สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากมาแชร์ประสบการณ์การสอบ TOEIC ครั้งแรกค่ะ ตั้งแต่การลงทะเบียนสอบ การเตรียมตัวก่อนไปสอบ รวมถึงทริค/ข้อแนะนำการสอบของแต่ละพาร์ทที่จะเจอในข้อสอบ TOEIC ค่ะ
อยากให้อ่านให้จบ, อ่านคร่าวๆก็ได้ถ้ายาวไป 5555 เพราะตั้งใจเขียนแบบลงละเอียดให้จากประสบการณ์ตรง เชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะไปสอบ ไม่มากก็น้อยค่ะ ถ้าผิดพลาดอะไรยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ
การลงทะเบียน
ตอนแรกเราพยายามหาการลงทะเบียนออนไลน์เหมือนพวก TOEFL แต่มันไม่มี 555
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเว็บ
http://www.cpathailand.co.th/
เท่าที่เราเข้าใจ เขามีเปิดสอบทุกวันจันทร์-เสาร์ค่ะ มี 2 รอบ; รอบเช้า 9.00 หรือรอบบ่าย 13.00
(มีรอบพิเศษ 16.00 ด้วย แต่ไม่รู้ว่าอันนี้คืออะไรยังไง)
อันนี้ขอบอกเป็นรายละเอียดของการสอบแบบ
Personal Testing นะคะ (เราสอบแบบ Personal อ่ะ มันจะมีแบบ Organization Affiliated Testing)
ต้องโทรไปจองสอบอย่างน้อย 1 วันล่วงหน้านะคะ
จองสอบด้วยตัวเองที่ออฟฟิศของ CPA ที่ตึก BB Building หรือ จองผ่านโทรศัพท์ก็ได้ค่ะ โทรไปใน เวลาทำการ
(8:00-16:30 เบอร์ 02-260-7061 หรือ 02-259-3990 ext.101-107, หรือ 603 สำหรับ English speakers (Bangkok Test Center), (053) 241-273, 241-274, 241-275 (Chiangmai Test Center)
ไปจ่ายตังค์ค่าสอบในวันสอบค่า 1500 บาทค่ะ
สอบเสร็จ รับคะแนนวันทำการถัดไปได้เลย ถ้าสอบรอบเช้า มารับผลสอบได้ตั้งแต่ 10.00-16.30 ถ้าสอบรอบบ่าย จะมารับได้ตั้งแต่ 12.00-16.30
การเตรียมตัวสอบ
อันนี้ตามตรงคือ เรามีพื้นฐานอังกฤษพอสมควร แล้วเคยสอบพวก TOEFL, IELTS, SAT มาก่อน TOEIC เลยไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ที่ยากคือเราตั้ง Goal ว่าอยากได้ 900+
หลักๆ เลยการเตรียมตัวสอบ เราหาพวกตัวอย่างข้อสอบออนไลน์ดูค่ะ
แล้วก็ทำความคุ้นเคยกับข้อสอบว่า แต่ละพาร์ทมันจะสอบประมาณไหน (เดี๋ยวเรามาลงรายละเอียดตัวข้อสอบให้ด้านล่างค่ะ ว่าแต่ละพาร์ทจะเจอไรบ้างในข้อสอบ ควรรู้ก่อนไปสอบนาจา!!! อันนี้สำคัญมาก)
แล้วก็เราไปหาคอร์สเรียนออนไลน์ในเน็ตเพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ก็เลยคิดว่ายังงี้สะดวกกว่า
จริงๆมันมีคอร์สเรียน TOEIC หลายที่เลยแต่เลือกเรียนคอร์สครูดิวค่ะ ไหนๆก็เรียนแล้ว ขอเล่าคร่าวๆว่าเป็นไงบ้าง อันนี้เฟสเขา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(FB: KruDew TOEIC ติวโทอิค Online การันตี 750 คะแนน) ที่เลือกอันนี้เพราะได้ดูวีดิโอตัวอย่างของครูใน YouTube แล้วชอบ แบบว่าครูคนนี้น่ารักดี ตลกดี 55555 เป็นการเรียนผ่านเว็บไซต์ค่ะ สามารถเข้ามาเรียนตอนไหนก็ได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(https://www.opendurian.com/toeic_krudew/) แล้วเขามีหนังสือเรียนส่งมาให้ที่บ้านด้วย ในหนังสือมีทั้งแนวเติมคำในช่องว่างจากสิ่งที่ครูสอนในคลิปอ่ะ ต้องดูคลิปก่อน แล้วใช้อันนี้มาทบทวน แล้วก็มีพวกแบบฝึกหัดให้ลองทำดู
