http://www.share2trade.com/index.php?route=content/content&path=9&content_id=3503
ผมเฝ้ารอเวลานี้มาระยะหนึ่ง สำหรับหุ้นโรงพยาบาลแห่งนี้ นั่นคือ EKH หรือ บมจ.เอกชัยการแพทย์ หลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาแล้ว โดยภาพรวมๆ กลุ่มโรงพยาบาลมีปัจจัยสนับสนุน เช่น การเติบโตจากโรคระบาดที่มากกว่าปีก่อน และมาเร็วกว่า ตามฤดูกาล ฤดูฝน นั่นคือ การระบาดของไวรัสโรต้า และไข้หวัดใหญ่ จากนี้ไปธุรกิจโรงพยาบาลกำไรไตรมาส 3-4 จะเข้าสู้ High Season โรงพยาบาลเอกชนหลายบริษัทเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวหลังผ่านช่วงการลงทุนขนาดใหญ่ไปแล้ว ทำให้กลุ่มโรงพยาบาลในครึ่งปีหลัง เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น
ตามปกติไตรมาส 2 ถือว่าเป็น Low Season แต่บางแห่งกลับเติบโต นั่นคือ EKH ที่เราเลือกตัวนี้ ด้วยเหตุผลเฉพาะตัว อย่างแรกเลยคือ รับผลบวกจากศูนย์ผู้มีบุตรยาก และการปรับราคาห้องพักบางส่วนขึ้นราว 10% และจะสดใสต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ช่วง High Season ที่ผ่านมากำไรสุทธิของ EKH ไตรมาส 2 อยู่ที่ 22.3 ล้านบาท (+91.5% YoY, +1.8% QoQ) ถือว่าแข็งแกร่งแม้จะเป็นช่วงที่ธุรกิจชะลอตัวตามฤดูกาลอย่างที่กล่าวข้างต้น
เหตุผลของการเลือก EKH เริ่มมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาถึงต้นปีเรื่อยมาจนจบไตรมาส 2 และได้ให้ความสำคัญกับ การเปิดให้บริการทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilisation หรือ IVF) นักวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ คาดการณ์ว่า ไตรมาส 3 ของ EKH จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจาก
i) เป็นช่วง peak ตามฤดูกาล
ii) การประหยัดต่อขนาดที่เกิดจากจำนวนผู้ใช้บริการ IVF ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และ iii) ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จึงมองว่ากำไรของบริษัทน่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้
โดยผู้บริหารตั้งเป้าจำนวนผู้ใช้บริการ IVF ในปีนี้ไว้ที่ 120 ราย จากประมาณ 60 รายใน 1H61 ซึ่งหมายถึงจะมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 10 ราย
จากการติดตามการเติบโตของ EKH มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว รวมทั้งจากการพูดคุยกับ "นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร" กรรมการและผู้อำนวยการ บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) พบว่า แนวทางการเติบโตชัดเจน โดยเฉพาะกับความร่วมมือกับทางฝั่งพันธมิตรประเทศจีน กับการเปิดให้บริการทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilisation หรือ IVF) ที่สำคัญยังเข้าใจว่าชาวจีนต้องการอะไร โดยเฉพาะเมื่อเด็กที่เกิดนั้น เป็น "ลูกมังกร" กับทำเลท้องมังกร นั่นหมายความว่า เด็กที่เกิด หากเกิดขึ้นในพื้นที่ที่เรียกว่า "ท้องมังกร" ตรงนี้ถือเป็นไฮไลท์ของ EKH เมื่อบวกกับพันธมิตร ทำให้ครึ่งปีแรก ผลที่ออกมาชัดเจนมาก
