สวัสดีค่ะ รีวิวนี้ไม่เน้นรายละเอียดเรื่องพิกัด หรือการเดินทาง แต่เน้นเล่ากับบ่น 5555
จุดประสงค์ในการเขียนคือ อยากบอกว่า สิงคโปร์ไปไม่ยาก ไปแล้วไปได้อีก ใครไม่เคยไป อยากให้ลองไปดูค่ะ
หลังจากไปเที่ยวหนที่แล้วเมื่อปลายกุมภา 60 ด้วย
https://ppantip.com/topic/36166054
สิงคโปร์..พาพ่อแม่Backpackเที่ยวตปท.ครั้งแรก 4 วัน 3 คืน นอนโฮสเทล ไม่เข้าUSS ไม่ช้อปปิ้ง ไม่ไปวัด คนละหมื่นนิดๆ
ก็ไปกันอีกรอบ เมื่อกลางเดือน กค 61
สำหรับธีมการเที่ยวครั้งนี้คือ: ยังเน้นประหยัด แต่เอาสะดวกด้วย งกน้อยลง55
คราวก่อนตื่นเต้นผสมตื่นกลัว5555เพราะคือการไปตปท. ครั้งแรกด้วยตัวเองของพ่อแม่ และเรา (พี่สาวเคยไป) ต้องทำการติวก่อนไป แต่คราวนี้ชิลๆตื่นเต้นพอให้หัวใจสูบฉีด เพราะหลังจากมา SG หนก่อน พ่อแม่ก็ไปทัวร์ญี่ปุ่น (และโดนญี่ปุ่นตกไปเรียบร้อยแล้ว....)
แลกเงินที่ ร้านsuperrich bts สยาม ประมาณ 30,000 บาทไทย
ซื้อSim2fly AIS 4 คน คนละ 399 บาท
(ได้ประสบการณ์จากคราวที่แล้ว ถ้าพอมีงบแนะนำจริงๆ มันแพง แต่ถ้าหลงกันไม่คุ้มค่ะ แพลนจะล่ม ระเบิดอารมณ์จะลง)
หนนี้เลือกสายการบินเดิม ไทยไลอ้อนแอร์ ราคาโปรซื้อล่วงหน้า 3 เดือน 2,600 บาท ต่อคน ข้อดีของสายนี้คือให้น้ำหนักฟรีคนละ 20 กก. ลงดอนเมืองก็ดี มาจากตจว.สายๆ บินต่อเลยต่อเกือบๆ 4 โมงเย็น
(ทริค1: ที่ดอนเมืองพอเข้าไปด้านในตรวจกระเป๋าแล้ว จะมีร้านค้าแต่ส่วนใหญ่ราคาแพงมาก แนะนำให้ซื้ออะไรทานให้อิ่มก่อนเข้าไป อาจซื้อขนม แซนวิชบางอย่างติดไปด้วยไปกินตอนลงเครื่อง ถ้าหิวน้ำ ด้านในมีร้าน Boots ขายถูก ขวดลิตรครึ่ง ประมาณ 20 บาท)
บนเครื่อง จริงๆมองไม่เห็นอะไรหรอกค่ะ แต่แค่ท้องฟ้าเฉยๆก็สวยแล้ว ไปคราวที่แล้วตอนเครื่องลงยังไม่มืด ยังเห็นเรือเดินสมุทร แต่คราวนี้มืดแล้ว เห็นแต่ไฟของเรือมากกว่า แต่ยังไงก็ตาม ถ้าเลือกได้ ก็เลือกที่ติดหน้าต่างไว้ จะได้ดูวิว
