดสาดกระจายสะใจผีกระสือ ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับหนังฟอร์มยักษ์อื่นๆ ก็แนวๆ Transformers ประมาณนั้นครับ
อีกจุดหนึ่งที่เราชอบคือ "มุกตลก" ซึ่งบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนนะที่ขำกับมุกแนวนี้ เนื่องด้วยผู้กำกับ "เชน แบล็ก" ที่มีดีกรีเคยกำกับ Iron Man 3 มาแล้ว ทำให้กลิ่นอายของมุกละม้ายคล้ายคลึงกับหนัง Marvel เสียมาก ส่วนใหญ่เป็นมุกตลกหน้าตายไม่ดูเวล่ำเวลาซะส่วนใหญ่ แต่เราก็ชอบไอเดียที่เขาครีเอทมุกในเรื่องนี้นะ
สรุป.. ถึงจะทั้งบ่นทั้งชม แต่มันก็เป็นหนังที่ดูสนุก ควรค่าแก่การดูในโรงเอามากๆ เรื่องนึงเลย ถ้าลดขนาดจอมาเป็นทีวีที่บ้าน อาจจะทำให้เสียอรรถรสไปมิใช่น้อยครับ
"รสนิยมการดูหนังแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
ถ้าคุณคิดว่าใช่ พิสูจน์ด้วยตาของคุณเองดีที่สุด
แล้วอย่าลืมกลับมาคุยกันนะครับ ^^"
.
.
.
#ก็แค่คนชอบดูหนัง
#ThePredator #เดอะเพรดเดเทอร์
อยากอ่านก่อน อ่านไวเจอกันในเพจ "ก็แค่คนชอบดูหนัง" ได้นะคร้าบบบ ><
บางเรื่องขี้เกียจลงบอร์ด บางเรื่องขี้เกียจรีวิวเลยก็มี 5555555
https://www.facebook.com/JustAManLikeToWatchMovie
[CR] [ก็แค่คนชอบดูหนัง] รีวิว The Predator : วางสมองไว้ที่บ้าน แล้วดูเอามันส์ล้วนๆ [**No Spoil]
รีวิว The Predator : เดอะ เพรดเดเทอร์ (2018)
สนุกมันส์ บู๊เลือดสาดกระจาย ไม่ต้องหาเหตุผลใดๆ
[**No Spoil นอกตัวอย่างหนัง]
ถ้าจะให้คำจำกัดความของหนังเรื่องนี้ มันเป็นหนังที่ดูสนุก ดูเพลิน ทำให้เราเพลิดเพลินไปกับความมันส์ในแบบโหด ดิบ เถื่อน ระดับเรท R แต่มีข้อแม้ว่า.. คุณจะต้องวางตรรกะ ความสมเหตุสมผลทิ้งลงพื้นเหมือนกองเสื้อผ้าที่เมียใช้ให้ซักแล้วยังไม่ได้ซักอะไรแบบนั้นนั่นแหละ..
เรื่องราวของ The Predator หรืออ่านแบบสำเนียงไทยๆ เราว่าพรีเดเตอร์ ในส่วนของภาคนี้ไม่จำเป็นต้องดูภาคอื่นๆ มาก่อนเลยก็รู้เรื่องได้แน่นอน เพราะตัวเราเองก็จำไม่ได้แล้วว่าภาคที่ผ่านๆ มามันเป็นยังไง #ฮาาาาาาา #น้ำตาจะไหลให้กับสมองตัวเอง ในภาคนี้จะพูดถึงการมาเยือนโลกมนุษย์ครั้งใหม่ของนักล่าจากห้วงอวกาศ ซึ่งมีวัตถุประสงค์อะไรบางอย่างที่บอกไม่ได้ เพราะเดี๋ยวจะโดนเพื่อนๆ ด่าว่า ไหนต้นโพสต์บอกไม่สปอยล์ไง !!!