ที่บอกว่าชัดเจน เพราะล่าสุดจำนวนคนไข้ IVF เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากประมาณการเดิม เพราะในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจำนวนคนไข้ IVF เฉลี่ยอยู่ที่ 20 รายต่อเดือน จากเดิมอยู่ประมาณ 10 รายต่อเดือนในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ส่วนทั้งปีผู้บริหารตั้งเป้าไว้ที่ 125 ราย และยังมีการทำการตลาดมากขึ้นผ่าน Agency และ Agency ส่งเคสเข้ามาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้อาจจะลุเป้าก็เป็นไปได้ หากครึ่งปีหลังทำได้เดือนละประมาณ 20 ราย
ที่สำคัญ EKH จะเปิดคลินิกเด็กหลอดแก้ว (IVF) แถวพระรามเก้าเพิ่มเติม เพื่อเป็นคลินิกเบื้องต้นในการตรวจสุขภาพคนไข้ที่ต้องการทำ IVF ก่อนจะส่งมาทำที่ Lab โรงพยาบาลเอกชัย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ "ท้องมังกร" ที่ชาวจีนมีความเชื่อเรื่องนี้กันมาก แน่นอนว่า ลูกค้าของ EKH ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนประมาณ 70% พระรามเก้าเป็นแหล่งชาวจีน มองไปยาวๆ เชื่อว่าจำนวนคนไข้ IVF จะเพิ่มขึ้น เพราะไม่ใช่แค่เดินทางที่สะดวก แต่ยังเป็นพื้นที่ "ท้องมังกร"
มาถึงเรื่องรายได้ที่เพิ่มขึ้น ประเด็นแรก EKH ได้ปรับสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อย EKI (ทำศูนย์ IVF) เพิ่มขึ้นเป็น 77% จากเดิม 57% นั่นเท่ากับว่า ส่วนแบ่งรายได้ตรงนี้จะมากขึ้น ประเด็นที่สอง ช่วงไตรมาส 3-4 เป็นช่วง High Season บวกกับการระบาดของไวรัสโรต้า และไข้หวัดใหญ่ ในช่วงฤดูฝน จะช่วยหนุนมากขึ้น ประเด็นที่สาม "ศูนย์กุมารเวช" หรือศูนย์แม่และเด็ก คาดว่าจะเปิดกลางปี 2562 แม้จะมีค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่ารายได้น่าจะครอบคลุมต้นทุนได้สบายๆ
หลักๆ แล้ว ยังคงให้ความสำคัญกับบริการทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilisation หรือ IVF) เนื่องจากประเทศจีนกำลังมีปัญหาเรื่องผู้สูงอายุมากเกินไป และคนรุ่นใหม่เติบโตไม่ทัน เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการควบคุมอัตราการเกิดให้แค่ครอบครัวละ 1 คน ปัจจุบันแม้จะมีการส่งเสริมให้มีบุตรคนที่สองได้ แต่ปัญหาคือ คนจีนส่วนใหญ่อายุมากขึ้น และมีปัญหาการมีบุตร จึงต้องหันมาพึ่งพาทางวิทยาศาสตร์กันมากขึ้นด้วยการทำเด็กหลอดแล้ว
ปัญหาตรงนี้ไม่ได้จำกัดแค่ประเทศจีนเท่านั้น ประเทศไทยก็เริ่มมีปัญหาเช่นกัน ด้วยสังคมยุคใหม่ ผู้หญิงอยู่เป็นโสดมากขึ้น ทำให้อนาคตประเทศไทยจะมีปัญหาเช่นเดียวกับประเทศจีน ภายหลังจากปี 2564 ที่ไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว เราก็จะเริ่มมีปัญหากับการเกิดของเด็กๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งจากค่าเฉลี่ยในปัจจุบัน ถือว่ากำลังลำบาก นั่นคือ ประชากรไทย จะต้องมีบุตรโดยเฉพาะขึ้นต่ำ 2 คนต่อ 1 ครอบครัว ปัจจุบันค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 1.6 ต่อครอบครัว หากยังไม่สามารถทำได้ ก็จะมีปัญหาไม่ต่างจากประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำถามตามมาว่า ยังมีโรงพยาบาลรายอื่นๆ ที่ทำในลักษณะเดียวกัน อันนี้ไม่เถียง แต่อยากให้มองตรงนี้ครับ ที่ทำกันมาแล้ว เป็นที่รับรู้กัน และไม่ได้มีผลต่องบมากนัก เนื่องจากทำกันมานาน แต่ที่ EKH เพิ่งเริ่มทำ และเริ่มส่งผลบวกต่องบ และมองเห็นอัตราการเติบโตชัดเจน งบโต กำไรโต