เครื่องเราจอดที่ Terminal 3 ประมาณ 19.30 น. ออกมาจะมีสแกนกระเป๋าอีกรอบ เดินตามป้ายไป ถึง ตม. แนะนำให้ไปพร้อมกันทั้งครอบครัวจะง่าย เราเข้าช่องอาเซียน เค้าถามเราคนเดียวคนอื่นไม่ถามอะไรเลย ถามว่า นี่ครอบครัวคุณใช่มั้ย? และ มากันกี่คน? ออกมาจากตม. แวะทานขนมที่ซื้อมารองก่อน เพราะกว่าจะถึงที่พักอีกเกือบชั่วโมง มีที่กดน้ำดื่มฟรีอยู่หน้าห้องน้ำ
(ทริค2: พกขวดน้ำเปล่ามาด้วย ช่วยประหยัดได้เยอะ แนะนำเป็นแบบซิลิโคนพับเก็บได้ค่ะ)
ซื้อEZ-linkใหม่ 2 ใบ ใบละ 12 $ เติมเงินลงบัตรเก่าที่เก็บไว้ 2 ใบใบละ 10 $ ใช้เวลาซื้อแปปเดียว ส่วนตอนรถMRTไม่ได้ถ่ายมา แต่ขึ้นง่ายมากค่ะ ถ้าเราขึ้นรถไฟฟ้าที่ กทม ได้ เราก็ขึ้นที่นี่ได้
ที่พักเราอยู่แถว Boat quay ชื่อ 5 footway inn project boat quay (4 คน 3 คืน ประมาณ 12,000 บาท รายละเอียดจะลงแยกทีหลัง)
ลง สถานี Raffles place เดิน 600 เมตร ช่วงนั้นบอลโลกแถวนั้นเป็นร้านอาหารแบบซีฟู้ด กับร้านเหล้า ควันบุหรี่จะทำเอามึนไปหน่อย (แต่มีฝรั่งมาแบบดื่มหลังเลิกงาน งานพรีเมี่ยมมากๆ+สาวๆแต่งตัวชวนมองเหลียวหลัง) พอเช็คอินวางกระเป๋า เราก็รีบออกมาเดินชมเมืองกัน ตอนนั้นประมาณ 21.30 น. ส่วนมื้อเย็นเราห่อมาจากไทย เป็นข้าวเหนียว-เนื้อแดดเดียว ดูงก แต่เอาจริงๆถือว่าคิดถูกมาก เพราะเริ่มหิวตาลายแล้ว แถวๆนั้นมีแต่ร้านอาหารแบบราคาค่อนข้างสูง และช่วยเซฟเวลาเอาไปเดินเล่น นั่ง(จก) กินไป ดูวิวแม่น้ำสิงคโปร์ ขำๆ
โดยเลือกเดินฝั่งตรงข้ามกับhostel เดินไปเรื่อยๆ คนไม่เยอะ ไม่ลืมแวะกินไอติมตัดแปะแผ่นเวเฟอร์ลุงที่พูดไทยได้นิดหน่อย ห้อยพระเครื่องด้วย ลุงแกหน้าตายมากๆ แต่เล่นมุกภาษาไทยนะ แบบ "สองอัน" (แต่ราคาไอติมลุงนี่เรทฟูลเลอตันรึเปล่า555 แพงจัง 2 $ คราวก่อนถูกกว่านี้ ไม่น่าจะเกิน 1.5$)
มาดึกๆนี่ดีค่ะ คนน้อยแล้ว จะถ่ายรูปท่าไหนอ้าปากกินน้ำ น้ำพุเข้าหู ได้หมด555 ปลอดภัยดีไม่ได้เปลี่ยวอะไร ใกล้ๆเมอไรอ้อน มีร้านสตาร์บัค แต่ตอนไปถึงจะปิดแล้ว ห้องน้ำมีใกล้ๆ สะอาด ไม่ต้องห่วงถ้าคุณพ่อคุณแม่เข้าห้องน้ำบ่อย มีเซเว่น
วันที่ 2
ตื่นเช้ามาทานขนมปังตอนเช้าของโฮสเทล กับวิวหลักล้าน ซึ่งเป็นจุดเด่นของที่นี่
ภารกิจวันนี้คือซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ราคาประหยัดที่ร้าน Sea wheel ตรงChina town และไป Sentosa
