ส่งบุญกุศลให้ผี ผีจะได้รับไหม? เป็นอย่างไร?

ส่งบุญกุศลให้ผี ผีจะได้รับไหม? เป็นอย่างไร?

    "สมมุติว่า ตาเบิ้มพ่อผมตายไปแล้ว ๑๐ ปี ตอนนี้ไปเกิดใหม่เป็นเด็กชายดำ อยู่แถวชายแดน บ้านทำนา ทำสวน ทำไร่
    ทุกวันปีใหม่ สงกรานต์ วันเกิด และวันตายของพ่อ พวกเราก็จะทำบุญให้ แล้วก็อุทิศส่วนกุศลให้พ่อที่ชื่อ ตาเบิ้ม
    คำถาม - ถ้าบุญมีจริง การอุทิศส่วนกุศลได้จริง บุญทุกครั้งที่อุทิศให้ไป ใครได้ครับ? ตาเบิ้ม หรือ เด็กชายดำ"

ผมได้ตอบคำถามว่า เราทำบุญให้ตาเบิ้ม เพราะตาเบิ้มครั้งหนึ่งเป็นพ่อของเรา แล้วเราทำบุญกุศลส่งให้ตาเบิ้ม แล้วใครจะได้?

    ส่งบุญกุศลไปให้ตาเบิ้ม ตาเบิ้มก็ได้ คือ วิบากกรรม เป็นกรรมที่มีต่อกันตรงนั้นที่เป็นพ่อลูกกัน ส่วนอีกส่วนหนึ่งนั้นก็ไปหาเด็กชายดำ เพราะเด็กไปเกิดก็เพราะวิบากกรรมตัวนี้ไปเกิด ก็ได้มีส่วนเช่นเดียวกัน

    ตาเบิ้มเป็นพ่อ เพราะมีวิบากจึงเกิดมีลูก นี่แหละ เป็นวิบากกรรม คือ กรรมที่มีต่อการสืบสายพันธุ์กันเกี่ยวข้องกัน

    พอเกี่ยวข้องกัน พ่อลูกทำบุญไปให้ตาเบิ้ม บุญกุศลนี้ต้องส่งไปให้ตาเบิ้ม เพราะตามแรงกรรมตรงนี้

    ย้อนกลับมาอธิบายเกี่ยวกับเด็กชายดำ ถามว่า เด็กชายดำไปเกิดได้ยังไง? ก็เพราะวิบากของตาเบิ้มจึงไปเกิดเป็นเด็กชายดำ ระหว่างตาเบิ้มกับเด็กชายดำจึงมีความสัมพันธ์กัน

    พอลูกส่งบุญกุศลไปให้ตาเบิ้ม ส่วนหนึ่งก็ต้องไปหาตาเบิ้ม แต่อีกส่วนหนึ่งมีหน้าที่อีกด้านหนึ่งก็ต้องส่งต่อไปยังเด็กชายดำ เพราะตาเบิ้มกับเด็กชายดำมีวิบากกรรมต่อกัน บุญกุศลที่ลูกส่งไปให้ตาเบิ้มก็ส่งไปให้เด็กชายดำอีกทีหนึ่ง





    แล้วพลังบุญกุศลที่ส่งไปให้ตาเบิ้มนี้ไม่มีหายเหรอ?

    ตราบใดถ้าเราไม่มีการว่าถึงตาเบิ้ม สายสัมพันธ์ถึงก็หายไปได้ บุญกุศลก็ไปไม่ถึง

    แต่หากตราบใดเรามีจิตสายสัมพันธ์ถึงท่านตาเบิ้ม ตาเบิ้มก็ยังรับบุญกุศลได้อยู่ แต่หากตราบใดเราไม่มีจิตสายสัมพันธ์ คิดถึงท่านไม่ได้ ไม่ได้กล่าวถึงตาเบิ้มนี้ก็จะหายไป ใครส่งบุญกุศลนี้ไปก็ไม่ถึงตาเบิ้ม

    เพราะว่าเป็นวิบากต่อกันอยู่ เพราะว่าบุญกุศลที่เราส่งไปให้ท่านไม่ได้ไปถึงท่านทั้งหมด เพียงไปส่วนหนึ่งเท่านั้น

    ถ้าสมมติว่าลูกตาย และไม่มีใครรู้จักตาเบิ้ม ตาเบิ้มนี้ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ เพราะไม่มีใครรู้จักตาเบิ้มแน่นอน เมื่อไม่มีใครรู้จักก็ไม่มีคนส่งบุญกุศลไปให้แน่ๆ เพราะไม่มีวิบากอีกแล้ว

