ตอนนี้บริษัทประสบเหตุต้องให้เลิกขายสินค้าตัวที่เคยขายอยู่เพราะกำไรจาก 40% ตอนนี้เหลือแค่ 6-12 % ต่อออร์เดอร์ ที่ร้านมีพนักงาน 4 คน เป็นหุ้นส่วน 3 คน และเป็นพนักงาน 1 คน

ที่บริษัทประสบปัญหาขาดทุนเนื่องจากกำไรลดน้อยลงทุกเดือน จากเริ่มแรกกำไร 40% ปัจจุบัน เหลือ 6-12% เนื่องจากโรงงานผลิตขึ้นราคา  แต่ทางบริษัทไม่สามารถขึ้นราคาขายได้ เพราะผู้ผลิตห้ามให้ตัวแทนทุกที่ขึ้นราคา ตัวแทนแต่ละที่ขายสินค้าโรงงานนี้เพียงแห่งเดียว

ทำให้บริษัที่เป็นตัวแทน มีทางเลือก 2 ทาง
1. เลือกขาย
2.เลิกขายสินค้าโรงงานเก่าและหาสินค้าอย่างอื่นขายที่ต่างจากสินค้าเดิม
เพราะทั้งประเทศมี 2 โรงงานที่ผลิต 1. คือโรงงานที่ผมรับมาขาย 2. คู่แข่งโรงงานเดิม ซึ่งไม่ขายให้ตัวแทนคู่แข่งอยู่แล้ว เลยพูดง่ายๆว่าต้องหาอาชีพใหม่กันเลย

พูดถึงพนักงานคนนี้ ทำงานโอเคทุกคนพอใจ ใจหนึ่งก็อยากจ้างไว้เพราะคนงานที่ทำงานดีหายากแต่อีกใจถ้าจ้างต่อไม่มีงานให้เค้าอยู่เฉยๆมันมีรายจ่ายเพราะไม่รู้ว่าจะหาของขายได้ไหมและหาได้จะขายดีหรือเปล่า

เลยประชุมกันผลออกมา มี 2 ทางเลือก

1. จ้างต่อ (เงินเดือน 16,000 บาท) ข้อดีคือเมือมีงานมีรายได้จะไม่ขาดคนงาน ลืมบอกว่าเป็นคนงานขับรถส่งของ  ข้อเสียคือถ้าลุยธุรกิจต่อแต่ไม่รอดต้องจ่ายค่าเงินเดือน 16,000 บาท และประกันสังคมต่อไปเรื่อยๆ และถ้าเลิกกิจการหลังพนักงานทำงานครบ 1 ปี ต้องชดเชย ถึง 3 เดือน ตามกฏหมายปัจจุปันเค้าทำงานได้ 8 เดือน ถ้าเลิกจ้างไม่เกิน พ.ย.นี้จะจ่ายชดเชยแค่ 1 เดือน

2. ให้ออกเลย ได้สินค้าตัวใหม่ค่อยหาจ้างพนักงานใหม่  ข้อดีคือจ่ายชดเชยแค่ 1 เดือน ข้อเสียหาพนักงานยาก หาได้ก็ไม่รู้จะดีหรือเปล่า

ปล.เพื่อหลายท่านสงสัย
1. ทำไมถึงขายสินค้าบริษัทเดียวซึ่งเสี่ยงมาก เพราะว่าขายมาหลายปีแล้วซึ่งโรงงานได้ให้ผลตอบแทนมาค่อนข้างเยอะ แต่ถ้าขายให้ต่อก็ต้องแบกรับภาระขาดทุนทุกเดือนซึ่งคงไม่ไหว น่าจะขาดทุนอยู่ที่ 1 แสนต่อเดือน
2.  คนทำงานประกอบด้วย
     2.1 ตัวผมหุ้นส่วนใหญ่ทำหน้าที่ดิวงานกับลูกค้าวิ่งหาลูกค้า
     2.2 แฟนผม และ น้องสาวผม ทำหน้าที่ดูแลงานเรื่องเอกสารและงานต่างๆในออฟฟิศ
     2.3 พนักงานส่งของ  ทำงานมาแล้ว 8 เดือน (ของที่ส่งผู้หญิงแบกไม่ไหวครับหนักมาก และ 2 สาวด้านบนตัวเล็กมากสูงแค่ 155 ซม. ถ้าให้แบกแทนคงไม่ไหว)