เอาเป็นว่ามันบุกมาก็แล้วกัน และการบุกโลกคราวนี้ก็ไม่ได้มาตัวเดียวเปลี่ยวหัวใจ แต่มีนักล่าสายพันธุ์ใหม่ใหญ่กว่าเดิมที่อัพเกรดมาแล้ว พร้อมด้วยหมาน้อยน่ารักๆ #ตรงไหนฟะ!! ที่จะมาช่วยวิ่งไล่ล่ามนุษย์เราอีกด้วย
โดยรวมสเกลหนังค่อนข้างเล็ก มีเพียงมนุษย์กลุ่มหนึ่งเพียงหยิบมือเท่านั้น ที่รู้ถึงการมาของอาคันตุกะต่างดาวพวกนี้ และจับพลัดจับผลู (ดวงซวยนั่นแหละ) จำเป็นต้องเข้าต่อกรกับมันก่อนที่อะไรมันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้..
ความรู้สึกหลังสดับรับชม
อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นว่ามันเป็นหนังที่สนุกมากๆ แต่ด้วยความที่จุดอ่อนของหนังแนวนี้อยู่ที่ความสมเหตุสมผลของบทเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็ยิ่งอ่อนปวกเปียกมากๆ อ่อนยิ่งกว่าอะไรบางอย่างของคุณลุงวัยใกล้เกษียณซะเสียอีก อีกทั้งตัวบทหนังยังใช้ความบังเอิญ ความแถ ความสกิลตัวเอกมาช่วยมากเกินไป มันทำให้เรารู้สึกอะไรมันจะโอเวอร์ปานนั้น ซึ่งก็นั่นแหละ ถ้าอยากดูให้สนุกก็ต้องโยนความคาดหวังเรื่องนี้ทิ้งไป เราจึงดูแบบโยนตรรกะทั้งหมดทิ้งไปอย่างไม่ใยดี..
หนังมาทำคะแนนชดเชยด้วยฉากแอคชั่นมันส์ๆ ฉากบู๊แทน ที่ทำออกมาระดับหัวแบะ หัวขาด เลือดสาดกระจายสะใจผีกระสือ ถ้าจะให้เปรียบเทียบกับหนังฟอร์มยักษ์อื่นๆ ก็แนวๆ Transformers ประมาณนั้นครับ
อีกจุดหนึ่งที่เราชอบคือ "มุกตลก" ซึ่งบอกก่อนว่าไม่ใช่ทุกคนนะที่ขำกับมุกแนวนี้ เนื่องด้วยผู้กำกับ "เชน แบล็ก" ที่มีดีกรีเคยกำกับ Iron Man 3 มาแล้ว ทำให้กลิ่นอายของมุกละม้ายคล้ายคลึงกับหนัง Marvel เสียมาก ส่วนใหญ่เป็นมุกตลกหน้าตายไม่ดูเวล่ำเวลาซะส่วนใหญ่ แต่เราก็ชอบไอเดียที่เขาครีเอทมุกในเรื่องนี้นะ
สรุป.. ถึงจะทั้งบ่นทั้งชม แต่มันก็เป็นหนังที่ดูสนุก ควรค่าแก่การดูในโรงเอามากๆ เรื่องนึงเลย ถ้าลดขนาดจอมาเป็นทีวีที่บ้าน อาจจะทำให้เสียอรรถรสไปมิใช่น้อยครับ
"รสนิยมการดูหนังแต่ละคน ไม่เหมือนกัน
ถ้าคุณคิดว่าใช่ พิสูจน์ด้วยตาของคุณเองดีที่สุด
แล้วอย่าลืมกลับมาคุยกันนะครับ ^^"
.
.
.
#ก็แค่คนชอบดูหนัง
#ThePredator #เดอะเพรดเดเทอร์
อยากอ่านก่อน อ่านไวเจอกันในเพจ "ก็แค่คนชอบดูหนัง" ได้นะคร้าบบบ ><
บางเรื่องขี้เกียจลงบอร์ด บางเรื่องขี้เกียจรีวิวเลยก็มี 5555555
https://www.facebook.com/JustAManLikeToWatchMovie
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้