วันเดียวก็เที่ยวได้ [ สิงห์บุรี - อยุธยา ]



เนืองจากวันหยุดตรงกับแฟนไม่ค่อยมีนาน ๆ จะได้หยุดตรงกันที
พอมีเวลาตรงกันก็แค่วันเดียวแต่อยากออกไปหาที่กิน ที่ถ่ายรูปเล่น
เลยชวนกันไปเที่ยวแบบชิว ๆ ไม่ต้องเหนื่อยมากเราเลือกจังหวัดสิงห์บุรีเพราะใช้ระยะเวลาการเดินทางไม่มาก
เราออกเดินทางไปสิงห์บุรีกันแต่เช้าเนื่องจากเป็นวันหยุดกลัวหาที่จอดรถไม่ได้
จุดแรกที่เราไป คือ ตลาดย้อนยุควัดโพธิ์เก้าต้น หรือ ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน จ.สิงห์บุรี




บรรยากาศของตลาดค่อนข้างกว้างและร่มรื่นมากมีต้นไม้เยอะที่นั่งสำหรับนักท่องเที่ยวมีหลายจุด
เป็นการจำลองตลาดแบบสมัยโบราณได้น่ารักดีอากาศไม่ร้อนมากทำให้เดินเล่นได้สบาย ๆ
เราเริ่มต้นด้วยการให้อาหารปลาก่อนเป็นอันดับแรกจากนั้นก็เดินเล่นบริเวณตลาด
สังเกตได้ว่ามีการจัดพื้นที่ได้อย่างลงตัวมากแบ่งโซนอาหาร โซนนั่งรับประทานอาหาร โซนจัดแสดง โซนพระเครื่อง ฯลฯ ได้อย่างลงตัว






















เราเลือกหาที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่บริเวณริมน้ำมีเป็ดว่ายน้ำเล่นไปมาลมพัดโชย ๆ ได้บรรยากาศมาก ๆ
อาหารที่นี้มีให้เลือกเยอะมากมีทั้งปลาช่อนเผา ขนมไทย ก๋วยเตี๋ยว ข้าวราดแกง ส้มตำ ผลไม้ บรรดาน้ำพริกต่างๆ ฯลฯ
เห็นแล้วไม่รู้จะเลือกกินอะไรอยากกินมันซะทุกอย่าง 555+
นอกจากของกินยังมีของฝากอีกมากมายให้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน
อาหารที่เราเลือกกินวันนี้เป็นปลาช่อนเค็มทอดกับปลาเนื้ออ่อนทอดซึ่งจังหวัดสิงห์บุรีขึ้นชื่อเรื่องปลาช่อนมากกินกับข้าวเหนียว
หมูห่อใบชะพลูย่าง เมี่ยงคำ น้ำเก๊กฮวย ถุงทอง หมูโสร่ง ทอดมัน














หนังท้องเริ่มตึง ๆ เราก็เดินเล่นในตลาดกันต่อพอดีว่าวันนี้มีพิธีหล่อเทียนวันสุดท้าย
หลังจากหล่อเทียนเสร็จก็ได้เวลาการแสดงโชว์กลางน้ำเกี่ยวกับวีรชนบ้านบางระจัน
การแสดงสนุกไม่น่าเบื่อเรียกเสียงหัวเราะและเสียงตบมือได้ตลอด
นอกจากนี้ยังปลุกใจให้รู้ว่าคนไทยสมัยก่อนมีความรักความสามัคคีกันเป็นอย่างมาก
สิ่งที่เราประทับใจกับตลาดนี้ คือ ตู้ยาสามัญ ให้ความรู้สึกว่าชาวตลาดให้ความสำคัญใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ
สามารถมองเห็นได้ง่ายและพร้อมใช้งานหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น












บ่ายสองได้เวลากลับแล้วคิดแผนไว้ว่าจะไปเดินตลาดกรุงศรี จ.พระนครศรีอยุธยา กันต่อแต่ด้วยเวลาแล้ว
คงต้องไปช่วยพ่อค้าแม่ค้าตั้งร้านแน่ ๆ เพราะตลาดมีช่วงเย็น ๆ ไปถึงค่ำ ๆ
เราเลยแวะเดินเล่นกันที่ บ้านของพ่อ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรพอเพียง อยู่บริเวณด้านหลังเจดีย์ภูเขาทองนั้นเอง
ในใจก็คิดว่าคนต้องเยอะแน่ ๆ ซึ่งเราไม่ค่อยชอบคนเยอะแล้วต้องไปแย่งกิน แย่งถ่ายรูปเท่าไหร่
แต่ผิดคาดคนไม่เยอะเลย แดดก็ไม่ค่อยมีเป็นใจให้เราเข้าไปเดินเล่นมาก ๆ
ที่นี้ไม่เสียค่าเข้าแต่จะมีกล่องรับบริจาคด้านหน้าไว้ให้ใส่เพื่อใช้ในการบำรุงรักษาสถานที่
ที่จอดรถสามารถจอดได้ฝั่งตรงข้ามโดยจัดพื้นที่จอดไว้ให้สำหรับผู้ที่เข้าชม
นอกจากนี้ยังมีการฝึกทำไข่เค็มโดยมีค่าใช้จ่ายในการทำคนละ 10 บาท
หลังจากทำเสร็จสามารถนำไปรับประทานที่บ้านได้ด้วย




























ที่นี้มีคาเฟ่เล็ก ๆ ให้นั่งดื่มน้ำเย็น ๆ ชื่นใจด้วยบรรยากาศภายในตกแต่งได้น่ารักมาก
นำเครื่องจักรสานมาใช้ตกแต่งได้อย่างลงตัวเราสั่งเป็นอิตาเลี่ยนโซดา
ส่วนขนมจะเป็นขนมไทยให้เลือกหลายอย่างเราเลือกเป็นบัวลอยไข่หวาน
นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกพวงกุญแจปลาตะเพียนสานลวดลายน่ารักให้ซื้อติดไม้ติดมืออีกด้วย







ดูนาฬิกาได้เวลาเย็นพอที่เราจะไปเดินตลาดกรุงศรีกันต่อจอดรถได้ตรงไปหาของกินก่อนเลย
เดินวนก่อน 1 รอบได้กุ้งไซส์ใหญ่มา 1 ตัวราคา 600 บาท สั่งไว้ก่อนเดี๋ยวกลับมาเอาเพราะคิวค่อนข้างนาน
เดินไปอีกนิดเจอข้าวกะเพราถาดสั่งกะเพราเป็ด กะเพราหมูกรอบมาคนละถาดยังไม่ทันจะถึงคิวเลย
ฝนตก!!!!!!!!!!!
รออยู่พักใหญ่ฝนก็ยังไม่หยุดเลยต้องให้ทางร้านจัดอาหารใส่กล่องแทนยังไม่ทันได้ซื้อขนมถ่ายรูปเล่นเลย
ขออนุญาติจบทริปด้วยกุ้งตัวใหญ่เพราะต้องวิ่งหลบฝนกลับบ้านแล้วค่ะ
พาพันรีบฝุดๆ พาพันรีบฝุดๆ พาพันรีบฝุดๆ


แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่