[SNSD] แปล Podcast ของทิฟฟานี่ช่อง Olympic & Bundy

สำหรับพอดแคสต์ของฟานี่เราใช้เวลาหลายวันอยู่เหมือนกันค่ะกว่าจะแปลจบ เพราะค่อนข้างยาว
ตัวเราเองก็ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาก แต่เห็นว่ายังไม่มีคนแปลเลยแปลให้ค่ะ
บางจุดอาจจะฟังไม่ออกจริงๆ แบบไม่ค่อยชัด พูดซ้อนกัน เราอาจจะแปลผิดก็ขออภัยด้วยค่ะ
แต่ค่อนข้างมั่นใจว่าเนื้อหาโดยรวมถูกหมด
สำหรับใครยังไม่เคยฟังต้นฉบับ เป็น Podcast ช่อง Olympic & Bundy ที่ทิฟฟานี่ไปออกค่ะ
ความยาว 37 นาที มีให้ฟังใน Spotify, Apple Podcast และเว็ปนี้ค่ะ เป็นตอนที่ 44
สามารถฟังไปแล้วอ่านไปด้วยก็ได้ค่ะ เราพยายามแปลให้เป็นภาษาพูด เพราะคุยกันภาษาพูด ไม่ใช่สัมภาษณ์จริงจัง
ดังนั้นถ้าขัดภาษาตรงไหนขออภัยด้วยนะคะ
ถ้าจะแชร์ต่อ สามารถแชร์กระทู้นี้ และโปรดให้เครดิต @zetfany ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

- - - - - - - - - -

ยินดีต้อนรับสู่โอลิมปิคแอนด์บันดี้พอดแคสต์ค่ะ ฉันเคลลี่ เทย์เลอร์ ตอนนี้ในรายการของเรามีทิฟฟานี่ ยัง เธอเกิดและโตที่แคลิฟอร์เนีย และตอนอายุ 15 ปี SM ก็ได้พบเธอเข้า พวกเขาเป็นเอเจนซี่ด้านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดเอเจนซี่หนึ่ง เธอย้ายไปอยู่ที่โซลตัวคนเดียว ย้ำนะคะ ตอนเธออายุ 15 ปีเท่านั้น ฝึกซ้อมการเป็นเคป๊อบไอดอล และสุดท้ายก็ได้เดบิวต์ในวงหญิงล้วนอย่าง Girls’ Generation สำหรับคนที่ไม่รู้เรื่องเคป๊อบมากนัก เกิร์ลสเจเนอเรชั่นนั้นไอคอนิค(ยิ่งใหญ่)เลยล่ะค่ะ ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา พวกเธอมีเพลงติดอันดับหนึ่งอย่างน้อย 16 เพลง รางวัลมากมาย ยอดวิวในเอ็มวีกว่าพันล้านวิว และท่าเต้นที่แมทช์ไปกับเพลง ช่วงสิบปีที่ผ่านมาเธอโด่งดังอยู่แล้วในเกาหลีใต้ แต่ตอนนี้ทิฟฟานี่กลับมาที่อเมริกา อยู่ที่ลอสแอนเจลลิสเพื่อเริ่มงานเดี่ยว เธอมีเพลงใหม่ที่ชื่อว่า Over My Skin ที่เหมือนจะเป็นชีวประวัติเล่าเรื่องของหญิงสาวที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ช่วงถัดไปของชีวิต เธอเจ๋งสุดๆ แล้วฉันก็ได้รู้ว่าเธอชอบ Hot Cheetos เหมือนกัน แถมยังชอบพอดแคสต์ช่องเดียวกันอย่าง How To Build This With Guy Raz

ทิฟฟานี่ : ฉันชอบกินหลายอย่าง ตั้งแต่ดีไปแย่เลยค่ะ แต่คนก็ชอบคิดว่าฉันต้องกินอาหารรักษาหุ่นเคร่งครัดไม่ใช่เหรอ ซึ่งฉันก็แบบ ไม่อ่ะ
เคลลี่ย์ : อะไรคือเคร่งครัดล่ะแบบนั้น
ทิฟฟานี่ : ฉันกินอะไรที่อยากกิน และกินตอนที่อยาก แค่นั้นเอง คือการเลือกกินเป็นสิ่งเดียวที่ฉันควบคุมได้น่ะ อารมณ์ฉันขึ้นอยู่กับสิ่งที่กินสุดๆเลย
เคลลี่ย์ : จริงเหรอ ถ้าคุณบำรุงตัวเอง(ด้วยอาหาร) ถึงจะรู้สึกมีความสุข
ทิฟฟานี่ : มีความสุข ใช่ค่ะ! ฉันก็จะอยากกินอีก แล้วเวลาฉันเครียดก็จะกิน Hot Cheetos (หัวเราะ)
เคลลี่ย์ : จริงเหรอ รส Flamin’ Hot ใช่มั้ย?