ในเว็บไซต์ ครูจะแบ่งบทเรียนให้เป็น 12 บท (110 คลิป บางคลิปก็สั้นๆไม่ถึง 10 นาที บางคลิปยาวหน่อยเกือบๆครึ่งชั่วโมง)
แรกๆ บท 1-5 จะปูพื้นฐานให้ หัวข้อที่เรียนจะประมาณนี้: Part of Speech, Connectors, Tenses, Participles, If-Clause และ Comparisons หลังจากนั้นเขาจะสอนไกด์ไลน์พวก คำถามที่ออกบ่อย จุดที่ควรระวัง แนวข้อสอบ อะไรแบบนี้
โดยรวมๆ เอาจริงๆนะสำหรับเรา หลังจากเรียนแล้วเรารู้สึกว่า คอร์สนี้เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานอังกฤษยังไม่แน่นมากอ่ะ หรือแบบพอมีพื้นฐานบ้างนิดหน่อย อาจจะพอพูดได้ แต่แกรมม่า vocab ยังไม่เป้ะมากแต่อยากอัพคะแนน อันนี้อ่ะเหมาะมากกกกก เราเชื่อว่าถ้าเรียนหมดแล้วจำได้ตามที่เขาสอน คะแนนขึ้นชัวร์ เพราะเขาจะมีทริคการจำเยอะมาก แบบแต่งเป็นเพลงมาให้ไรงี้ 5555 ครูมีการเต้นประกอบเพลงด้วยจ้า ติดหูมากกก
แบบอย่างเช่น สังเกตว่าคำไหนเป็นคำนาม เขาจะให้ท่อง
ยาย tion ปากหอม ยาย dom ปากment ยาย ship หมากกระde nce โดน sis เตอร์เพ็ญกระเด็นไปเลย!
(เผื่อใครงง มันอ่านว่า ยายชัญปากหอม ยายดอมปากเหม็น ยายชิบหมากกระเด็น โดนซิสเตอร์เพ็ญกระเด็นไปเลย เป็นวิธีจำว่าคำนามส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วย –tion, -dom, -ship, -dence, -sis อะไรประมาณนั้น 555)
อยากจะบอกว่า ติดหูมากกก 555
แต่ถ้าเป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ แบบใช้ความเคยชิน แล้วมาเรียนอาจจะรู้สึกว่าแบบ ทำไมต้องท่องเบอร์นั้น เพราะหลายคำส่วนใหญ่ก็จะค้นๆหูกันมาบ้าง ก็จะแนะนำให้ skim วีดิโอเอา ไปโฟกัสแค่จุดที่ตัวเองไม่แม่น โฟกัสเป็นเรื่องๆจะดีกว่า แล้วก็ที่สำคัญ ทำแบบฝึกหัดเยอะๆๆ
ข้อสอบมันไม่ได้ต่างอะไรมากกับแบบฝึกหัดขนาดนั้นหรอก ทำไปเรื่อยๆแล้วถ้าในแบบฝึกหัด ทำได้ 80% อัพ เราว่าในช้อสอบ สบาย อันนี้ลิสต์เว็บที่เราใช้
https://www.examenglish.com/TOEIC
https://www.4tests.com/toeic
ตัวข้อสอบ
หลักๆเลย เราสอบ Listening & Reading กัน
Listening
ให้เวลาทำทั้งหมด 45 นาทีค่ะ อันนี้เราไม่ค่อยกังวลเรื่องเวลามาก เพราะเราทำไปพร้อมๆกับที่ฟังเขาพูด แค่แบบพาร์ทนี้ต้องตั้งสติมากๆ ถ้าหลุดคือหลุดเลยอ่ะ แล้วสำหรับเราพาร์ทนี้คือพาร์ทที่ช่วยดึงคะแนนขึ้น
มีทั้งหมด 4 พาร์ทย่อยใน Listening ค่ะ เขาจะมี directions ให้ในแต่ละพาร์ท
Part 1 - Listening 10 ข้อ
เขาจะให้รูปภาพมาค่ะ ให้มาแต่ภาพ ไม่มีข้อความอะไรเลย
ทีนี้ในเทปเสียง เขาจะพูดมา 4 statements แล้วให้เราเลือกว่า statement ไหนที่สอดคล้องกับรูปภาพมากที่สุด เขาจะพูดรอบเดียวนะ เพราะงั้นตั้งใจฟังดีๆ
แล้วแบบ