    ในปัจจุบันที่มีการไหว้สารทจีน (中元节 จงเยวียน เจี๋ย/ ตงหง่วงโจ่ย) เทศกาลสารทจีนจะตรงกับวันที่ ๑๕ เดือน ๗ ตามปฏิทินจีน จะมีการไหว้บรรพบุรุษ (ไป้โจ้ว 祭祖)

    บรรพบุรุษยังอยู่ ท่านอยู่เพราะยังมีวิบากอยู่ เราอย่าไปดูสังขารของบรรพบุรุษ เพราะสังขารท่านย่อยสลายไปแล้ว แต่อยู่ด้วยเหตุแห่งวิบากกรรม

    ฉะนั้น เราส่งบุญกุศลไปให้กับตาเบิ้ม ตาเบิ้มก็ได้รับ แต่อีกส่วนหนึ่งก็ส่งไปยังเด็กชายดำ นี่แหละเป็นเหตุกรรม

    บุญกุศลที่เราส่งไปให้ตาเบิ้มและมาส่งให้กับเด็กชายดำจะมากี่เปอร์เซ็นต์นั้นเท่าไหร่สุดแล้วแต่ธรรม เราจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว หรือไปวิเคราะห์ ณ ตรงนี้

    บางครั้งลูกของเราก็ยังส่งบุญกุศลมาให้เราในชาตินี้ก็ได้ เช่น บางครั้งอยู่ดีๆ เราก็มีความรู้สึกปลื้มปิติใจ รู้สึกว่าวันนี้อิ่มเอิบเหลือเกิน เพราะว่ามีคนส่งบุญกุศลมาให้เรา และบางครั้งเราไปเจอใครบางคนเรามีความรู้สึกคุ้นๆ เหลือเกิน แต่หาเหตุผลก็ไม่ได้ หรือมีความรู้สึกสายสัมพันธ์กัน ดีไม่ดีด้านในเรายังส่งกุศลถึงกันอยู่เรื่อยๆ บางคนพอเห็นหน้ากันก็น่ารังเกียจมากเลย นี่แหละยังส่งวิบากกรรมด้านลบมาให้กัน คือ ตัวอาฆาตพยาบาท

    ยกตัวอย่างอีกกรณีหนึ่ง แม่ของน้องรินตายแล้วแต่ยังไม่ได้ไปเกิดใหม่ เมื่อลูกสาวรินส่งบุญกุศลไปให้กับแม่ แล้วแม่จะได้บุญกุศลเต็ม ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ไหม?

    ก็ได้เต็ม ๑๐๐ แน่นอน เพราะว่า บุญกุศลนี้ไม่ได้ส่งต่อไปอีกที่ไหนเลย เพราะแม่ของน้องรินยังไม่ได้ไปเกิดใหม่ แต่แม่ที่ตายไปจะนำบุญกุศลนี้ไปทำอะไรก็สุดแล้วแต่แม่ของเขา

    แม่ที่ตาย จะเก็บบุญกุศลนี้ไว้ หรือแม่ที่ตายจะส่งบุญกุศลให้กับเจ้ากรรมของแม่ที่ตายก็ได้ ก็สุดแล้วแต่แม่ฯ เพราะว่าแม่ฯ ก็ยังมีเจ้ากรรมนายเวรอยู่

    แม่ของน้องรินนี้แขวนคอตาย ฉะนั้น เป็นการตายโหง ยังไม่ถึงคราวที่จะต้องเดินทางไปในเมืองนรก ยังต้องอยู่ในเมืองมนุษย์แต่อยู่คนละมิติ ต้องให้ถึงชะตาตายตามกำหนดของตัวเองจริงๆ ก่อนถึงจะเข้าสู่กระบวนการนรก นี่แหละ ผีร่อนเร่จึงมีเยอะทั่วไป เพราะยังไม่ถึงกรรมกำหนด ผีจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้า นี่แหละจึงมีผู้รู้หรือครูบาอาจารย์ท่านจึงเปิดโอกาสให้ผีได้เข้าสู่การบำเพ็ญกับเจ้าแม่กวนอิม และพระโพธิสัตว์ตี่จั่งอ๊วง ส่งให้กับพระแม่คงคา ส่งไปให้กับพ่อศิวะ เพราะว่า ถ้าอยู่ข้างนอกจะโดนผีที่มีอำนาจ หรือครูบาอาจารย์ที่มีวิชาเอาไปหลอกใช้