จากที่พัก เดินไปขึ้นรถเมล์ นั่ง 2 ป้ายถึง ให้พ่อแม่รอฝั่งป้ายรถเมล์ คือ ห้าง China town point ส่วนสองพี่ร้องข้ามสะพานลอยไปซื้อตั๋วที่ห้าง people park conplex ร้านสีเขียว อยู่ชั้น 3 พี่คนขายเป็นคนไทยทั้งสองคน แนะนำพี่ผมสั้น ใจดีกว่าหน่อย555 (พี่ดีเราคุยกับพี่ผมยาวแล้วไม่เคลียร์ เลยเดินไปถามพี่ผมสั้น อีกรอบ)
ซื้อ(ราคาต่อคน จำไม่แม่นต้องเช็คอีกทีนะคะ): ตั๋วเคเบิ้ลคาร์แบบจำกัดรอบ 18$ ตั๋วเข้าGardens by the bay 16$ ตั๋วS.E.A Aquarium 24 $
เสร็จแล้วข้ามกลับมาทาง Songfa บักกุดเต๋ ร้านที่คนทั้งบ้านโปรดปราน และคาดไว้ว่าถ้าได้กลับมาอีก จะสั่งกินแบบเต็มที่ 555 ใครมาแนะนำให้มาทาง 4 คน อยู่ที่ประมาณ 30$ ต้มกระดูกหมูทานง่าย รสชาติแบบคุ้นเคยคนไทย (แต่ที่บ้านตื่นเต้นน้อยลง เพราะพอเราชิม รสชาติแทบจะเหมือนเราไปลองทำที่บ้านเลย เดี๋ยววิธีทำจะมาเล่าให้ฟังค่ะ)
เสร็จแล้วเดินเล่นแปปนึง ไปดูร้าน value 1$ ขายของราคาถูก (นึกภาพประมาณ เจ้เล้ง) แนะนำสำหรับคนที่อยากซื้อของฝาก แต่ขี่เกียจไปซื้อที่ห้างมุสตาฟา
(ทริค 3: ร้านSongfa แนะนำให้มาสาขาไม่ต้องยืนร้อนๆนี้ ร้านนี้ติดแอร์ มีคิวบ้าง ไม่มีบ้าง ประตูมี 2 ฝั่งอยู่ฝั่งนอกห้างกับในห้าง แนะนำยืนรอฝั่งในห้างเย็นกว่า)
(ทริค 4: แปลนห้างบางแห่งที่สิงคโปร์ค่อนข้างซับซ้อน ระวังหลงกันไว้บ้างนะคะ)
คราวนี้เราจะไป Sentosaกัน ด้วยวิธีใหม่ คราวก่อนเดินที่ สะพาน broadwalk แต่คราวนี้เราจะบิน เอ้ยยยย เราจะนั่งเคเบิ้ลคาร์ลอยฟ้าไป
นั่งMRT Chinatown ไปลงสถานีHarbourfront ออกมา เดินตามป้าย cablecar ไปจะพาเราไปตึกข้างๆ ขึ้นลิฟท์ไปด้านบนจะเห็นสถานี ชื่อ Harbourfront station ขาไปนี้ เนื่องจากมีคนขึ้นสถานีก่อนหน้าเรา เลยมีคนนั่งกับเราด้วยรวม เป็น 8 คน ทุกคนในบ้านเคยขึ้นแล้ว ยกเว้น จขกท. รู้สึกหวิวๆตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ภาพด้านล่างสวยมากๆ บอกเลยว่าคุ้มกับ 450 บาทมากกับการวิวทะเล วิวป่า วิวตึกสวยๆ เห็นเรือเดินสมุทนอยู่ลิบๆตร เห็นสวนสนุก และแนะนำจริงๆให้ขึ้นค่ะ ถ้าได้มาสิงคโปร์ ลงที่สถานีsentosa แล้วนั่งรถโมโนเรล (ฟรี) มาที่สถานีImbiah lookout เพื่อขึ้นเคเบิ้ลคาร์ต่อไปที่สถานีSiloso ระหว่างสถานีแบบว่าจะเคลื่อนตัวขึ้นลงแบบชันมาก กรี้ดดดดด555
