สำหรับท่านใดที่เป็นแฟนคลับของเฮียเจมส์ วาน และเป็นแฟนอาณาจักรหนังสยองขวัญ The Conjuring เชื่อว่าคงไม่พลาดที่จะตีต๋วเข้าไปชมเรื่องนี้กันอย่างแน่นอน ผีแม่ชีหรือวาลัคได้ออกมาสร้างความสะพรึงนับตั้งแต่ The Conjuring 2 ซึ่ง The Nun เป็นผลงานการควบคุมงานสร้างโดย เจมส์ วาน และปีเตอร์ ซาฟราน ซึ่ง เจมส์ วาน ยังได้เขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับ แกรี่ ดาวเบอร์แมน อีกด้วย พร้อมได้ โคริน ฮาร์ดี้ มารับหน้าที่กำกับ ภาพยนตร์ใช้ทุนสร้าง $22 ล้านเหรียญ ขณะนี้ทำรายได้ไปแล้วที่ $133.1 ล้านเหรียญ ถ่ายทำในประเทศโรมาเนีย โดยเฉพาะปราสาทคอร์วินที่ให้บรรยากาศที่หลอนและเข้ากับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี
เรื่องย่อเป็นเรื่องราวอันเป็นเหตุการณ์ก่อนแอนนาเบลและเดอะ คอนเจอริ่ง หลวงพ่อเบิร์ค (รับบทโดย Demian Bichir) และซิสเตอร์ไอรีน (รับบทโดย Taissa Farmiga) ได้ถูกส่งไปยังวาติกัน เพื่อสืบหาสาเหตุการตายของแม่ชีที่ฆ่าตัวตายในโรมาเนีย การเดินทางในครั้งนี้พวกเขาได้พานพบทั้งมิตรภาพใหม่และเงื่อนงำ ยิ่งค้นหาคำตอบก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตและพลังของปีศาจ
อย่าสนใจคำวิจารณ์ค่ะ เพราะเชื่อว่ามีกลุ่มแฟนๆของเจมส์ วานและเดอะ คอนเจอริ่ง กันมากโขอยู่ เข้าไปตีตั๋วพิสูจน์ด้วยสายตาของตัวท่านเองดีกว่าค่ะ โรสไปดูตั้งแต่วันแรกเลย ครบทุกรสไม่ว่าจะเป็นความหลอน ตลก ซึ้งและตื่นเต้น เรียกน้ำตาในบางฉาก เรียกอารมณ์ขันบ้างจนไม่ตึงเครียดแต่ยังคงความขลังอยู่ ปล่อยอารมณ์แต่ละช่วงได้ดี นักแสดงเล่นได้ดีกันทุกคน โดยเฉพาะผู้รับบทซิสเตอร์ไอรีนที่แสดงออกถึงความบริสุทธิ์และพลังแห่งความเมตตา ทำให้คนดูเอาใจช่วยเธอให้พ้นจากเงื้อมมือของวาลัคหรือผีแม่ชีค่ะ เดินเนื้อเรื่องได้ดี ดนตรีประกอบเยี่ยมและชอบฉากกับบรรยากาศค่ะ ให้ความรู้สึกถึงความสงบ สง่างามและความขนพองสยองเกล้าในเวลาเดียวกัน ภาพที่ออกมาให้ความรู้สึกสวยงามเก่าๆและย้อนยุค
ข้อคิดจากเรื่องนี้หนีไม่พ้นในเรื่องของความศรัทธาในพลังของพระผู้เป็นเจ้า การที่ใครคนหนึ่งไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังเร้นลับก็ไม่ได้หมายความว่าพลังเร้นลับไม่มีจริง ทุกศาสนาล้วนสอนให้คนเป็นคนดี คนดีจิตใจงามย่อมสื่อสารกับพลังอันบริสุทธิ์ได้ สวรรค์นรกไม่ต้องรอให้เราตายถึงจะพบเจอหรอก จริงๆแล้วเป็นมิติทับซ้อนกันอยู่ ถ้าไม่เอาเรื่องภพภูมิเข้ามาเกี่ยวข้อง สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจเสมอ ชีวิตของซิสเตอร์ไอรีนดูตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นอีกหนึ่งมุมสะท้อนที่คล้ายคลึงกันทั้งในจอและนอกจอว่า บางอย่างเราเลือกได้เอง แต่บางอย่างก็เป็นเรื่องของโชคชะตาที่หนีไปไม่พ้นเพราะเป็นผู้ที่ถูกเลือกค่ะ