*ข้อควรระวังอย่างนึงสำหรับเรานะ คือคนส่วนใหญ่จะฟัง แล้วจับ keywords เอา ซึ่งมันได้ผลบางข้อ แต่ไม่ใช่ทุกข้ออ่ะ
สมมุติว่า ในรูปภาพเป็นรูปครูสอนหนังสือ แล้วเด็กยกมือตอบ มีช้อยว่า
A. The teacher is holding up her hand
B. The children are speaking to each other
C. The children are sitting in groups
D. The children are participating in the lesson
บางคนอาจจะตอบข้อ A เลยเพราะได้ฟังแค่ holding up her hand คือผิดไปเลยนะ ฟังดีๆ ข้อนี้ตอบ D ค่ะ
Part 2 - Listening 30 ข้อ
พาร์ทนี้ เราจะได้ยินคำถามหรือ statement ค่ะ แล้วก็จะได้ยิน response แต่ในข้อสอบจะไม่มีข้อความไรเลย คือแค่ต้องเลือกช้อยส์เอาเองว่า response อันไหนเหมาะสุดที่จะตอบคำถาม/statement ที่ได้ยิน
เช่น
เราจะได้ยินว่า Where is the meeting room?
แล้วก็ได้ยินอีกว่า (A) To meet the new director. (B) It’s the first room on the right. (C) Yes, at two o’clock.
ตอบข้อ B ค่ะ เท่าที่เจอ เราคิดว่าส่วนใหญ่จะตอบตรงๆเลย ไม่มีหลอกไรเรามาก
Part 3 - Listening 30 ข้อ
พาร์ทนี้ เราจะได้ยินคน 2 คนคุยกัน แล้วแต่ละ conversation จะใช้ตอบคำถาม 3 ข้อค่ะ พาร์ทนี้ยากกว่า 2 พาร์ทแรก เพราะเขาจะคุยกันรัวๆเลย แล้วเราต้องจับใจความให้ได้เขาคุยเรื่องอะไรกัน ใครต้องการอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วก็จะมีแนวที่แบบต้อง infer อ่ะ
สมมุตินะ ผู้หญิงอาจจะบอกผู้ชายว่า ในเมืองรถติดเยอะมาก แถวบ้านเรารถไม่ติดเลย
คำถามอาจจะถามว่า What can be inferred about the woman?
คำตอบอาจจะเป็น She lives outside the city.
อะไรประมาณนี้ คือจะเป็นการ infer ที่ไม่ได้ซับซ้อนไรมากอ่ะ
*พาร์ท 3 และ 4 มันจะมีคำถามให้ในเล่มคำถาม แนะนำว่า อ่านคำถามก่อนที่ audio จะเริ่ม! รีบอ่านคร่าวๆ แล้ว highlight พวก keywords ไว้ก่อน เวลาฟัง เราจะได้รู้ว่าเราควรโฟกัสอะไร
Part 4 - Listening 30 ข้อ
อันนี้จะคล้ายๆ พาร์ทที่ 3 ค่ะ แต่ต่างกันตรงที่ว่า พาร์ท 4 จะเป็นบทสนทนาคนเดียว อาจจะเป็น announcement ไรงี้ก็ได้
Reading
พาร์ทนี้ให้เวลาทำทั้งหมด 75 นาทีค่ะ แนะนำว่าแบ่งเวลาดีๆ เพราะตอนเราไปสอบ เกือบทำไม่ทัน 5555 มาปั่นวินาทีสุดท้าย อ่านแบบคร่าวๆสุดๆ อันหลังๆ ไม่แนะนำจ้าา
*ให้ดีคือ ต้องทำพาร์ทเติมคำในช่องว่างให้เร็วๆ จะได้มีเวลาเหลือ มาอ่านพวก texts แต่คือเร็วแต่ต้องมั่นใจด้วยนะว่าถูก เพราะว่า ข้อเติมคำในช่องว่าง เป็นเหมือนข้อตัวช่วย boost คะแนนอ่ะเราว่า มันใช้เวลาทำน้อยกว่า ข้อหลังๆที่ต้องอ่านข้อความก่อนตอบ
สำหรับเรา เราจะฝนๆไปก่อนในข้อที่เราคิดว่าตอบข้อนี้ แต่ว่าอันไหนไม่ชัวร์จะฝนไว้ แต่ก็ mark ไว้ในตัวข้อสอบด้วยว่าข้อนี้ไม่ชัวร์ เผื่อเหลือเวลา จะได้กลับมาทวนอีกรอบ แต่ถ้าไม่เหลือก็จะได้อย่างน้อย ไม่ได้เว้นว่าง เพราะข้อสอบอันนี้ไม่มีการตัดคะแนนถ้าตอบผิด ห้ามเว้นว่างเด็ดขาด !!!
