บทสัมภาษณ์นักเรียนทุน chevening จ้า ใครสนใจสมัครลองอ่านดูได้เลย

พอดีไปอ่านเจอบทสัมภาษณ์ ซึ่งอธิบายถึงวิธีการเตรียมตัว และวิธีการสมัคร ซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์กับคนที่สนใจจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ จึงขออนุญาตนำมาเผยแพร่ หวังว่าเจ้าของบทความคงจะไม่ว่าอะไรนะ

https://www.facebook.com/graduatestudydiary/?hc_ref=ARRKv1-f5_ooSQLaMzvHSmud1UjkdLkwxLTtZcUKj9pICLSWkTLHTgrRzrZRLLkS87o&fref=nf&__xts__[0]=68.ARDplvYwAcnJDzTmVMdg9aflPxhM94Db9PFrok0uVzYDBNpOc3GvLT9RYxn-xkX3KVYXozutLol4VBEd6t3g2YbjScdTzw6tt2qkLxrUNE-tRuNkZZgKojlzR2CyUSuJs1X6ovWDL8t3HPBr3RjarzVH-jxNnX9tlgSzLdKVxaodjmDNdEzePeg&__tn__=kCH-R

สัมภาษณ์นักเรียนที่ได้ทุน Chevening


ทุน Chevening เป็นทุนเต็มจำนวนของรัฐบาลอังกฤษซึ่งตอนนี้ยังเปิดรับสมัครอยู่ วันนี้เราจะมาสัมภาษณ์พี่อร นักเรียนไทยที่ได้ทุนปีนี้เพื่อไปเรียน MSc Global Politics ที่ the London School of Economics and Political Science (LSE) สถาบันเดียวกับที่เจ้าของเพจจบมา ว่ากันว่าคนเรามักจะเห็นคนประสบความสำเร็จก็ตอนที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว แต่มักไม่มีใครสนใจว่าเบื้องหลังนั้นเขาฝ่าพันมายังอย่างไร เรามาดูกันดีกว่าว่าพี่อรต้องผ่านอะไรมาบ้างเพื่อให้ได้ทุนนี้


1.คำถามแรกเลยค่า ทำไมพี่อรถึงสนใจสมัครทุนนี้


จริง ๆ คือ พี่มีโครงการเรียนต่อปริญญาโทด้านที่เกี่ยวข้องกับโลกาภิวัตน์หรือด้านระหว่างประเทศอยู่แล้ว คิดว่าอยากไปเรียนปี 2018 ซึ่งทีแรกก็ไม่แน่ใจในศักยภาพตัวเองเหมือนกันนะ ก็เลยคิดว่าเอ้อออ ลองสมัครมหาลัยดูก่อน ถ้าไม่ได้ที่ถูกใจก็จะพยายามใหม่ให้ได้ไปในปีถัดไป


พี่ก็เลยเดินหน้าเรื่องหาข้อมูลของมหาลัย สมัครเรียน สมัครสอบภาษาอังกฤษ ติวและฝึกสอบ ซึ่งเลือกแล้วว่าจะไปเรียนที่อังกฤษ เพราะว่ามหาลัยชั้นนำอยู่ที่นี่ โปรแกรมที่ถูกจริตก็อยู่ที่นี่


ทีนี้ก็เป็นที่รู้กันว่าไปเรียนอังกฤษเนี่ย เขามีทุนรัฐบาลอังกฤษที่แสนจะโด่งดังและดีงาม ก็เลยคิดว่าไหนๆ ก็สมัครเรียนแล้ว งั้นเราก็ลองสมัครทุนด้วยเลยสิ ไม่ได้เสียตังอะไรทำไมจะไม่ลอง นอกจากนี้ พี่ก็เห็นเพื่อนๆ พี่ๆ ทั้งที่จุฬาฯ และที่ทำงาน เขาก็ได้รับทุนนี้กัน ก็เลยคิดว่าเราไม่น่าจะปล่อยโอกาสไปเนอะ จึงลุยด้วยเลย ทำทุกอย่างแบบเกือบจะคู่ขนาน และที่สมัครทุนเนี่ย มันไม่ใช่แค่ว่าประหยัดเงินหลักล้าน แต่ว่าเราจะได้รับประโยชน์และทักษะจากกิจกรรมของทุนที่เราเข้าร่วม เช่น กิจกรรม Networking ต่างๆ รวมถึงพี่เชื่อว่าการได้รับทุนจะช่วยเป็นเครื่องยืนยันศักยภาพให้กับเราในอนาคตอีกด้วย