ทิฟฟานี่ : ใช่เลย!
เคลลี่ย์ : แล้วคุณได้อ่านเรื่องที่แม่บอกว่าลูกสาวกินฮอตชีโตสรสนี้มากเกินไปมั้ย
ทิฟฟานี่ : ลูกสาวเค้าอาจจะเครียดก็ได้นะคะ(?) (หัวเราะ)
เคลลี่ย์ : คือเธอกินไปหลายถุงมากเลยไงในสัปดาห์นึง จนมัน.. แบบ ทำลายอวัยวะเธอไปเลยอะ สุดท้ายเลยต้องผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ แต่มันก็คงถึงระดับที่กินเยอะมากจริงๆ
ทิฟฟานี่ : ฉันกินหลายถุงไม่ไหวอะค่ะ กินได้แค่พอที่มันจะทำให้ฉันรู้สึกแบบ.. เข้าใจใช่มั้ยคะ
เคลลี่ย์ : คือตอนฉันเห็นข่าวนั้นก็ได้แต่คิดว่า ‘อย่าแบนรสนี้เชียวนะ’ เพราะมันอร่อยมากจริงๆ
ทิฟฟานี่ : ยังไงเราก็กินอยู่ดีอ่ะ
เคลลี่ย์ : ใช่เลยค่ะ แล้ว ที่เกาหลีเนี่ย ฮอตชีโตสดังมั้ยคะ
ทิฟฟานี่ : ไม่ค่ะ คือเกาหลีไม่มีเลย
เคลลี่ย์ : จริงเหรอ แม้แต่แบบอื่นก็ไม่มีเหรอ
ทิฟฟานี่ : ใช่ค่ะ จนแบบ พ่อแม่กับพี่น้องฉันต้องเอาฮอตชีโตสมาด้วย
เคลลี่ย์ : แบบส่งมาให้เลยเหรอ
ทิฟฟานี่ : อัดมาเต็มกระเป๋าเลยแหละค่ะ
เคลลี่ย์ : คือมันดีจริงๆ ตอนมอปลายฉันก็กิน.. แล้วแบบว่า คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ..
ทิฟฟานี่ : ฮอตชีโตสกินกับ Ranch? (ซอสชนิดหนึ่ง)
เคลลี่ย์ : โอ้ เรื่องนั้นก็ใช่ค่ะ แต่ฉันไม่เคยลองเลย ไว้จะลองดู แต่ฉันกินกับ Monster (เครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อหนึ่ง) ก่อนจะซ้อม
ทิฟฟานี่ : ไม่โอเค ไม่ไหวนะคะแบบนั้น
เคลลี่ย์ : คือกินก่อนเล่นกีฬาไง
ทิฟฟานี่ : แต่ฉันกินกับ red bull อ่ะค่ะ (หัวเราะ) คือฉันดีใจที่เรามีเรื่องคุยกันเยอะขนาดนี้
เคลลี่ย์ : จริงค่ะ แล้วคุณรู้สึกว่าตัวเองมี alter ego (ตัวตนอีกด้าน) เวลาแสดงมั้ยคะ คือฉันอยากรู้เรื่องนั้นมาก เพราะแบบบียอนเซ่ก็จะมีตัวตนด้าน Sasha Fierce
ทิฟฟานี่ : มีค่ะ คือถ้าคุณดูเอ็มวี Over My Skin คุณก็จะเห็น Professor T ที่มาจากตอนฉันสัมภาษณ์กับอีกที่ ฉันโดนถามว่าถ้ามีพลังพิเศษจะเป็นพลังอะไร ฉันตอบไปแบบไม่ต้องคิดเลยว่าควบคุมจิตใจ ซึ่งฟังดูพิลึกมาก แต่อย่าโฟกัสกับการที่ฉันเป็นคนพิลึกเลย โฟกัสที่ว่าฉันจะเป็นเหมือน Professor X ดีกว่า Professor T มาจากตรงนั้นค่ะ เพราะฉันอยากจะเรียนรู้ไปตลอด แต่ฉันก็อยากเป็นมืออาชีพ ที่แบบรู้ทุกเรื่อง น่าชื่นชม มีความรับผิดชอบ ฉันก็คงใช้ความรู้สึกแบบนี้ในการแสดงที่ทุกคนแบบว่า เธออยู่ในวงการมาเป็นสิบปีแล้ว เธอน่ะตัวแม่ ฉันชอบมากเลย แฟนๆบอกฉันแบบนั้น Professor T เลยเป็นคนที่ทั้งเรียนรู้และต้องการให้ทุกอย่างเพอร์เฟคท์ก่อนจะแสดง มันเลยเป็น alter ego อันใหม่ของฉันค่ะ