    ถ้าใครทำกรรมอัตวินิบาต คือ ฆ่าตัวเองตายก่อนกำหนด ก็จะกลายเป็นผีตายโหง ผีเร่ร่อน เพราะว่าไม่ใช่ไปตามดวงชะตากำหนด

    พอผีบำเพ็ญ บำเพ็ญแล้วดี และถึงเวลาแล้ว ผีนี้ก็จะเข้าสู่นรกเพื่อฟังคำพิพากษาตัดสิน พอยมบาลตัดสิน ผีตนนี้ทำบาปก็มี ทำบุญทำดีก็มี ก็เอาบุญกับบาปนี้ไปชั่ง ชั่งแล้วก็จะตัดสินได้ว่า ผีตนนี้จะอยู่นรกขุมไหน หรือจะได้ไปสู่สุคติ ตามเหตุปัจจัย

    แล้วที่น้องรินส่งบุญกุศลไปให้แม่ ยมบาลจะต้องเอาบุญกุศลนี้มาชั่งด้วยไหม?

    บุญกุศลที่น้องรินส่งไปให้แม่นี้ ยมบาลไม่เอามาคิดคำนวณด้วย เพราะบุญกุศลนี้จะไม่มาเข้าสู่กระบวนการของเมืองนรก

    นั่นแหละ จึงบอกว่า เราส่งกุศลไปให้แม่ สุดแล้วแต่แม่จะเอาบุญกุศลนี้ไปทำอะไร แม่อาจจะเอาบุญกุศลนี้ไปทิ้งก็ได้ เอาไปบำเพ็ญต่อก็ได้ ก็เหมือนกับคนนี่แหละ ได้บุญกุศลแล้วเอาไปช่วยเหลือคน หรือช่วยเหลือผีต่ออีกทีหนึ่ง ผีแม่น้องรินนี้ก็จะได้บุญกุศลที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงที่จะติดต่อไปเมืองนรก พอถึงเวลาที่จะเข้าสู่เมืองนรก วาระตัดสินพิพากษาก็เอาบุญกุศลของตัวเองนี้ไปร่วมตัดสินด้วย

    แต่บุญกุศลที่ลูกส่งให้นี้ไม่สามารถเอาเข้ามาร่วมตัดสินในเมืองนรกนี้ได้

    นี่แหละ คนที่ตายแล้ว แต่ยังไม่ถึงวาระที่ตาย เกิดอุบัติเหตุตายก็ดีตายโหงก็ดี เขาก็เหมือนกับคนเรานี่แหละ เพียงแต่ว่าเขาอยู่อีกมิติหนึ่งเท่านั้น

    กุศลส่งไปถึงผีได้ แต่บุญแค่บอกกล่าวได้ แต่ส่งไปให้ไม่ได้



    กรณีที่ ๒ สมมติว่า นายเบิ้มโดนพิพากษาอยู่ในเมืองนรกขุมอะไรก็แล้วแต่ ถ้าจะส่งบุญกุศลไปให้ได้ แต่ขึ้นอยู่กับว่า ลูกของตาเบิ้มส่งไปให้ถูกวิธีหรือไม่?

    ถ้าลูกเขาส่งบุญกุศลผ่านตี่จั่งอ๊วง (地藏王菩薩) ก็ส่งกุศลไปถึงได้หมด ไม่ว่าจะส่งไปนรกขุมไหนก็ได้ ตั้งแต่นรกขุมแรกจนไปถึงนรกขุมสุดท้าย

    แต่ถ้าหากว่าส่งกุศลไม่ถึงวิธี กุศลที่เราส่งไปให้นี้ก็จะไปกองไว้ ณ กองกลางก่อน สัตว์นรกไม่สามารถรับได้ทีเดียว ในเมื่อกุศลกองไว้อย่างนี้แล้วใครจะมาเคลียร์กองกลางนี้ส่งไปให้สัตว์นรก ก็เป็นยมบาลท่านจะเก็บไว้ให้ ที่ว่าเก็บไว้ให้นี้เอากุศลไปให้เลยทีเดียว หรือกักเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยให้ทีหลัง สิ่งเหล่านี้ก็ขึ้นอยู่กับความประพฤติของสัตว์นรกตนนั้น