2.พี่อรหาข้อมูลยังอย่างไร เตรียมตัวอย่างไรบ้างคะ


เรื่องหาข้อมูลนี่มีแหล่งข้อมูลที่หลากหลายมาก หลักๆ ก็จากเว็บไซต์ของทุนนี่ล่ะ เขาบอกละเอียดเลยว่าเอาอะไรบ้าง ทุนให้อะไรบ้าง ส่วนเรื่องการเตรียมตัวสมัครทุนเนี่ย เคยอ่านจากที่รุ่นพี่ที่ได้รับทุนรุ่นก่อนๆ เขียนไว้ เขามีแชร์สเตตัสเฟสบุ๊ค หรือโน้ตเฟสบุ๊ค แนะนำเกี่ยวกับทุนนี้ กลเม็ด เคล็ดลับ ขั้นตอนการสมัคร คืออ่านมาของหลายรุ่นละอะ ก็จำได้บ้างว่าใครเขียน ฮ่าๆๆๆ พอคิดจะสมัครทุน ก็เลยไปเสิร์ชหาโพสต์เก่าๆ ที่เป็นประโยชน์ ละก็มีถามเพื่อนหรือรุ่นพี่ที่รับทุนนี้และเพื่อนที่เคยสมัครทุนนี้ด้วยจ้ะ ซึ่งทุกคนก็ยินดีที่จะตอบแหละ ถ้าเราไม่ไปขอลอกเขาอะ


3.เล่าประสบการณ์สมัครคร่าว ๆ ได้ไหมคะ มีกี่รอบ แต่ละรอบทำอะไรบ้าง


ก็คือเราต้องเริ่มจากกรอกใบสมัครก่อนเลย ก็กรอกรายละเอียดคล้าย ๆ กับการสมัครเรียนเนี่ยล่ะ ชื่อ นามสกุล ข้อมูลการติดต่อ ที่จะต้องเตรียมตัวให้ดีในใบสมัครข้อเขียน (ที่นึกออก ณ ขณะนี้) คือ


1) เราต้องเลือกโปรแกรมและมหาวิทยาลัยที่เราอยากไปจำนวนสามอันดับ ก็ต้องไปเลือกมาดี ๆ ก่อน


2) เราต้องกรอกข้อมูลของ Referee สองท่าน ซึ่งทางสำนักงานทุนจะขอจดหมายแนะนำเราจาก referee ต่อเมื่อเราผ่านการคัดเลือกให้ไปสัมภาษณ์เท่านั้น (ส่งช่วงก่อนปลายกุมภา) เพราะฉะนั้นในขั้นตอนนี้เราจึงต้องไปทาบทาม Referee ของเรามาก่อนจ้ะ เผื่อเราได้สัมภาษณ์ท่านทั้งสองจะได้ไม่งง ซึ่งของพี่เป็นอาจารย์และหัวหน้าทีมค่ะ และ


3) เราจะต้องตอบคำถามเป็นภาษาอังกฤษสี่ข้อ ข้อละ 500 คำ ถามเกี่ยวกับ Leadership Networking (หัวใจหลักของทุน Chevening เลย) แผนการอนาคต ทำไมอยากเรียน อะไรประมาณนี้ค่ะ คือตรงนี้แนะนำว่าเราไปโหลดคำถามมาเตรียมร่าง-เขียน-ตรวจทาน ตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าเนอะ จะได้เป๊ะเลิศเป็นตัวเองมากที่สุด


ขอแนะนำนิดนึงเกี่ยวกับ Leadership ที่หลายคนอาจจะเห็นข้อนี้แล้วปิดเลยไม่ทำต่อ เพราะไม่เคยเป็นหัวหน้า เสียดายแทนมากเลยค่ะ คือว่าอยากแนะนำนิยามของคำนี้ให้กว้างขึ้น ว่าไม่ใช่แค่การเป็นหัวหน้าห้อง ประธานนู่นนี่ หรือหัวหน้างาน ผู้นำที่ดีหรือที่เราชอบเนี่ย มันหลากหลายมาก คิดไม่ออกลองไปกูเกิ้ลหาลักษณะผู้นำอะไรอย่างงี้ก็ได้ จะเห็นว่ามันไม่ใช่แค่หัวหน้าห้อง และเราทุกคนน่าจะมีประสบการณ์การเป็นผู้นำทางใดทางนึง โดยที่เป็นตัวเราจริงๆ ไม่ใช่ฝืนตัวเองทำเป็นผู้นำ หรือเมคข้อมูลขึ้นมาลอยๆ (อันนี้เพื่อนพี่ที่ชื่อนกแนะนำมา ใครเครดิตนิดนึง)