เคลลี่ย์ :  ฉันชอบที่ในเอ็มวีมันแบ่งเป็นแต่ละบทเรียน ซึ่งเจ๋งมาก
ทิฟฟานี่ : ใช่เลย ขอบคุณค่ะ
เคลลี่ย์ : แล้วฉันก็ชอบความ aesthetic (เป็นศิลปะ) ของมันด้วย ตอนที่เป็นภาพขาวดำ แล้วคุณก็เต้นอยู่ระหว่างวงดนตรี สไตล์แบบ Risky Business (ชื่อหนัง)
ทิฟฟานี่ : คุณดูออกด้วยเหรอคะ! ใช่ค่ะ Risky Business อยู่ในสตอรี่บอร์ด เพราะฉันชอบมัน และมีบางสิ่งที่ฉันไม่เคยพูดถึงก็คือวงนั้นคือวงออเครสตร้าของโรงเรียนมัธยมปลายไดมอนด์บาร์ เพราะฉันมาจากไดมอนด์บาร์ แล้วก็ผู้กำกับวงของฉันสมัยมอต้น ตอนนี้เค้าย้ายมาอยู่มอปลายแล้ว เขาบอกว่า “เราไม่เจอกันเลยสิบห้าปีเต็มๆ แล้วฉันก็ภูมิใจในตัวเธอมากนะ” เพราะเค้าเห็นฉันตั้งแต่สมัยอยู่ในวงดนตรีคลาสสิค เค้าเลยภูมิใจที่เห็นฉันไปสู่อีกขั้นหนึ่ง(ของวงการดนตรี) “เธอเป็นคนเดียวที่ยังอยู่นะ” มันน่าประทับใจมากเลยค่ะที่ได้อยู่บนเวที โดยที่ผู้กำกับวงอยู่ด้านหน้า แล้วก็มีนักเรียนในชมรมใหม่ ฉันมองนักเรียนพวกนั้นแล้วก็บอกว่า “ฉันหวังว่าพวกเธอจะมีแรงบันดาลใจนะ เธอทำได้ทุกอย่าง ฉันเคยเป็นเธอที่อยู่ในชมรมออเครสตร้า แล้วตอนนี้เราก็ได้อยู่ในเอ็มวีด้วยกัน”
เคลลี่ย์ : แล้วคุณเคยเล่นเครื่องดนตรีอะไรมาเหรอ
ทิฟฟานี่ : ฉันเล่นฟลุตกับพิคโกโล่(ขลุ่ยสั้น)ค่ะ
เคลลี่ย์ : ฉันก็เล่นฟลุตเหมือนกันเลย เป็นไม้ แล้วฉันก็ไม่เคยทำความสะอาดมันเลย
ทิฟฟานี่ : ไม่นะ แบบนั้น.. คุณต้องทำความสะอาดมันนะ
เคลลี่ย์ : ฉันรู้ คือมันน่าขยะแขยงมาก ทั้งฉันกับน้องสาวก็เล่นฟลุตเหมือนกัน แต่ฉันก็เลิกเล่นไปตอนมอสอง และนั่นก็เป็นจุดจบของสายอาชีพฉันเลย
ทิฟฟานี่ : โอเคค่ะ (หัวเราะ)
เคลลี่ย์ : แล้วเด็กมอปลายในไดมอนด์บาร์มาเล่นให้เหรอ
ทิฟฟานี่ : ใช่ค่ะ พวกเค้าคือวงโรงเรียนมอปลายในไดมอนด์บาร์
เคลลี่ย์ : มันต้องรู้สึกบ้ามากแน่ๆ เพราะคุณเป็นมืออาชีพไปทุกแง่ ทำงานมาเป็นสิบปี การได้กลับมาที่นี่.. แม้คุณจะเคยอยู่ที่นี่ก็จริง แต่ก็เป็นคนละคนกัน เพราะตอนนั้นคุณเป็นเด็ก การได้กลับมาที่นี่ตอนนี้ ทั้งโตขึ้นและผ่านอะไรมามาก การอยู่ที่นี่อีกครั้งทำให้คุณรู้สึกว่าที่นี่ไม่เหมือนเดิมมั้ย?