เสร็จแล้วเราขึ้นไปดูวิวที่Sky walk ฟรี วิวสวยมาก มีจุดพื้นกระจกให้ไปยืนเสียวๆด้วย ลงมาถ่ายรูปกับป้ายหาดนิดหน่อย มาปีที่แล้วไม่มีคนเลยเพราะฝนตก แต่ปีนี้คนเยอะมาก เหมือนตอนเย็นจะมีจัดงานคล้ายๆคอนเสิร์ตริมทะเล มีแผงอาหารตั้งเตรียวขาย
เสร็จแล้วนั่งรถเมล์ฟรีวนไปขึ้นโมโนเรลที่ Beach station แล้วไปลงWaterfront station เพื่อไปที่อะควาเรี่ยม ซึ่งเป็นที่ๆเราไม่เคยไป
ก่อนไปกังวลมากว่าพ่อแม่จะชอบมั้ย หรือจะสวย จะมีอะไรให้ดูคุ้มค่าตั๋วเจ็ดร้อยมั้ย แต่พอไปแล้วก็ประทับใจ ที่สำคัญคือ เย็น ติดแอร์ ช่วยเพิ่มแรงยามบ่ายๆ พอมีมุมให้นั่งพักปลาจะแบ่งออกเป็นโซนๆ ทั้งที่เป็นอุโมงค์ใต้น้ำ และตู้เล็กๆเพื่อให้เราเห็นกันชัดๆ เมื่อเทียบกับที่เคยดูที่เมืองไทย(ของรัฐ ๆไม่ใช่ที่สยามพาราก้อน) ต้องบอกว่า น่าตื่นตาตื่นใจดี
และที่ชอบมากคือ โซนตู้ปลายักษ์ ขนาดใหญ่ติดอันดับโรง เหมือนจอฉายหนัง โชคดีตอนที่เราไป กำลังจะมีรอบให้อาหารปลา รออยู่เกือบชั่วโมง ก็มีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดดำน้ำมาให้อาหารปลา (ที่รีบว่ายมาแทบจะกินจากมือ) ปลากระเบนหางยาวๆสวย
อีกเหตุผลที่อยากมาที่นี่ คือ เป็น FC น้องนาย ณภัทร ที่เล่นเรื่องรักกันพัลวัน พระเอกเป็นเจ้าของอะควาเรี่ยมมาถ่ายทำที่นี่ แต่ไม่เจอคุณแมตต์พระเอกของเรา เจอแต่คนจีน คนแขก ฝรั่ง เด็กผู้ใหญ่ โอ้โห คนเยอะมากๆ รุมดูแต่ละตู้ ต้องใจเย็นๆ ตรงทางออกจะมีร้านขายของที่ระลึกขาย ราคาบางชอ้นพอจับต้องได้ค่ะ
(ทริค 5: ต้องกะเวลาให้เข้าไปดูเวลาให้อาหารปลาที่ตู้ใหญ่ทัน เพราะจะได้คุ้มและต้องจองที่นั่งก่อน+ถ้าเจอกลุ่มเด็กทัศนศึกษาแต่งตัวคล้ายๆกัน ให้ชะลอๆรอเด็กผ่านไปก่อน จะเจี้ยวจ้าวน้อยลง)
แวะถ่ายรูปรอบๆ โซนใกล้ๆหน้า Universal เล็กน้อย เก็บบรรยากาศ