พอส่งใบสมัครเสร็จก็ไปเดินหน้าสมัครมหาลัย สอบภาษาอังกฤษให้ผ่านสักที พักผ่อนนอน(ไม่)หลับ และรอเค้าแจ้งเรื่องสัมภษณ์ช่วงกุมภามีนา พอได้เมล์แจ้งว่าได้สัมภาษณ์เนี่ย ก็ตะลุยกูเกิลหาเลยว่ามีคนเคยเจอคำถามแบบไหนบ้าง ซึ่งหาไม่ยาก มีเยอะแยะ ยูทูบอะไรอย่างนี้ก็มี จากนั้นก็เริ่มเห็นแนวละ ก็จินตนาการคำถามเพิ่มเติมไปเรื่อย ปรับคำถามให้เข้ากับตัวเรา ซ้อมบ่อย ๆ ลดความตื่นเต้นและตะกุกตะกัก ซึ่งพอเข้าไปสัมภาษณ์ก็ไม่ตื่นเต้นเลยพอคำถามแรกตรงกับที่เราเตรียมตัว (แหงสิ เค้าให้แนะนำตัวเอง ฮ่า ๆ ) จากนั้นเค้าถามคำถามอื่นๆ ซึ่งไม่ตรงกับที่เตรียมซะทีเดียว ใจเต้นตุ้บ ๆ แรงมากกก แต่ก็เราเตรียมมาแล้วเราปรับใช้ได้ ใช้เวลาสัมภาษณ์ประมาณครึ่งชั่งโมง คอแห้งมาก แต่เค้ามีน้ำให้หนึ่งแก้วค่ะ ฮ่า ๆ


4.ทุนให้เวลาสมัครมหาวิทยาลัยใช่หรือไม่ มหาวิทยาลัยไหน คอร์สไหนที่ทุนให้ไปเรียนบ้างคะ


คือ ทุนเค้าให้เราไปจัดการเรื่องมหาวิทยาลัยเองเลย ให้เวลายาวนานถึงกรกฎาคม เงื่อนไขคือว่าถ้าเกิดว่าเราเป็นผู้ถูกคัดเลือกรับทุนเนี่ย เราจะต้องได้การตอบรับจากมหาวิทยาลัยแบบไม่มีเงื่อนไข (Unconditional offer) ก็คือต้องผ่านภาษาอังกฤษ ส่งเอกสารต่างๆ ที่มหาวิทยาลัยต้องการให้ครบ และผ่านคะแนนภาษาอังกฤษขั้นต่ำของทุน ถ้าไม่ผ่านก็จะหลุดทุน (IELTS 6.5) ค่ะ ส่วนเรื่องมหาวิทยาลัยให้แทบจะทุกโปรแกรมเลยล่ะ ที่เรียนปีเดียวอะจ้ะ คือตอนกรอกใบสมัครมันจะมีให้เลือกเลยว่าอะไรได้บ้าง ซึ่งที่คิดจะเลือกก็มีให้เลือกหมด


5.ทุนให้เต็มจำนวนใช่หรือไม่คะ


ให้ค่าเทอมเต็มจำนวน (ยกเว้นสาขา MBA) ค่าเดินทาง ค่าวีซ่า และค่าครองชีพค่ะ


6.พี่อรสมัครตอนทำงาน ตอนสมัครเรียนก็ต้องทำงาน ตอนนั้นแบ่งเวลายังไงบ้าง


คือรู้สึกว่าขั้นตอนการสมัครเรียนและสมัครทุนไม่ได้กินเวลามากค่ะ ก็จะสามารถดำเนินการช่วงหลังเลิกงานหรือวันเสาร์อาทิตย์ได้ แต่ต้องให้เวลากับมันจริง ๆ


ตอนสมัครเรียนเนี่ย เราต้องไปตะลุยกูเกิ้ล เว็บมหาลัย เว็บจัดอันดับ ดูเปรียบเทียบหาสาขาที่เราสนใจ และสอดคล้องกับศักยภาพของเรามากที่สุด พอเราเลือกได้แล้วเราก็ลุย รีบติดต่ออาจารย์เลย เพราะกลัวอาจารย์จะคิวเต็ม เพราะแต่ละปีมีลูกศิษย์มารบกวนอาจารย์เรื่องจดหมายไม่ใช่น้อย และระบบการคัดเลือกของมหาวิทยาลัยหลายแห่งในอังกฤษเค้าจะดูคัดเอาคัดออกเลย ไม่ได้มาตัดเป็นรอบ ๆ เพราะฉะนั้นพร้อมก่อน-มีสิทธิ์ก่อน-สบายใจก่อน


