รีวิวคลีนิคประชาชื่น MRI วันอังคารที่ 11 กันยายน 2561
ทำ MRI 2 ส่วนคือ
1.SAGITTAL T2 SCREENING WHOLE SPINE
2.LUMBOSACRAL SPINE

ครั้งแรกเราติดต่อไปด้วยโปรโมชั่นใช้เครื่อง MRI แบบเปิดเพราะลึก ลึกแล้วเรากลัวการเข้าอุโมงค์ แต่พอไปทำจริงแล้ว
อิเครื่องแบบเปิดแมร่งน่ากลัวกว่า จะน่ากลัวกว่ายังไงจะมาเหลาให้ฟังกัน ถึงแม้เรื่องจะผ่านมาหลายวันแล้วแต่เรายังจำความรู้สึกนั่นได้ดี ตอนที่มาอัพเดตข้อมูลเพิ่มเพราะ แอพในมือถือมันไม่สามารถตั้งกระทู้แบบรีวิว ได้ ต้องตั้งผ่านคอมพิวเตอร์เท่านั้น
(วันที่อัพเดต 19 กันยายน 2561)

วันที่เราติดต่อกับทางคลีนิคทาง Inbox ว่าเราสนใจทำ MRI โปรโมชั่นเครื่องแบบเปิดที่ราคา 4,800 บาท ยังมีสิทธิอยู่ไหมละสามารถเข้าใช้บริการได้เมื่อไหร่ ทางคลีนิคแจ้งว่ายังมีสิทธิเหลืออยู่ และขอเช็คคิวว่าสามารถเข้ามาใช้บริการได้เลยไหม
ทางคลีนิคแจ้งกลับมาว่า สามารถเข้าใช้บริการได้เลย วันนั้น (11 กันยายน 2561) เวลา 20.00 น. และรอพนักงานประจำสาขาติดต่อมา
รอถึงเวลา 19.30 น. ไม่มีพนักงานท่านใดโทรหาเราเลย แต่เราอยากจะตรวจวันนี้ตามคิวที่จองไว้ เลยโทรถามส่วนกลางว่าสรุปเราไปได้ไหม แต่ตอนที่โทรเราอยู่บน MRT ละ เพราะระยะทางจากที่ทำงานเราไป คลีนิคค่อนข้างไก และรถติด พนักงานแจ้งว่ารอสักครู่จะให้สาขาที่เราเลือกใช้บริการติดต่ออีกที ... ฮะ คำเดิมอีกละ จะติดต่อมาไหมฟระ
รอสักพัก กำลังตัดสินใจว่าจะกลับบ้านหรือจะไปคลีนิคดี ช่วงเวลาที่กำลังคิดว่าจะขึ้นสถานีกลับบ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เป็นสายจาก คลีนิค MRI ประชาชื่นคลีนิค โทรมาแจ้งว่ากำลังทยอยติดต่อลูกค้า ห๊า ปกติเค้าคอนเฟิมลูกค้ากันกี่นาที ตอนเราโทรไปตอนแรก 19.30 ละนะ กว่าหนักงานจะโทรอีก เกือบละ 20.00 น.ละนะ ถ้าลูกค้าอยู่ไกล จะถึงคลีนิคกี่โมง...
ด้วยความที่เราไม่เคยไปคลีนิคนี้มาก่อน ถามวินที่คุมแถวนั้น พวกนางก็ไม่รู้จัก เรียก Grab ก็จะทะเลากันอีก เพราะวินดูท่าทางนักเลงมาก คุมทุกป้ายรถเมล์ แต่นั่ง Taxi ก็ไม่ไหว รถไม่ขยับเลย วินก็กดดันพี่ด้วยการเดินตาม และถามว่าไปไหน พอบอกชื่อไป ดันไม่รู้จัก
สุดท้ายเรียก Grab แต่ก็เดินไปไกลมา เพื่อจะหนีการปะทะ ระหว่าง วิน กับ Grab   

ตอนแรกขับผ่านหน้าคลีนิคไปแหละ ดูมืด มืด หน้าคลีนิคไม่เปิดไฟ เราก็เอ๊ะ แผนที่บอกอยู่ตรงนี้หนิน๊า ทำไหมหาไม่เจอ จน Grab บอกว่าเดี๋ยวผมวนรถไปดูอีกทีให้ จนเจอคลีนิค

