คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ปกตินักบุญเปาโล เวลาเขียนจดหมาย ต้องการอ้างใช้สิทธิ์ของอัครทูต(คำสั่ง)ให้คริสตชนปฏิบัติตาม จะเขียนโดยใช้ว่า
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า
ข้าพเจ้าขอสั่ง ไม่ใช่ข้าพเจ้าสั่งเอง แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า
ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่านโดยองค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้รักษาคำบัญชานี้...
พระเจ้า...ได้ทรงบัญชา...
ถ้าไม่ใช้สิทธิ์อัครทูต(ทำหรือไม่ทำก็ได้) จะใช้คำในเชิงขอร้องว่า
ข้าพเจ้าไม่ได้รับพระบัญชาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ขอออกความเห็น...
ข้าพเจ้าขอร้อง...
เราขอร้อง...
ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลาย...
ข้าพเจ้าปรารถนา...
มีความปรารถนา...
สรุป คือประโยค 1 ทิโมธี บทที่ 2 เป็นประโยคขอร้อง จะทำหรือไม่ก็ได้ ไม่ได้เป็นคำสั่งโดยใช้สิทธิ์อัครทูตแต่อย่างใดครับ เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของนักบุญเปาโลเท่านั้น เหมือนกับที่เรียกร้องให้คริสตชนถือเป็นโสดเหมือนนักบุญเปาโล(1คร. 7:40) แต่ไม่ใช่การบังคับแต่อย่างใดครับ
องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า
ข้าพเจ้าขอสั่ง ไม่ใช่ข้าพเจ้าสั่งเอง แต่องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงบัญชาว่า
ข้าพเจ้าบัญชาพวกท่านโดยองค์พระผู้เป็นเจ้า
ให้รักษาคำบัญชานี้...
พระเจ้า...ได้ทรงบัญชา...
ถ้าไม่ใช้สิทธิ์อัครทูต(ทำหรือไม่ทำก็ได้) จะใช้คำในเชิงขอร้องว่า
ข้าพเจ้าไม่ได้รับพระบัญชาจากองค์พระผู้เป็นเจ้า แต่ข้าพเจ้าก็ขอออกความเห็น...
ข้าพเจ้าขอร้อง...
เราขอร้อง...
ข้าพเจ้าขอร้องท่านทั้งหลาย...
ข้าพเจ้าปรารถนา...
มีความปรารถนา...
สรุป คือประโยค 1 ทิโมธี บทที่ 2 เป็นประโยคขอร้อง จะทำหรือไม่ก็ได้ ไม่ได้เป็นคำสั่งโดยใช้สิทธิ์อัครทูตแต่อย่างใดครับ เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวของนักบุญเปาโลเท่านั้น เหมือนกับที่เรียกร้องให้คริสตชนถือเป็นโสดเหมือนนักบุญเปาโล(1คร. 7:40) แต่ไม่ใช่การบังคับแต่อย่างใดครับ
แสดงความคิดเห็น
ผู้หญิงควรเป็นศิษยาภิบาล/นักเทศน์ไหมครับ
"1 ทิโมธี" บทที่ 2
ข้อที่ 11 : ให้ผู้หญิงเรียนอย่างเงียบ ๆ และด้วยใจนอบน้อมทุกอย่าง
ข้อที่ 12 : ข้าพเจ้าไม่อนุญาตให้ผู้หญิงสั่งสอนหรือใช้อำนาจเหนือผู้ชาย แต่ให้เขานิ่ง ๆ อยู่
แต่ผมก็ได้อะไรหลากอย่างจากนักเทศน์หญิงหลายคน
ข้อพระคัมภีร์นี้สื่อความหมายตรง หรือเป็นคำอุปมาที่ต้องตีความครับ
สรุปว่าผู้หญิงควรเป็นศิษยาภิบาล/นักเทศน์ไหมครับ
ขอบคุณครับ