แม้การเปิดบริการทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilisation หรือ IVF) ในแถบพระรามเก้า จะเกิดขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ตรงนี้จะช่วยหนุนจำนวนคนไข้เพิ่มขึ้นได้อีกในปีหน้า เพราะการเดินทางที่สะดวกขึ้น และอยู่ในทำเล "ท้องมังกร" แต่จำนวนที่เพิ่มขึ้นจาก 10 ราย เป็น 20 รายแค่ 2 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นการเติบโตที่ชัดเจน บวกกับไตรมาส 3-4 เป็น High Season ต่อเนื่องถึงปีหน้า ศูนย์แม่และเด็กเปิดให้บริการ เพียงพอที่จะเลือก EKH เป็นหุ้นเด่นถือยาว เพราะพื้นที่เดิมถือว่าแออัดมาก Capacity ของตึกเก่าใกล้เต็มแล้ว ตรงนี้จะช่วยให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 ได้อย่างสบายๆ ครับ
ที่เหลือก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา และไม่ต้องถามว่า ราคาเป้าหมายเท่าไหร่ "ถือยาว" เป้าหมายมีโอกาสจะปรับขึ้น ตามงบที่เติบโตครับ
////////////////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก
www.facebook.com/Share2Trade/
www.share2trade.com
ถึงเวลาแล้วกับ EKH (โดย มิตร กัลยาณมิตร เว็บ Share2Trade)
ผมเฝ้ารอเวลานี้มาระยะหนึ่ง สำหรับหุ้นโรงพยาบาลแห่งนี้ นั่นคือ EKH หรือ บมจ.เอกชัยการแพทย์ หลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาแล้ว โดยภาพรวมๆ กลุ่มโรงพยาบาลมีปัจจัยสนับสนุน เช่น การเติบโตจากโรคระบาดที่มากกว่าปีก่อน และมาเร็วกว่า ตามฤดูกาล ฤดูฝน นั่นคือ การระบาดของไวรัสโรต้า และไข้หวัดใหญ่ จากนี้ไปธุรกิจโรงพยาบาลกำไรไตรมาส 3-4 จะเข้าสู้ High Season โรงพยาบาลเอกชนหลายบริษัทเข้าสู่ช่วงเก็บเกี่ยวหลังผ่านช่วงการลงทุนขนาดใหญ่ไปแล้ว ทำให้กลุ่มโรงพยาบาลในครึ่งปีหลัง เริ่มมีความน่าสนใจมากขึ้น
ตามปกติไตรมาส 2 ถือว่าเป็น Low Season แต่บางแห่งกลับเติบโต นั่นคือ EKH ที่เราเลือกตัวนี้ ด้วยเหตุผลเฉพาะตัว อย่างแรกเลยคือ รับผลบวกจากศูนย์ผู้มีบุตรยาก และการปรับราคาห้องพักบางส่วนขึ้นราว 10% และจะสดใสต่อเนื่อง เพราะเข้าสู่ช่วง High Season ที่ผ่านมากำไรสุทธิของ EKH ไตรมาส 2 อยู่ที่ 22.3 ล้านบาท (+91.5% YoY, +1.8% QoQ) ถือว่าแข็งแกร่งแม้จะเป็นช่วงที่ธุรกิจชะลอตัวตามฤดูกาลอย่างที่กล่าวข้างต้น
เหตุผลของการเลือก EKH เริ่มมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ต่อเนื่องมาถึงต้นปีเรื่อยมาจนจบไตรมาส 2 และได้ให้ความสำคัญกับ การเปิดให้บริการทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilisation หรือ IVF) นักวิเคราะห์จาก บล.เคจีไอ คาดการณ์ว่า ไตรมาส 3 ของ EKH จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจาก
i) เป็นช่วง peak ตามฤดูกาล