เดี๋ยวมาต่อค่ะ
(สิงคโปร์) งบ 1 หมื่น พาพ่อแม่ใกล้เกษียณเที่ยวรอบ 2: 3 คืน 4 วัน ไม่เน้นช้อป แต่เราเดินกัน non stop
จุดประสงค์ในการเขียนคือ อยากบอกว่า สิงคโปร์ไปไม่ยาก ไปแล้วไปได้อีก ใครไม่เคยไป อยากให้ลองไปดูค่ะ
หลังจากไปเที่ยวหนที่แล้วเมื่อปลายกุมภา 60 ด้วย
https://ppantip.com/topic/36166054
สิงคโปร์..พาพ่อแม่Backpackเที่ยวตปท.ครั้งแรก 4 วัน 3 คืน นอนโฮสเทล ไม่เข้าUSS ไม่ช้อปปิ้ง ไม่ไปวัด คนละหมื่นนิดๆ
ก็ไปกันอีกรอบ เมื่อกลางเดือน กค 61
สำหรับธีมการเที่ยวครั้งนี้คือ: ยังเน้นประหยัด แต่เอาสะดวกด้วย งกน้อยลง55
คราวก่อนตื่นเต้นผสมตื่นกลัว5555เพราะคือการไปตปท. ครั้งแรกด้วยตัวเองของพ่อแม่ และเรา (พี่สาวเคยไป) ต้องทำการติวก่อนไป แต่คราวนี้ชิลๆตื่นเต้นพอให้หัวใจสูบฉีด เพราะหลังจากมา SG หนก่อน พ่อแม่ก็ไปทัวร์ญี่ปุ่น (และโดนญี่ปุ่นตกไปเรียบร้อยแล้ว....)
แลกเงินที่ ร้านsuperrich bts สยาม ประมาณ 30,000 บาทไทย
ซื้อSim2fly AIS 4 คน คนละ 399 บาท
(ได้ประสบการณ์จากคราวที่แล้ว ถ้าพอมีงบแนะนำจริงๆ มันแพง แต่ถ้าหลงกันไม่คุ้มค่ะ แพลนจะล่ม ระเบิดอารมณ์จะลง)
หนนี้เลือกสายการบินเดิม ไทยไลอ้อนแอร์ ราคาโปรซื้อล่วงหน้า 3 เดือน 2,600 บาท ต่อคน ข้อดีของสายนี้คือให้น้ำหนักฟรีคนละ 20 กก. ลงดอนเมืองก็ดี มาจากตจว.สายๆ บินต่อเลยต่อเกือบๆ 4 โมงเย็น
(ทริค1: ที่ดอนเมืองพอเข้าไปด้านในตรวจกระเป๋าแล้ว จะมีร้านค้าแต่ส่วนใหญ่ราคาแพงมาก แนะนำให้ซื้ออะไรทานให้อิ่มก่อนเข้าไป อาจซื้อขนม แซนวิชบางอย่างติดไปด้วยไปกินตอนลงเครื่อง ถ้าหิวน้ำ ด้านในมีร้าน Boots ขายถูก ขวดลิตรครึ่ง ประมาณ 20 บาท)
บนเครื่อง จริงๆมองไม่เห็นอะไรหรอกค่ะ แต่แค่ท้องฟ้าเฉยๆก็สวยแล้ว ไปคราวที่แล้วตอนเครื่องลงยังไม่มืด ยังเห็นเรือเดินสมุทร แต่คราวนี้มืดแล้ว เห็นแต่ไฟของเรือมากกว่า แต่ยังไงก็ตาม ถ้าเลือกได้ ก็เลือกที่ติดหน้าต่างไว้ จะได้ดูวิว