    ถ้าหากตาเบิ้ม และลูกหลานมีความประพฤติดี ก็จะส่งกุศลไปให้ตาเบิ้มทันที แต่ถ้าหากว่าตาเบิ้มอยู่ในนรกมีพฤติกรรมที่ไม่ดี ลูกหลานก็นิสัยไม่ดีอีก กุศลที่ส่งไปให้นี้ก็จะเอาคืนสู่ธรรม ตาเบิ้มก็จะไม่ได้



    แต่ถ้าส่งผ่านพระโพธิสัตว์ตี่จั่งอ๊วงนี้ก็จะส่งถึงตาเบิ้ม หรือสัตว์นรกทันทีเลย เมื่อสัตว์นรกนี้ได้แล้วก็จะเกิดอานิสงส์

    ถ้าเราไม่ใช่คนจีน เป็นคนไทย นับถือพระพุทธศาสนา แต่ไม่รู้จักพระโพธิสัตว์ตี่จั่งอ๊วง แล้วเรารู้จักพระมาลัยมั้ย? พระมาลัยก็สามารถส่งไปให้ได้ ถ้าเป็นศาสนาอิสลามก็มีสายทางอิสลามก็ส่งไปให้ได้ ศาสนาคริสต์ก็มีสายของเขาเช่นเดียวกัน

    ถ้าเราส่งกุศลไปทางสายศาสนาอิสลาม ยมทูตสายอิสลามก็จะมารับไป และส่งกุศลไปทางสายศาสนาคริสต์ ยมทูตสายศาสนาคริสต์ก็รับไป

    ฉะนั้น นรกก็จะมีหลากหลายสาย หลากหลายศาสนาเช่นเดียวกัน นรกก็เหมือนกับประเทศนี่แหละ มีนรกพุทธ นรกอิสลาม นรกคริสต์ คือ เป็นอีกโลกหนึ่งหรือเป็นอีกมิติหนึ่ง แต่ก็แยกประเทศเช่นเดียวกัน เพราะนรกไม่เหมือนกัน

    บางคนก็มาทุ่มเถียงกันว่า นรกต้องนุ่มโจงกระเบน คนจีนก็จะบอกว่าไม่ใช่เขาใส่ชุดจีน กี่เพ้า คนฝรั่งก็จะบอกว่าไม่ใช่ เขาแต่งชุดสูท อิสลามก็จะบอกว่าไม่ใช่ เขาแต่งชุดโพกหัวอีกอย่าง นี่แหละก็จะเถียงกันเอาเป็นเอาตาย ที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่เป็นรูปพลังออกมาปรากฏให้เราเห็น แต่พลังข้างในเหมือนกัน

    ถ้าเราส่งกุศล ผ่านพระแม่ธรณี พระแม่คงคา จะได้ไหม? ก็ย่อมได้ เพราะว่านี่เป็นสายฮินดู สายพราหมณ์

    การส่งกุศล ทางสายพรามหณ์จะมีอยู่ด้วยกัน ๒ สาย คือ พระแม่ธรณีกับพระแม่คงคา

    ทำไมพระแม่คงคาส่งกุศลไปให้สัตว์นรกได้ เพราะว่า ท่านเป็นน้ำชำระล้างบาป แล้วถามว่าในเมืองนรกกินน้ำไหม? ก็กินน้ำเหมือนกัน

    ส่วนพระแม่ธรณี ก็เป็นแผ่นดิน สัตว์นรกก็ต้องอาศัยแผ่นดิน ก็ต้องมีน้ำด้วย

    แล้วถ้าคนที่ไม่ศาสนาส่งกุศลไปให้ง่ายทีเดียว เพราะอาศัยหลักธรรมก็ไปถึงสัตว์นรกแล้ว

    งั้นเราก็บอกว่าเราเป็นคนไม่มีศาสนาดีกว่า จะได้ส่งกุศลไปถึงสัตว์นรกเลย ไม่ต้องผ่านใครหรือผ่านองค์สิ่งศักดิ์สิทธิ์

    แต่เดี๋ยวก่อน!!! เรามาฟังเหตุผลก่อน แล้วเราจะมารู้ว่ามันอยากกว่ากันแค่ไหน

    สมมติว่า เรานับถือศาสนาคริสต์ แต่ส่งผ่านตี่จั่งอ๊วงได้มั้ย? ก็ย่อมได้ เพราะเหมือนกับไปรษณีย์ ไม่ว่าจะอยู่ประเทศไหน ไปรษณีย์ก็ส่งไปให้ได้ เพราะประเทศนั้นก็ไปส่งต่อ