พอแจ้งอาจารย์แล้ว พี่ก็เริ่มทำจดหมาย SOP แนะนำตัวเองว่าฉันเป็นใคร ทำไมอยากเรียน มีความฝันอะไร ทำไมต้องเลือกฉัน ซึ่งก็เขียนเองนั่นแหล่ะ แต่มีขอคำปรึกษาจากเพื่อน ๆ ที่ประสบความสำเร็จในการสมัครเรียนด้วยจ้ะ พอทุกอย่างพร้อมก็กดส่ง แต่ตอนที่ส่งใบสมัครเนี่ย คะแนน IELTS พี่ยังไม่พร้อม ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเค้าก็ไม่ว่าอะไร ให้ส่งใบสมัครก่อนได้ พอจัดการเรื่องใบสมัครเสร็จปุ๊บ พี่ก็รีบมาเข็นตัวเองเรื่องคะแนนภาษาอังกฤษ


ส่วนของทุนนั้น ก็กรอกประวัติ เลือกมหาลัย อะไรอย่างนี้ค่ะ เหมือนจะไม่ได้ยากอะไร แต่ตรงตอบคำถามนี่ก็แอบใช้เวลา พี่ก็ตั้งใจเขียนมาก คำถามไม่ได้ยาก ไม่ได้วิชาการ แต่ก็ไม่ได้ง่ายเลยอะ ก็เลยพยายามกลั่นอะไรออกมา ที่มันเป็นเรื่องของเราจริงๆ เพราะเรารู้จักตัวเองดีที่สุดนั่นแหล่ะ จะไปแต่งเรื่องหรือโม้อะไรขึ้นมามันก็ยังไง ๆ ละมันก็เขียนออกมาได้ ไม่ได้โหดร้ายอะไรมากนัก แต่ก็ต้องเกลาภาษาหน่อย เพราะต้องเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ตรงนี้คิดว่าทำตอนเย็นหลังเลิกงานได้ ข้อละวันสองวัน พอทำเสร็จก็มาตรวจ แต่ทิ้งช่วงหน่อยนึง เช่น ข้ามเสาร์อาทิตย์ไปก่อน เพราะส่วนตัวคิดว่าช่วงที่เขียนเสร็จแบบสด ๆ เรามองไม่เห็นความพลาดของตัวเองเท่าไหร่


และอะไรที่ใช้เวลาเยอะสุดก็คือการสอบ IELTS!!! ให้ผ่าน อะฮรือออออออออออออ ซึ่งใบตอง(แอดมินเพจนี้) เป็นต้นแบบที่ดีมาก ฮ่าๆๆ คือที่ทำงานอยู่ไกลใช่มะ ต้องนั่งรถนานมากกก ระหว่างนั้นก็เลยนั่งอ่าน Mock essays ท่องศัพท์ ฟัง Podcasts เป็นภาษาอังกฤษ ฝึกบารมีหู ส่วนตอนเย็นพอกลับบ้านพี่ก็พยายามทำข้อสอบในหนังสือของ Cambridge วันละสองทักษะ จริงๆ อยากทำให้ครบสี่ทักษะในหนึ่งวัน แต่ไม่ไหววว เหนื่อยยยย อิอิอิอิ


มีเจ้าครั้งสุดท้ายที่กระโดดเพราะ Listening และ Reading ช่วยเป็นจรวดเสริมแต้มบุญ ซึ่งปกติจะทรง ๆ ไอ้พาร์ทนี้อยู่ที่ 6.5 – 7.5 แต่รอบสุดท้ายพุ่งทะยานไปได้ เพราะคิดว่าตัวเรานั้นเข้าใจข้อสอบแบบสุดๆ เพราะอะไรรู้มั้ยย คือทำข้อสอบจนมาถึงเล่ม 12 ละไม่มีไรให้ทำ พี่เลยเอาเล่ม 11 มาวน พอรอบที่สองครบ เลยมาเทียบดูกับที่เคยทำ ก็พบว่าอุ๊ยตาย นี่ขนาดข้อสอบชุดเดิม ยังมาเด๋อผิดข้อเดิม เรื่องเดิมๆ ก็เลยเห็นจุดผิดพลาดของตัวเองแล้ว และพยายามทำความเข้าใจกับมัน เลยเริ่มวนรอบที่สาม มันก็ไม่แปลกที่คะแนนจะเพิ่ม จากนั้นก็คิดว่าเอ๊ย เราคะแนนเพิ่มเพราะเราจำข้อสอบได้ป้าวแว้ ก็เลยไปสุ่มทำจากเล่มอื่นที่ลืม เช่น เล่มแปด เล่มเก้า อะไรเง้ มันก็แทบไม่พลาด ก็เลยคิดว่าเอ้ออออ ในที่สุดเดี๊ยนก็มาถูกทาง ตบมือให้ตัวเอง