Part 5 (40 ข้อ) & 6 (12 ข้อ) - Reading
เป็นพาร์ทเติมคำในช่องว่างค่ะ
Part 5 เติมในประโยค Part 6 เติมใน text
หลักๆเลยนะ พาร์ทนี้เน้น vocabulary และ grammar ค่ะ
Vocab ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเกินไป กลางๆ ถ้าใครเคยสอบ Vocab ไม่ยากเท่า SAT Reading แต่น่าจะพอๆกับหรืออาจจะง่ายกว่า TOEFL และ IELTS
คำศัพท์จะประมาณคำพวกนี้ เช่น combine, eligible, expressed, policy
ส่วน grammar ที่เห็นออกบ่อยๆนะ tense ต้องรู้ๆ จำไว้เลย ไอพวก has/have+v.3, ต้องรู้ว่า be+v.3 กับ ไม่มี be แตกต่างกันยังไง
เช่น You will pay twice a month. คุณจะจ่ายสองครั้งต่อเดือน (อันนี้เราเป็นคนจ่าย)
กับ You will be paid twice a month. คุณจะถูกจ่ายสองครั้งต่อเดือน (อันนี้เราเป็นคนรับ)
ความหมายเปลี่ยนนะ
แล้วก็ต้องแยกให้ได้ว่า คำไหนเป็น noun, adjective, verb, adverb
เรื่อง conjunction ก็ออกบ่อย แล้วก็ ที่เห็นเจอบ่อยคือ v. to be+pleased คือแปลว่า พอใจนะ ไม่ใช่แปลว่าได้โปรด 5555 อันนี้ออกบ่อย
เรื่องอื่นๆลองไปทวนๆกันเองจ้า มันเยอะอ่ะ ลงรายละเอียดหมดคงไม่ไหว
Part 7 - Reading
เขาจะให้ texts มา อาจจะเป็นจาก articles, letters, advertisements, magazine, newspaper ได้หมดเลย แล้วจะมีคำถามให้ตอบ อ้างอิงจาก text นั้นๆ
เขาจะถามพวก main idea, purpose ของ texts แล้วก็อาจจะมีถามประมาณว่า คำว่า... ใน texts หมายถึงอะไร/หมายถึงใคร อะไรประมาณนี้ แล้วก็มีถามรายละเอียดอื่นๆใน texts คำถามมีทั้งแบบที่ หาคำตอบได้ตรงๆจากใน texts เลย แล้วก็มีแบบที่ต้องอ่าน texts แล้วจับใจความให้ได้เพื่อไปตอบคำถาม
ถ้าใครอ่านไม่ทันจริงๆ ให้สังเกตุว่า ใน paragraph ยาวๆ ส่วนใหญ่ประโยคแรกกับประโยคสุดท้ายของแต่ละสำคัญค่ะ ส่วนประโยคกลางๆจะมาช่วย support ประโยคแรก
เราจะได้พอรู้ว่าจากในแต่ละคำถาม เราควรหาคำตอบจาก paragraph ไหน
พาร์ทนี้มี 2 แบบคือ
Single Passages 28 ข้อ มีประมาณ 7-10 texts แต่ละอันมีคำถามประมาณ 2-5 คำถาม อ่านเยอะมากจ้าาาาา ถึงบอกว่าทำเวลาดีๆ
Double Passages 20 ข้อ มี texts ทั้งหมด 4 คู่ แต่ละคู่มี 5 คำถาม คู่ๆนิหมายถึงว่า มันจะมี 2 texts ในคู่นึงอ่ะ แล้วใช้ 2 texts นั้นตอบคำถาม
ผลสอบ
คะแนนจะถูกแปลงเป็นคะแนน 5-495 ในพาร์ท Listening และ พาร์ท Reading ค่ะ
สอบพาร์ทรวมกัน คะแนนเต็ม 990 ค่ะ สามารถใช้คะแนนสอบได้ 2 ปีนับจากวันที่สอบค่ะ
ใครจะไปสอบก็โชคดีน้าาา ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ
[CR] มาแชร์ประสบการณ์และ tips สำหรับการสอบ TOEIC ค่ะ (960/990)
อยากให้อ่านให้จบ, อ่านคร่าวๆก็ได้ถ้ายาวไป 5555 เพราะตั้งใจเขียนแบบลงละเอียดให้จากประสบการณ์ตรง เชื่อว่าน่าจะมีประโยชน์สำหรับคนที่กำลังจะไปสอบ ไม่มากก็น้อยค่ะ ถ้าผิดพลาดอะไรยังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ
การลงทะเบียน