    ถ้าเราอยู่ประเทศไทย เราจะส่งพัสดุไปยังประเทศอเมริกา เราก็ต้องจ่าหน้าซองให้ชัดเจน แล้วก็ไปส่งให้กับไปรษณีย์ เดี๋ยวไปรษณีย์ก็ส่งไปประเทศอเมริกาเอง แล้วในประเทศอเมริกาก็จะไปส่งไปยังให้ถึงมือของเจ้าของพัสดุนั้น

    เราจะเขียนภาษาไทย หรือภาษาอะไรก็ได้ เดี๋ยวประเทศนั้นก็จะไปแปลเอาเอง เดี๋ยวเขาก็จะไปส่งต่อ

    ทีนี้ บอกว่า คนนี้ไม่นับถือศาสนาไหนเลย เป็นคนไม่มีศาสนา คนที่ไม่มีศาสนาเปรียบเสมือนคนไม่มีที่อาศัย เช่น ไม่มีรถ ไม่มีสถานีไปรษณีย์ ไม่มีอะไรเลย แล้วเราจะส่งกุศลไปให้สัตว์นรก มันจะยากกว่าไหม? ลองคิดเอาเอง แต่ก็สามารถส่งไปได้หมด แต่ยากไหม? ลองคิดเอาเอง ฉะนั้น เอาสิ่งที่เขามีอำนวยความสะดวกจะดีกว่าไหม?

    การอาศัยธรรมส่งให้ หมายถึง อาศัยธรรมทั่วไป แต่จิตเราถึงไหม? ถ้าจิตเราไม่ถึงก็ส่งไปไม่ถึง ทำไม่ได้ ถ้าจิตเราไม่ถึง เราก็ต้องอาศัยสถานนีไปรษณีย์ส่งให้จะดีกว่า

    แต่บางท่านที่เป็นนักปฏิบัติถึงขั้น ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยไปรษณีย์ ไม่ต้องอาศัยการกรวดน้ำ เพียงแต่ใช้จิตกำหนดระลึกถึงก็ไปถึงแล้ว นี่แหละคนที่เขาเข้าถึงธรรม

    แต่คนที่ไม่มีศาสนาเข้าถึงธรรมหรือไม่? ถ้าเข้าไม่ถึงธรรมตัวเองก็ใช้อะไรไม่ได้

    ตกลง คนเราไม่มีศาสนา แต่อยากส่งกุศลไปให้คนที่ตายแล้ว ยากกว่าไหม?

    ยากกว่าแน่นอน

    กรณีที่ ๓ เราจะส่งกุศลไปให้คนที่ตาย หากว่าตาเบิ้มตายไปแล้ว ไปเกิดเป็นนายดำ นายดำตาย ไปเกิดเป็นนายเขียว นายเขียวตายไปเกิดเป็นนายสมชาย ตายเป็น ๑๐ ชาติอย่างนี้ หรือมากมายเป็น ๑๐๘ ชาติเลย

    อันนี้ก็แล้วแต่เหตุปัจจัย เพราะเราจะไปกำหนดไม่ได้ ขึ้นอยู่กับเหตุแห่งวิบากแห่งกรรม

    ถ้าอย่างนั้น ผมขอย้อนกลับไปอดีตชาติ ขอส่งกุศลให้พ่อของผมชาติที่ ๑๐ อย่างนี้ได้ไหม?

    เราก็ต้องรู้ว่า ชาติที่ ๑๐ พ่อของเราชื่ออะไร?

    แต่ถ้าผมไม่รู้ แต่ถ้าผมจะอธิษฐานเอาว่า "ทั้งที่รู้จักพ่อหรือไม่รู้จักชื่อของพ่อ แต่ผมขอด้วยแรงแห่งความกตัญญูนี้ส่งกุศลย้อนหลังอดีตชาติไปให้พ่อที่เกิดชาติที่ ๑๐ ด้วย" พ่ออดีตชาติที่ ๑๐ จะได้รับกุศลนี้ไหม?

    จะถามว่า จิตของเราถึงไหม? ถ้าจิตเราไม่ถึง แต่จะขอบารมีแห่งตี่จั่งอ๊วงส่งไปให้จะได้ไหม? ด้วยจิตแรงแห่งความกตัญญูนี้ก็ไปถึง เพราะว่าทางตี่จั่งอ๊วงมีหน้าที่ดูแลทางนี้อยู่

(ต่อภาค ๒ ด้านล่าง)

อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่