จะบอกว่าสอบหลายรอบนะ ไม่ใช่รอบเดียวผ่านเลย เหนื่อยล้ากายใจมาก แต่ไม่อยากทิ้งเพราะว่าเราได้ยูมาแล้วอะ เป็นยูที่เราอยากได้ตั้งแต่อ้อนแต่ออก เพราะฉะนั้นเราจะไม่ยอมให้คะแนนภาษาอังกฤษเป็นอุปสรรคเด็ดขาดดดดด และ (ตอนนั้นยังไม่รู้ผลทุน) คิดไปไกลว่าถ้าเราได้ทุนล่ะ (และมีหมอดูมาทักว่าจะได้ทุน ฮ่าๆๆๆ) แล้วเราไม่ผ่านคะแนนภาษาอังกฤษ เราจะยิ่งเศร้ามากกกกกกกกกก เพราะมันหมายถึงเรางกหลักพันแต่เราต้องจ่ายหลักล้านเลยนะเหวยยยย ก็เลยอะๆ ยอมกินแกลบระยะสั้น สมัครสอบใหม่


7.ตอนนี้เป็นโทใบที่สองแล้ว ตื่นเต้นหรือเปล่า รู้สึกอย่างไร


ตื่นเต้นมาก เพราะจะได้ไปรับการศึกษาจากต่างประเทศเป็นครั้งแรกกก คือเพื่อนๆ รุ่นพี่ๆ ก็ บอก/เตือน/ขู่ ว่ามันโหด เข้มข้น จริงจัง กว่าไทยมากกกกกกกกกกกกกกกกก ทำใจไว้บ้าง แต่ก็คิดว่าจะพยายามมม จะเอายาบำรุงรากผมไปด้วย กลัวผมร่วง (แอดมินเพจนี้ผมร่วงไปแล้ว กลับมาไทยต้องหั่นผมแล้วใช้ยาปลูกผม)


8.อยากบอกอะไรคนที่มาอ่านโพสต์นี้บ้าง


อยากจะบอกว่าทุกคนมีโอกาสเสมอ อย่ารีบกลัวหรือตัดโอกาสตัวเอง เวลาที่เรามองเห็นคนที่เราคิดว่าเก่งมาก ๆ แล้วเค้าได้ทุนเนี่ย อย่าไปคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับเรา แต่ให้ปรับมุมว่าเราจะทำอย่างไรให้ไปขั้นนั้นได้ อย่ารีบดูถูกตัวเอง มันไม่ได้ง่าย แต่มันไม่ได้ยากเกินความพยายาม เพราะฉะนั้นถ้าเราให้ใจ เราก็สามารถทำได้ค่ะ


ทุน Chevening ตอนนี้ยังเปิดรับอยู่ โดยผู้สมัครต้องมีประสบการณ์ทำงานไม่น้อยกว่าสองปี ใครสนใจเข้าไปดูได้ที่
http://www.chevening.org/thailand/


checklist การสมัครมหาวิทยาลัยที่สามารถใช้ร่วมกับการสมัครทุนได้ เข้าไปดูได้ที่
https://www.facebook.com/graduatestudydiary/


สุดท้าย ใครที่สนใจสมัครสอบไอเอล เพจนี้ได้เขียนคำแนะนำให้ในโพสต์นี้ค่ะ
https://www.facebook.com/graduatestudydiary/posts/940106442795280?__xts__%5B0%5D=68.ARCW32EgHFFqJzfvuMlO6zVYr4i5lVvVmCY7qAtCKA24KCCYtXdckSL3AYNFBIgf9HyNDJfvxVUzyY0vIyorMVVuzNJNvCGGERHjNdNFkMbXKyThFOmNyaZ2Xop1o__Jxz_oS6SKUsVuGxaJmmyQNectMHjwhpO7pUjEmcmj3c-Jp0Rlm5Zk&__tn__=K-R
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่