The Nun ถ้าชอบหนังผีสไตล์ เจมส์ วาน อย่าลืมไปอุดหนุนเฮียนะคะ By Rose
สำหรับท่านใดที่เป็นแฟนคลับของเฮียเจมส์ วาน และเป็นแฟนอาณาจักรหนังสยองขวัญ The Conjuring เชื่อว่าคงไม่พลาดที่จะตีต๋วเข้าไปชมเรื่องนี้กันอย่างแน่นอน ผีแม่ชีหรือวาลัคได้ออกมาสร้างความสะพรึงนับตั้งแต่ The Conjuring 2 ซึ่ง The Nun เป็นผลงานการควบคุมงานสร้างโดย เจมส์ วาน และปีเตอร์ ซาฟราน ซึ่ง เจมส์ วาน ยังได้เขียนบทภาพยนตร์ร่วมกับ แกรี่ ดาวเบอร์แมน อีกด้วย พร้อมได้ โคริน ฮาร์ดี้ มารับหน้าที่กำกับ ภาพยนตร์ใช้ทุนสร้าง $22 ล้านเหรียญ ขณะนี้ทำรายได้ไปแล้วที่ $133.1 ล้านเหรียญ ถ่ายทำในประเทศโรมาเนีย โดยเฉพาะปราสาทคอร์วินที่ให้บรรยากาศที่หลอนและเข้ากับเนื้อเรื่องได้เป็นอย่างดี
เรื่องย่อเป็นเรื่องราวอันเป็นเหตุการณ์ก่อนแอนนาเบลและเดอะ คอนเจอริ่ง หลวงพ่อเบิร์ค (รับบทโดย Demian Bichir) และซิสเตอร์ไอรีน (รับบทโดย Taissa Farmiga) ได้ถูกส่งไปยังวาติกัน เพื่อสืบหาสาเหตุการตายของแม่ชีที่ฆ่าตัวตายในโรมาเนีย การเดินทางในครั้งนี้พวกเขาได้พานพบทั้งมิตรภาพใหม่และเงื่อนงำ ยิ่งค้นหาคำตอบก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตและพลังของปีศาจ
อย่าสนใจคำวิจารณ์ค่ะ เพราะเชื่อว่ามีกลุ่มแฟนๆของเจมส์ วานและเดอะ คอนเจอริ่ง กันมากโขอยู่ เข้าไปตีตั๋วพิสูจน์ด้วยสายตาของตัวท่านเองดีกว่าค่ะ โรสไปดูตั้งแต่วันแรกเลย ครบทุกรสไม่ว่าจะเป็นความหลอน ตลก ซึ้งและตื่นเต้น เรียกน้ำตาในบางฉาก เรียกอารมณ์ขันบ้างจนไม่ตึงเครียดแต่ยังคงความขลังอยู่ ปล่อยอารมณ์แต่ละช่วงได้ดี นักแสดงเล่นได้ดีกันทุกคน โดยเฉพาะผู้รับบทซิสเตอร์ไอรีนที่แสดงออกถึงความบริสุทธิ์และพลังแห่งความเมตตา ทำให้คนดูเอาใจช่วยเธอให้พ้นจากเงื้อมมือของวาลัคหรือผีแม่ชีค่ะ เดินเนื้อเรื่องได้ดี ดนตรีประกอบเยี่ยมและชอบฉากกับบรรยากาศค่ะ ให้ความรู้สึกถึงความสงบ สง่างามและความขนพองสยองเกล้าในเวลาเดียวกัน ภาพที่ออกมาให้ความรู้สึกสวยงามเก่าๆและย้อนยุค
ข้อคิดจากเรื่องนี้หนีไม่พ้นในเรื่องของความศรัทธาในพลังของพระผู้เป็นเจ้า การที่ใครคนหนึ่งไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังเร้นลับก็ไม่ได้หมายความว่าพลังเร้นลับไม่มีจริง ทุกศาสนาล้วนสอนให้คนเป็นคนดี คนดีจิตใจงามย่อมสื่อสารกับพลังอันบริสุทธิ์ได้ สวรรค์นรกไม่ต้องรอให้เราตายถึงจะพบเจอหรอก จริงๆแล้วเป็นมิติทับซ้อนกันอยู่ ถ้าไม่เอาเรื่องภพภูมิเข้ามาเกี่ยวข้อง สวรรค์อยู่ในอกนรกอยู่ในใจเสมอ ชีวิตของซิสเตอร์ไอรีนดูตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นอีกหนึ่งมุมสะท้อนที่คล้ายคลึงกันทั้งในจอและนอกจอว่า บางอย่างเราเลือกได้เอง แต่บางอย่างก็เป็นเรื่องของโชคชะตาที่หนีไปไม่พ้นเพราะเป็นผู้ที่ถูกเลือกค่ะ