ติดต่อเรื่องกรอกข้อมูล และแจ้งความจำนงค์ว่าจะขอฟิล์มด้วย แผ่นละ 100 บาท นั่งรอสักพัก มีน้ำดิ่มบริการทั้ง กาแฟ โกโก้ น้ำดิ่มสะอาด และ ขนมปัง เราเพิ่งเลิกงานมาหิวมากกก กินโกโก้ไป 1 ถ้วย พร้อม ขนมปัง 2 ชิ้น เฮ้อ ค่อยสบายใจ

พนักงานพาไปที่ทำ MRI ด้านหลังเพราะที่นี้มีการทำทั้งแบบอุโมงค์และแบบเปิด พนักงานให้เราเปลี่ยนชุด เราทักว่า ทำไหมโซนนี้ดูเงียบ เงียบและไม่เปิดไป พนักงานบอกฝั่งนี้จะมีคนมาทำช่วงเช้า ช่วงเย็นจะไม่ค่อยมี
พอเปลี่ยนชุดสร็จ พนักงานให้รอผู้เชี่ยวชาญเครื่องมาทำ MRI ให้ เราโอเครอได้ รอสักพัก มีพนักงานผู้หญิงพูด ไซโคร เค้าว่า เครืองนี้ทำยากนะ ใช้เวลานานเปลี่ยนไปเข้าอุโมงค์ไหม .(เราคิดในใจไหมอ่ะ เราจะลองแบบเปิด)
พนักงานผู้ชายได้ยินที่พนักงานผู้หญิงพูดบอกว่า เวลาเท่ากันละ แต่อุปกรณ์จะเยอะกว่า อะลองทำ
ขั้นแรก นับกระดูกมั้ง เห็นพนักงานบอกแบบนั้น เวลาไม่รู้กี่นาที รู้แต่ว่านานมาก
ขั้นที่ 2 เปลี่ยนอุปกรณ์ในการตรวจ ให้เรายกแขนขึ้นเหนือศีรษะ แล้วตรวจ คือ ยกแขน นานเป็นชั่วโมง แบบในภาพ เรารู้สึกทนไม่ไหวเพราะปวดไหล่และปวดหลังมาก เหมือนเป็นการนอนที่ผิดธรรมชาติ เลยแอบกระดุกกระดิกนิดหนึ่ง ทำให้การตรวจครั้งนั้นผลไม่ได้

พนักงานถามว่าเราไหวไหม เราบอกไม่ไหว ตอนแรกจะไม่ตรวจละนะ แต่พนักงานผู้หญิงคนเดิมมากล่อมอีกครั้งว่าไปตรวจอุโมงคืไหม เราถามคำเดียวได้ราคาเดิมได้ ได้ราคาเดิมไป .... ทำไหมไม่บอกกันแต่แรกว่าได้ราคาเท่ากัน แต่นั้นละ ไม่ลองก็ไม่รู้จริงไหม ความคิดแรกเกี่ยวกับเครื่องตรวจ แบบอุโมงค์น่าจะตรวจแล้วน่ากลัว กว่าแบบเปิด แต่เอาจริง จริง แบบเปิดมันเหมาะกับคนที่แพนิคแบบรุนแรง อยู่ที่แคบไม่ได้เลย

พอเราตัดสินใจว่าจะไปเข้าอุโมงค์ ทางพนักงานแจ้งว่าให้เรารอเพราะมีคิวที่นัดไว้แต่แรกเราก็อืม เราผิดเองส่วนหนึ่งละ ที่พนักงานเค้าแนะนำแล้วแต่เราไม่เอาแต่แรก ถ้าเราเอาแต่แรกเราก็คงได้ตรวจไปนานละ
ในเมื่อเราตระหนักและว่าส่วนหนึ่งของการรอเกิดจากความผิดของเรา เราก็เลยยอมรอ คือ เราก็มีเหตุผลพอปะแหว๊ ว่าอะไรผิดอะไรถูก

พอได้เวลาเราเข้าไปตรวจ เรารู้สึกว่าห้องนี้เย็นมากกกกกกกกกก หนาวถึงกระดูก หรือเพราะเรากลัวก็ไม่รู้นะ พนักงานบอกว่าห้องนี้จะเย็นกว่าห้องโน้น แต่ ทำง่ายและใช้เวลาน้อยกว่า

บรรยากาศโดยรวมของคลีนิค




ภาพนี้น่าจะเป็นแพทย์ผู้ก่อตั้งคลีนิค