เครื่องเราจอดที่ Terminal 3 ประมาณ 19.30 น. ออกมาจะมีสแกนกระเป๋าอีกรอบ เดินตามป้ายไป ถึง ตม. แนะนำให้ไปพร้อมกันทั้งครอบครัวจะง่าย เราเข้าช่องอาเซียน เค้าถามเราคนเดียวคนอื่นไม่ถามอะไรเลย ถามว่า นี่ครอบครัวคุณใช่มั้ย? และ มากันกี่คน? ออกมาจากตม. แวะทานขนมที่ซื้อมารองก่อน เพราะกว่าจะถึงที่พักอีกเกือบชั่วโมง มีที่กดน้ำดื่มฟรีอยู่หน้าห้องน้ำ
(ทริค2: พกขวดน้ำเปล่ามาด้วย ช่วยประหยัดได้เยอะ แนะนำเป็นแบบซิลิโคนพับเก็บได้ค่ะ)
ซื้อEZ-linkใหม่ 2 ใบ ใบละ 12 $ เติมเงินลงบัตรเก่าที่เก็บไว้ 2 ใบใบละ 10 $ ใช้เวลาซื้อแปปเดียว ส่วนตอนรถMRTไม่ได้ถ่ายมา แต่ขึ้นง่ายมากค่ะ ถ้าเราขึ้นรถไฟฟ้าที่ กทม ได้ เราก็ขึ้นที่นี่ได้
ที่พักเราอยู่แถว Boat quay ชื่อ 5 footway inn project boat quay (4 คน 3 คืน ประมาณ 12,000 บาท รายละเอียดจะลงแยกทีหลัง)
ลง สถานี Raffles place เดิน 600 เมตร ช่วงนั้นบอลโลกแถวนั้นเป็นร้านอาหารแบบซีฟู้ด กับร้านเหล้า ควันบุหรี่จะทำเอามึนไปหน่อย (แต่มีฝรั่งมาแบบดื่มหลังเลิกงาน งานพรีเมี่ยมมากๆ+สาวๆแต่งตัวชวนมองเหลียวหลัง) พอเช็คอินวางกระเป๋า เราก็รีบออกมาเดินชมเมืองกัน ตอนนั้นประมาณ 21.30 น. ส่วนมื้อเย็นเราห่อมาจากไทย เป็นข้าวเหนียว-เนื้อแดดเดียว ดูงก แต่เอาจริงๆถือว่าคิดถูกมาก เพราะเริ่มหิวตาลายแล้ว แถวๆนั้นมีแต่ร้านอาหารแบบราคาค่อนข้างสูง และช่วยเซฟเวลาเอาไปเดินเล่น นั่ง(จก) กินไป ดูวิวแม่น้ำสิงคโปร์ ขำๆ
โดยเลือกเดินฝั่งตรงข้ามกับhostel เดินไปเรื่อยๆ คนไม่เยอะ ไม่ลืมแวะกินไอติมตัดแปะแผ่นเวเฟอร์ลุงที่พูดไทยได้นิดหน่อย ห้อยพระเครื่องด้วย ลุงแกหน้าตายมากๆ แต่เล่นมุกภาษาไทยนะ แบบ "สองอัน" (แต่ราคาไอติมลุงนี่เรทฟูลเลอตันรึเปล่า555 แพงจัง 2 $ คราวก่อนถูกกว่านี้ ไม่น่าจะเกิน 1.5$)
มาดึกๆนี่ดีค่ะ คนน้อยแล้ว จะถ่ายรูปท่าไหนอ้าปากกินน้ำ น้ำพุเข้าหู ได้หมด555 ปลอดภัยดีไม่ได้เปลี่ยวอะไร ใกล้ๆเมอไรอ้อน มีร้านสตาร์บัค แต่ตอนไปถึงจะปิดแล้ว ห้องน้ำมีใกล้ๆ สะอาด ไม่ต้องห่วงถ้าคุณพ่อคุณแม่เข้าห้องน้ำบ่อย มีเซเว่น
วันที่ 2
ตื่นเช้ามาทานขนมปังตอนเช้าของโฮสเทล กับวิวหลักล้าน ซึ่งเป็นจุดเด่นของที่นี่
ภารกิจวันนี้คือซื้อตั๋วเข้าชมสถานที่ราคาประหยัดที่ร้าน Sea wheel ตรงChina town และไป Sentosa