ตอนแรกเราพยายามหาการลงทะเบียนออนไลน์เหมือนพวก TOEFL แต่มันไม่มี 555
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเว็บ http://www.cpathailand.co.th/
เท่าที่เราเข้าใจ เขามีเปิดสอบทุกวันจันทร์-เสาร์ค่ะ มี 2 รอบ; รอบเช้า 9.00 หรือรอบบ่าย 13.00
(มีรอบพิเศษ 16.00 ด้วย แต่ไม่รู้ว่าอันนี้คืออะไรยังไง)
อันนี้ขอบอกเป็นรายละเอียดของการสอบแบบ Personal Testing นะคะ (เราสอบแบบ Personal อ่ะ มันจะมีแบบ Organization Affiliated Testing)
ต้องโทรไปจองสอบอย่างน้อย 1 วันล่วงหน้านะคะ
จองสอบด้วยตัวเองที่ออฟฟิศของ CPA ที่ตึก BB Building หรือ จองผ่านโทรศัพท์ก็ได้ค่ะ โทรไปใน เวลาทำการ
(8:00-16:30 เบอร์ 02-260-7061 หรือ 02-259-3990 ext.101-107, หรือ 603 สำหรับ English speakers (Bangkok Test Center), (053) 241-273, 241-274, 241-275 (Chiangmai Test Center)
ไปจ่ายตังค์ค่าสอบในวันสอบค่า 1500 บาทค่ะ
สอบเสร็จ รับคะแนนวันทำการถัดไปได้เลย ถ้าสอบรอบเช้า มารับผลสอบได้ตั้งแต่ 10.00-16.30 ถ้าสอบรอบบ่าย จะมารับได้ตั้งแต่ 12.00-16.30
การเตรียมตัวสอบ
อันนี้ตามตรงคือ เรามีพื้นฐานอังกฤษพอสมควร แล้วเคยสอบพวก TOEFL, IELTS, SAT มาก่อน TOEIC เลยไม่ได้ยากขนาดนั้น แต่ที่ยากคือเราตั้ง Goal ว่าอยากได้ 900+
หลักๆ เลยการเตรียมตัวสอบ เราหาพวกตัวอย่างข้อสอบออนไลน์ดูค่ะ
แล้วก็ทำความคุ้นเคยกับข้อสอบว่า แต่ละพาร์ทมันจะสอบประมาณไหน (เดี๋ยวเรามาลงรายละเอียดตัวข้อสอบให้ด้านล่างค่ะ ว่าแต่ละพาร์ทจะเจอไรบ้างในข้อสอบ ควรรู้ก่อนไปสอบนาจา!!! อันนี้สำคัญมาก)
แล้วก็เราไปหาคอร์สเรียนออนไลน์ในเน็ตเพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีเวลา ก็เลยคิดว่ายังงี้สะดวกกว่า
จริงๆมันมีคอร์สเรียน TOEIC หลายที่เลยแต่เลือกเรียนคอร์สครูดิวค่ะ ไหนๆก็เรียนแล้ว ขอเล่าคร่าวๆว่าเป็นไงบ้าง อันนี้เฟสเขา [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ที่เลือกอันนี้เพราะได้ดูวีดิโอตัวอย่างของครูใน YouTube แล้วชอบ แบบว่าครูคนนี้น่ารักดี ตลกดี 55555 เป็นการเรียนผ่านเว็บไซต์ค่ะ สามารถเข้ามาเรียนตอนไหนก็ได้ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แล้วเขามีหนังสือเรียนส่งมาให้ที่บ้านด้วย ในหนังสือมีทั้งแนวเติมคำในช่องว่างจากสิ่งที่ครูสอนในคลิปอ่ะ ต้องดูคลิปก่อน แล้วใช้อันนี้มาทบทวน แล้วก็มีพวกแบบฝึกหัดให้ลองทำดู
ในเว็บไซต์ ครูจะแบ่งบทเรียนให้เป็น 12 บท (110 คลิป บางคลิปก็สั้นๆไม่ถึง 10 นาที บางคลิปยาวหน่อยเกือบๆครึ่งชั่วโมง)
แรกๆ บท 1-5 จะปูพื้นฐานให้ หัวข้อที่เรียนจะประมาณนี้: Part of Speech, Connectors, Tenses, Participles, If-Clause และ Comparisons หลังจากนั้นเขาจะสอนไกด์ไลน์พวก คำถามที่ออกบ่อย จุดที่ควรระวัง แนวข้อสอบ อะไรแบบนี้