ทิฟฟานี่ : ก็.. ใช่ แต่ก็ไม่นะคะ เพราะการโตขึ้นแล้วรู้ว่าตัวเองชอบหรือไม่ชอบอะไร ทำให้คุณมีความรับผิดชอบเวลาจะตัดสินใจอะไร ตอนที่ตัดสินใจจะย้ายกลับมาอยู่แอลเอ ฉันรู้สึกว่าแอลเอมันท้าทายมาก ในแง่ที่ว่าทุกคนเก่งมาก มีนักเขียน โรงเรียน โรงเรียนเต้น สตูดิโอมากมาย ฉันก็ถามตัวเองว่า “เธอจะเอามั้ย จะเริ่มรอบสองของชีวิตมั้ย” ฉันก็เลย เอาสิ ฉันคิดว่าตอนเด็กๆฉันกลัวนิดหน่อย แล้วก็กังวลว่าจะทำไม่ได้ แต่ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับการทำงานหนัก แล้วก็เลิกกังวลว่าจะได้รับการยอมรับ/ถูกเลือกมั้ย มันจะยากมั้ย
เคลลี่ย์ : ตอนนี้คุณโตขึ้นแล้ว มันแตกต่างกันยังไงบ้างด้านความมั่นใจในตัวเอง
ทิฟฟานี่ : อายุ 17 กับอายุ 29 แน่นอนค่ะ
เคลลี่ย์ : ใช่ค่ะ คุณคงผ่านเรื่องนั้นมาเยอะ แต่ตอนนี้ฉันอยากกลับไปคุยเรื่องเพลง Over My Skin ก่อนนะคะ พวกเบื้องหลังเพลงกับเอ็มวี แต่ฉันสงสัยนิดหน่อย คือฉันไม่ได้จะให้พูดถึงพื้นหลังทั้งหมดของมันเพราะมีคนฟังอยู่ แต่สำหรับคนที่ไม่รู้ คุณย้ายไปเกาหลีตอนอายุ 15 ใช่มั้ย คุณเข้าไปอยู่ในค่าย ฝึกฝน แล้วก็เข้าร่วมวงที่ดังมากๆอย่าง Girls’ Generation แล้วก็มาอยู่ตรงนี้
ทิฟฟานี่ : ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะ
เคลลี่ย์ : ฉันสงสัยเรื่องอายุ 15 นิดหน่อย แค่นึกถึงตอนตัวเองอายุ 15 เรื่องความมั่นใจในตัวเอง ความรู้สึกที่มีต่อตัวเอง คือคุณโตที่ไดมอนด์บาร์ แคลิฟอร์เนีย แล้วคุณก็ย้ายไปที่ใหม่ คุณเคยไปเกาหลีมาก่อนมั้ย?