จากที่พัก เดินไปขึ้นรถเมล์ นั่ง 2 ป้ายถึง ให้พ่อแม่รอฝั่งป้ายรถเมล์ คือ ห้าง China town point ส่วนสองพี่ร้องข้ามสะพานลอยไปซื้อตั๋วที่ห้าง people park conplex ร้านสีเขียว อยู่ชั้น 3 พี่คนขายเป็นคนไทยทั้งสองคน แนะนำพี่ผมสั้น ใจดีกว่าหน่อย555 (พี่ดีเราคุยกับพี่ผมยาวแล้วไม่เคลียร์ เลยเดินไปถามพี่ผมสั้น อีกรอบ)
ซื้อ(ราคาต่อคน จำไม่แม่นต้องเช็คอีกทีนะคะ): ตั๋วเคเบิ้ลคาร์แบบจำกัดรอบ 18$ ตั๋วเข้าGardens by the bay 16$ ตั๋วS.E.A Aquarium 24 $
เสร็จแล้วข้ามกลับมาทาง Songfa บักกุดเต๋ ร้านที่คนทั้งบ้านโปรดปราน และคาดไว้ว่าถ้าได้กลับมาอีก จะสั่งกินแบบเต็มที่ 555 ใครมาแนะนำให้มาทาง 4 คน อยู่ที่ประมาณ 30$ ต้มกระดูกหมูทานง่าย รสชาติแบบคุ้นเคยคนไทย (แต่ที่บ้านตื่นเต้นน้อยลง เพราะพอเราชิม รสชาติแทบจะเหมือนเราไปลองทำที่บ้านเลย เดี๋ยววิธีทำจะมาเล่าให้ฟังค่ะ)
เสร็จแล้วเดินเล่นแปปนึง ไปดูร้าน value 1$ ขายของราคาถูก (นึกภาพประมาณ เจ้เล้ง) แนะนำสำหรับคนที่อยากซื้อของฝาก แต่ขี่เกียจไปซื้อที่ห้างมุสตาฟา
(ทริค 3: ร้านSongfa แนะนำให้มาสาขาไม่ต้องยืนร้อนๆนี้ ร้านนี้ติดแอร์ มีคิวบ้าง ไม่มีบ้าง ประตูมี 2 ฝั่งอยู่ฝั่งนอกห้างกับในห้าง แนะนำยืนรอฝั่งในห้างเย็นกว่า)
(ทริค 4: แปลนห้างบางแห่งที่สิงคโปร์ค่อนข้างซับซ้อน ระวังหลงกันไว้บ้างนะคะ)
คราวนี้เราจะไป Sentosaกัน ด้วยวิธีใหม่ คราวก่อนเดินที่ สะพาน broadwalk แต่คราวนี้เราจะบิน เอ้ยยยย เราจะนั่งเคเบิ้ลคาร์ลอยฟ้าไป
นั่งMRT Chinatown ไปลงสถานีHarbourfront ออกมา เดินตามป้าย cablecar ไปจะพาเราไปตึกข้างๆ ขึ้นลิฟท์ไปด้านบนจะเห็นสถานี ชื่อ Harbourfront station ขาไปนี้ เนื่องจากมีคนขึ้นสถานีก่อนหน้าเรา เลยมีคนนั่งกับเราด้วยรวม เป็น 8 คน ทุกคนในบ้านเคยขึ้นแล้ว ยกเว้น จขกท. รู้สึกหวิวๆตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ภาพด้านล่างสวยมากๆ บอกเลยว่าคุ้มกับ 450 บาทมากกับการวิวทะเล วิวป่า วิวตึกสวยๆ เห็นเรือเดินสมุทนอยู่ลิบๆตร เห็นสวนสนุก และแนะนำจริงๆให้ขึ้นค่ะ ถ้าได้มาสิงคโปร์ ลงที่สถานีsentosa แล้วนั่งรถโมโนเรล (ฟรี) มาที่สถานีImbiah lookout เพื่อขึ้นเคเบิ้ลคาร์ต่อไปที่สถานีSiloso ระหว่างสถานีแบบว่าจะเคลื่อนตัวขึ้นลงแบบชันมาก กรี้ดดดดด555