โดยรวมๆ เอาจริงๆนะสำหรับเรา หลังจากเรียนแล้วเรารู้สึกว่า คอร์สนี้เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานอังกฤษยังไม่แน่นมากอ่ะ หรือแบบพอมีพื้นฐานบ้างนิดหน่อย อาจจะพอพูดได้ แต่แกรมม่า vocab ยังไม่เป้ะมากแต่อยากอัพคะแนน อันนี้อ่ะเหมาะมากกกกก เราเชื่อว่าถ้าเรียนหมดแล้วจำได้ตามที่เขาสอน คะแนนขึ้นชัวร์ เพราะเขาจะมีทริคการจำเยอะมาก แบบแต่งเป็นเพลงมาให้ไรงี้ 5555 ครูมีการเต้นประกอบเพลงด้วยจ้า ติดหูมากกก
แบบอย่างเช่น สังเกตว่าคำไหนเป็นคำนาม เขาจะให้ท่อง
ยาย tion ปากหอม ยาย dom ปากment ยาย ship หมากกระde nce โดน sis เตอร์เพ็ญกระเด็นไปเลย!
(เผื่อใครงง มันอ่านว่า ยายชัญปากหอม ยายดอมปากเหม็น ยายชิบหมากกระเด็น โดนซิสเตอร์เพ็ญกระเด็นไปเลย เป็นวิธีจำว่าคำนามส่วนใหญ่จะลงท้ายด้วย –tion, -dom, -ship, -dence, -sis อะไรประมาณนั้น 555)
อยากจะบอกว่า ติดหูมากกก 555
แต่ถ้าเป็นคนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ แบบใช้ความเคยชิน แล้วมาเรียนอาจจะรู้สึกว่าแบบ ทำไมต้องท่องเบอร์นั้น เพราะหลายคำส่วนใหญ่ก็จะค้นๆหูกันมาบ้าง ก็จะแนะนำให้ skim วีดิโอเอา ไปโฟกัสแค่จุดที่ตัวเองไม่แม่น โฟกัสเป็นเรื่องๆจะดีกว่า แล้วก็ที่สำคัญ ทำแบบฝึกหัดเยอะๆๆ
ข้อสอบมันไม่ได้ต่างอะไรมากกับแบบฝึกหัดขนาดนั้นหรอก ทำไปเรื่อยๆแล้วถ้าในแบบฝึกหัด ทำได้ 80% อัพ เราว่าในช้อสอบ สบาย อันนี้ลิสต์เว็บที่เราใช้
https://www.examenglish.com/TOEIC
https://www.4tests.com/toeic
ตัวข้อสอบ
หลักๆเลย เราสอบ Listening & Reading กัน
Listening
ให้เวลาทำทั้งหมด 45 นาทีค่ะ อันนี้เราไม่ค่อยกังวลเรื่องเวลามาก เพราะเราทำไปพร้อมๆกับที่ฟังเขาพูด แค่แบบพาร์ทนี้ต้องตั้งสติมากๆ ถ้าหลุดคือหลุดเลยอ่ะ แล้วสำหรับเราพาร์ทนี้คือพาร์ทที่ช่วยดึงคะแนนขึ้น
มีทั้งหมด 4 พาร์ทย่อยใน Listening ค่ะ เขาจะมี directions ให้ในแต่ละพาร์ท
Part 1 - Listening 10 ข้อ
เขาจะให้รูปภาพมาค่ะ ให้มาแต่ภาพ ไม่มีข้อความอะไรเลย
ทีนี้ในเทปเสียง เขาจะพูดมา 4 statements แล้วให้เราเลือกว่า statement ไหนที่สอดคล้องกับรูปภาพมากที่สุด เขาจะพูดรอบเดียวนะ เพราะงั้นตั้งใจฟังดีๆ
แล้วแบบ
*ข้อควรระวังอย่างนึงสำหรับเรานะ คือคนส่วนใหญ่จะฟัง แล้วจับ keywords เอา ซึ่งมันได้ผลบางข้อ แต่ไม่ใช่ทุกข้ออ่ะ
สมมุติว่า ในรูปภาพเป็นรูปครูสอนหนังสือ แล้วเด็กยกมือตอบ มีช้อยว่า
A. The teacher is holding up her hand
B. The children are speaking to each other
C. The children are sitting in groups
D. The children are participating in the lesson
บางคนอาจจะตอบข้อ A เลยเพราะได้ฟังแค่ holding up her hand คือผิดไปเลยนะ ฟังดีๆ ข้อนี้ตอบ D ค่ะ
Part 2 - Listening 30 ข้อ
พาร์ทนี้ เราจะได้ยินคำถามหรือ statement ค่ะ แล้วก็จะได้ยิน response แต่ในข้อสอบจะไม่มีข้อความไรเลย คือแค่ต้องเลือกช้อยส์เอาเองว่า response อันไหนเหมาะสุดที่จะตอบคำถาม/statement ที่ได้ยิน
เช่น
เราจะได้ยินว่า Where is the meeting room?