ทิฟฟานี่ : ไม่ค่อยเท่าไหร่ค่ะ อาจจะทุกสองสามปี ช่วงหยุดฤดูร้อนประมาณสองสัปดาห์ ซึ่งก็ไม่ได้เยอะเลย
เคลลี่ย์ : คือคุณก็ไม่ได้ใช้ชีวิตที่นั่น
ทิฟฟานี่ : ใช่ค่ะ ฉันไม่ค่อยรู้อะไรเท่าไหร่หรอก คือฉันเคยแบบว่า ‘ฉันรู้เรื่องเกาหลีดีนะ ซึ่งเธอไม่รู้หรอก’ คือตอนคุณเป็นวัยรุ่นมันก็จะรู้สึกว่าตัวเองรู้ คนอื่นไม่รู้
เคลลี่ย์ : คุณสังเกตถึงความแตกต่างใหญ่ๆจากตอนอายุ 15 เช่นพวกเรื่องแฟชั่น อย่างเรื่อง Beauty Standard (ความงามพื้นฐาน) เพราะมันคงต่างกันมากๆที่นั่นกับที่นี่ มันสับสนมั้ยคะ?
ทิฟฟานี่ : ใช่ค่ะ ตอนแรกก็งงๆนิดหน่อย แต่โชคดีที่โรงเรียนมอต้นฉันใส่ชุดเครื่องแบบ แต่มันก็ต่างอยู่ แบบว่าฉันไว้ผมได้ยาวกว่า อยากทำสีเมื่อไหร่ก็ได้ ทำเล็บอคริลิคก็ได้ ใส่เครื่องประดับเยอะมาก คือฉันเป็นคนเปิดเผยมากๆน่ะค่ะ คือเพื่อนในวงฉันสมัยนั้นก็จะใส่เครื่องแบบ แล้วก็รวบผมดีๆ คือฉันเยอะ (extra) สุดๆเลยค่ะ
เคลลี่ย์ : ก่อนที่จะมีคำว่าเยอะซะอีกสินะคะ เข้าใจเลย
ทิฟฟานี่ : ใช่ค่ะ ก่อนจะมีคำว่าเยอะ ฉันตอนอายุ 15 ก็เป็นนิยามของคำว่าเยอะแล้ว ฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันชอบคือการได้ลดความเยอะลงมา แต่ก็ยังสามารถร้องเพลง เต้น แสดง พูด หรือได้อยู่กับปัจจุบัน ตอนแรกฉันมัวแต่คิดว่า ทำไมฉันใส่นั่นทำนี่ไม่ได้ สุดท้ายมันก็กลับไปถึงส่วนสำคัญที่สุดก็คือศิลปะ ‘เธอจะยังแสดงโดยไม่มีของพวกนี้แล้วยังเป็นศิลปินได้มั้ย’ นี่คือสิ่งที่ฉันได้มาค่ะ มันก็แตกต่างกันนิดหน่อย แต่บทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เรียนรู้จากการได้อยู่กับสมาชิกในวงที่เกาหลีก็คือ ‘เธอจะแสดงโดยไม่มีแสงไฟ ผมสวยๆ หรือเครื่องสำอางได้มั้ย’ นั่นเป็นบทเรียนที่ใหญ่มากในช่วงวัยเด็กแบบนั้นค่ะ
เคลลี่ย์ : แน่นอนเลยค่ะ
ทิฟฟานี่ : ดังนั้น สำหรับคนที่คิดว่า ‘ทำไมฉันทำนั่นทำนี่ไม่ได้’ ต้องเรียนรู้และเข้าใจกฎก่อนจะสร้างกฎใหม่นะคะ อย่าพึ่งแหกกฎล่ะ
เคลลี่ย์ : ดูเหมือนว่าตอนนั้นคุณจะอายุใกล้ๆกัน จากที่ฉันรู้เรื่องวัฒนธรรมเคป๊อบมา ฉันศึกษาวง Seo Taiji & Boys ซึ่งเป็นวงแรกในวงการใช่มั้ยคะ?
ทิฟฟานี่ : ตำนานเลยค่ะ ตำนาน
เคลลี่ย์ : คือก่อนหน้านั้นมันไม่ได้เจาะจงว่านี่คือวัฒนธรรมเกาหลี ผลิตในเกาหลี นี่คือเรา
ทิฟฟานี่ : พวกเค้าทรงพลังมากๆเลยนะคะ

(ต่อในคอมเม้น)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่