เสร็จแล้วเราขึ้นไปดูวิวที่Sky walk ฟรี วิวสวยมาก มีจุดพื้นกระจกให้ไปยืนเสียวๆด้วย ลงมาถ่ายรูปกับป้ายหาดนิดหน่อย มาปีที่แล้วไม่มีคนเลยเพราะฝนตก แต่ปีนี้คนเยอะมาก เหมือนตอนเย็นจะมีจัดงานคล้ายๆคอนเสิร์ตริมทะเล มีแผงอาหารตั้งเตรียวขาย
เสร็จแล้วนั่งรถเมล์ฟรีวนไปขึ้นโมโนเรลที่ Beach station แล้วไปลงWaterfront station เพื่อไปที่อะควาเรี่ยม ซึ่งเป็นที่ๆเราไม่เคยไป
ก่อนไปกังวลมากว่าพ่อแม่จะชอบมั้ย หรือจะสวย จะมีอะไรให้ดูคุ้มค่าตั๋วเจ็ดร้อยมั้ย แต่พอไปแล้วก็ประทับใจ ที่สำคัญคือ เย็น ติดแอร์ ช่วยเพิ่มแรงยามบ่ายๆ พอมีมุมให้นั่งพักปลาจะแบ่งออกเป็นโซนๆ ทั้งที่เป็นอุโมงค์ใต้น้ำ และตู้เล็กๆเพื่อให้เราเห็นกันชัดๆ เมื่อเทียบกับที่เคยดูที่เมืองไทย(ของรัฐ ๆไม่ใช่ที่สยามพาราก้อน) ต้องบอกว่า น่าตื่นตาตื่นใจดี
และที่ชอบมากคือ โซนตู้ปลายักษ์ ขนาดใหญ่ติดอันดับโรง เหมือนจอฉายหนัง โชคดีตอนที่เราไป กำลังจะมีรอบให้อาหารปลา รออยู่เกือบชั่วโมง ก็มีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดดำน้ำมาให้อาหารปลา (ที่รีบว่ายมาแทบจะกินจากมือ) ปลากระเบนหางยาวๆสวย
อีกเหตุผลที่อยากมาที่นี่ คือ เป็น FC น้องนาย ณภัทร ที่เล่นเรื่องรักกันพัลวัน พระเอกเป็นเจ้าของอะควาเรี่ยมมาถ่ายทำที่นี่ แต่ไม่เจอคุณแมตต์พระเอกของเรา เจอแต่คนจีน คนแขก ฝรั่ง เด็กผู้ใหญ่ โอ้โห คนเยอะมากๆ รุมดูแต่ละตู้ ต้องใจเย็นๆ ตรงทางออกจะมีร้านขายของที่ระลึกขาย ราคาบางชอ้นพอจับต้องได้ค่ะ
(ทริค 5: ต้องกะเวลาให้เข้าไปดูเวลาให้อาหารปลาที่ตู้ใหญ่ทัน เพราะจะได้คุ้มและต้องจองที่นั่งก่อน+ถ้าเจอกลุ่มเด็กทัศนศึกษาแต่งตัวคล้ายๆกัน ให้ชะลอๆรอเด็กผ่านไปก่อน จะเจี้ยวจ้าวน้อยลง)
แวะถ่ายรูปรอบๆ โซนใกล้ๆหน้า Universal เล็กน้อย เก็บบรรยากาศ
เดี๋ยวมาต่อค่ะ