แล้วก็ได้ยินอีกว่า (A) To meet the new director. (B) It’s the first room on the right. (C) Yes, at two o’clock.
ตอบข้อ B ค่ะ เท่าที่เจอ เราคิดว่าส่วนใหญ่จะตอบตรงๆเลย ไม่มีหลอกไรเรามาก
Part 3 - Listening 30 ข้อ
พาร์ทนี้ เราจะได้ยินคน 2 คนคุยกัน แล้วแต่ละ conversation จะใช้ตอบคำถาม 3 ข้อค่ะ พาร์ทนี้ยากกว่า 2 พาร์ทแรก เพราะเขาจะคุยกันรัวๆเลย แล้วเราต้องจับใจความให้ได้เขาคุยเรื่องอะไรกัน ใครต้องการอะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วก็จะมีแนวที่แบบต้อง infer อ่ะ
สมมุตินะ ผู้หญิงอาจจะบอกผู้ชายว่า ในเมืองรถติดเยอะมาก แถวบ้านเรารถไม่ติดเลย
คำถามอาจจะถามว่า What can be inferred about the woman?
คำตอบอาจจะเป็น She lives outside the city.
อะไรประมาณนี้ คือจะเป็นการ infer ที่ไม่ได้ซับซ้อนไรมากอ่ะ
*พาร์ท 3 และ 4 มันจะมีคำถามให้ในเล่มคำถาม แนะนำว่า อ่านคำถามก่อนที่ audio จะเริ่ม! รีบอ่านคร่าวๆ แล้ว highlight พวก keywords ไว้ก่อน เวลาฟัง เราจะได้รู้ว่าเราควรโฟกัสอะไร
Part 4 - Listening 30 ข้อ
อันนี้จะคล้ายๆ พาร์ทที่ 3 ค่ะ แต่ต่างกันตรงที่ว่า พาร์ท 4 จะเป็นบทสนทนาคนเดียว อาจจะเป็น announcement ไรงี้ก็ได้
Reading
พาร์ทนี้ให้เวลาทำทั้งหมด 75 นาทีค่ะ แนะนำว่าแบ่งเวลาดีๆ เพราะตอนเราไปสอบ เกือบทำไม่ทัน 5555 มาปั่นวินาทีสุดท้าย อ่านแบบคร่าวๆสุดๆ อันหลังๆ ไม่แนะนำจ้าา
*ให้ดีคือ ต้องทำพาร์ทเติมคำในช่องว่างให้เร็วๆ จะได้มีเวลาเหลือ มาอ่านพวก texts แต่คือเร็วแต่ต้องมั่นใจด้วยนะว่าถูก เพราะว่า ข้อเติมคำในช่องว่าง เป็นเหมือนข้อตัวช่วย boost คะแนนอ่ะเราว่า มันใช้เวลาทำน้อยกว่า ข้อหลังๆที่ต้องอ่านข้อความก่อนตอบ
สำหรับเรา เราจะฝนๆไปก่อนในข้อที่เราคิดว่าตอบข้อนี้ แต่ว่าอันไหนไม่ชัวร์จะฝนไว้ แต่ก็ mark ไว้ในตัวข้อสอบด้วยว่าข้อนี้ไม่ชัวร์ เผื่อเหลือเวลา จะได้กลับมาทวนอีกรอบ แต่ถ้าไม่เหลือก็จะได้อย่างน้อย ไม่ได้เว้นว่าง เพราะข้อสอบอันนี้ไม่มีการตัดคะแนนถ้าตอบผิด ห้ามเว้นว่างเด็ดขาด !!!
Part 5 (40 ข้อ) & 6 (12 ข้อ) - Reading
เป็นพาร์ทเติมคำในช่องว่างค่ะ
Part 5 เติมในประโยค Part 6 เติมใน text
หลักๆเลยนะ พาร์ทนี้เน้น vocabulary และ grammar ค่ะ
Vocab ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายเกินไป กลางๆ ถ้าใครเคยสอบ Vocab ไม่ยากเท่า SAT Reading แต่น่าจะพอๆกับหรืออาจจะง่ายกว่า TOEFL และ IELTS
คำศัพท์จะประมาณคำพวกนี้ เช่น combine, eligible, expressed, policy
ส่วน grammar ที่เห็นออกบ่อยๆนะ tense ต้องรู้ๆ จำไว้เลย ไอพวก has/have+v.3, ต้องรู้ว่า be+v.3 กับ ไม่มี be แตกต่างกันยังไง
เช่น You will pay twice a month. คุณจะจ่ายสองครั้งต่อเดือน (อันนี้เราเป็นคนจ่าย)
กับ You will be paid twice a month. คุณจะถูกจ่ายสองครั้งต่อเดือน (อันนี้เราเป็นคนรับ)
ความหมายเปลี่ยนนะ
แล้วก็ต้องแยกให้ได้ว่า คำไหนเป็น noun, adjective, verb, adverb
เรื่อง conjunction ก็ออกบ่อย แล้วก็ ที่เห็นเจอบ่อยคือ v. to be+pleased คือแปลว่า พอใจนะ ไม่ใช่แปลว่าได้โปรด 5555 อันนี้ออกบ่อย
เรื่องอื่นๆลองไปทวนๆกันเองจ้า มันเยอะอ่ะ ลงรายละเอียดหมดคงไม่ไหว
Part 7 - Reading
เขาจะให้ texts มา อาจจะเป็นจาก articles, letters, advertisements, magazine, newspaper ได้หมดเลย แล้วจะมีคำถามให้ตอบ อ้างอิงจาก text นั้นๆ
เขาจะถามพวก main idea, purpose ของ texts แล้วก็อาจจะมีถามประมาณว่า คำว่า... ใน texts หมายถึงอะไร/หมายถึงใคร อะไรประมาณนี้ แล้วก็มีถามรายละเอียดอื่นๆใน texts คำถามมีทั้งแบบที่ หาคำตอบได้ตรงๆจากใน texts เลย แล้วก็มีแบบที่ต้องอ่าน texts แล้วจับใจความให้ได้เพื่อไปตอบคำถาม
ถ้าใครอ่านไม่ทันจริงๆ ให้สังเกตุว่า ใน paragraph ยาวๆ ส่วนใหญ่ประโยคแรกกับประโยคสุดท้ายของแต่ละสำคัญค่ะ ส่วนประโยคกลางๆจะมาช่วย support ประโยคแรก
เราจะได้พอรู้ว่าจากในแต่ละคำถาม เราควรหาคำตอบจาก paragraph ไหน
พาร์ทนี้มี 2 แบบคือ
Single Passages 28 ข้อ มีประมาณ 7-10 texts แต่ละอันมีคำถามประมาณ 2-5 คำถาม อ่านเยอะมากจ้าาาาา ถึงบอกว่าทำเวลาดีๆ
Double Passages 20 ข้อ มี texts ทั้งหมด 4 คู่ แต่ละคู่มี 5 คำถาม คู่ๆนิหมายถึงว่า มันจะมี 2 texts ในคู่นึงอ่ะ แล้วใช้ 2 texts นั้นตอบคำถาม
ผลสอบ
คะแนนจะถูกแปลงเป็นคะแนน 5-495 ในพาร์ท Listening และ พาร์ท Reading ค่ะ
สอบพาร์ทรวมกัน คะแนนเต็ม 990 ค่ะ สามารถใช้คะแนนสอบได้ 2 ปีนับจากวันที่สอบค่ะ
ใครจะไปสอบก็โชคดีน้าาา ขอบคุณที่อ่านจนจบจ้า หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้