ii) การประหยัดต่อขนาดที่เกิดจากจำนวนผู้ใช้บริการ IVF ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และ iii) ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม จึงมองว่ากำไรของบริษัทน่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้
โดยผู้บริหารตั้งเป้าจำนวนผู้ใช้บริการ IVF ในปีนี้ไว้ที่ 120 ราย จากประมาณ 60 รายใน 1H61 ซึ่งหมายถึงจะมีผู้มาใช้บริการเฉลี่ยเดือนละ 10 ราย
จากการติดตามการเติบโตของ EKH มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว รวมทั้งจากการพูดคุยกับ "นพ.อำนาจ เอื้ออารีมิตร" กรรมการและผู้อำนวยการ บมจ.เอกชัยการแพทย์ (EKH) พบว่า แนวทางการเติบโตชัดเจน โดยเฉพาะกับความร่วมมือกับทางฝั่งพันธมิตรประเทศจีน กับการเปิดให้บริการทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilisation หรือ IVF) ที่สำคัญยังเข้าใจว่าชาวจีนต้องการอะไร โดยเฉพาะเมื่อเด็กที่เกิดนั้น เป็น "ลูกมังกร" กับทำเลท้องมังกร นั่นหมายความว่า เด็กที่เกิด หากเกิดขึ้นในพื้นที่ที่เรียกว่า "ท้องมังกร" ตรงนี้ถือเป็นไฮไลท์ของ EKH เมื่อบวกกับพันธมิตร ทำให้ครึ่งปีแรก ผลที่ออกมาชัดเจนมาก
ที่บอกว่าชัดเจน เพราะล่าสุดจำนวนคนไข้ IVF เพิ่มขึ้นประมาณ 20% จากประมาณการเดิม เพราะในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาจำนวนคนไข้ IVF เฉลี่ยอยู่ที่ 20 รายต่อเดือน จากเดิมอยู่ประมาณ 10 รายต่อเดือนในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ส่วนทั้งปีผู้บริหารตั้งเป้าไว้ที่ 125 ราย และยังมีการทำการตลาดมากขึ้นผ่าน Agency และ Agency ส่งเคสเข้ามาค่อนข้างมาก จึงเชื่อว่า เป้าหมายที่ตั้งไว้อาจจะลุเป้าก็เป็นไปได้ หากครึ่งปีหลังทำได้เดือนละประมาณ 20 ราย
ที่สำคัญ EKH จะเปิดคลินิกเด็กหลอดแก้ว (IVF) แถวพระรามเก้าเพิ่มเติม เพื่อเป็นคลินิกเบื้องต้นในการตรวจสุขภาพคนไข้ที่ต้องการทำ IVF ก่อนจะส่งมาทำที่ Lab โรงพยาบาลเอกชัย ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ "ท้องมังกร" ที่ชาวจีนมีความเชื่อเรื่องนี้กันมาก แน่นอนว่า ลูกค้าของ EKH ส่วนใหญ่เป็นชาวจีนประมาณ 70% พระรามเก้าเป็นแหล่งชาวจีน มองไปยาวๆ เชื่อว่าจำนวนคนไข้ IVF จะเพิ่มขึ้น เพราะไม่ใช่แค่เดินทางที่สะดวก แต่ยังเป็นพื้นที่ "ท้องมังกร"
มาถึงเรื่องรายได้ที่เพิ่มขึ้น ประเด็นแรก EKH ได้ปรับสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทย่อย EKI (ทำศูนย์ IVF) เพิ่มขึ้นเป็น 77% จากเดิม 57% นั่นเท่ากับว่า ส่วนแบ่งรายได้ตรงนี้จะมากขึ้น ประเด็นที่สอง ช่วงไตรมาส 3-4 เป็นช่วง High Season บวกกับการระบาดของไวรัสโรต้า และไข้หวัดใหญ่ ในช่วงฤดูฝน จะช่วยหนุนมากขึ้น ประเด็นที่สาม "ศูนย์กุมารเวช" หรือศูนย์แม่และเด็ก คาดว่าจะเปิดกลางปี 2562 แม้จะมีค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่ารายได้น่าจะครอบคลุมต้นทุนได้สบายๆ
หลักๆ แล้ว ยังคงให้ความสำคัญกับบริการทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilisation หรือ IVF) เนื่องจากประเทศจีนกำลังมีปัญหาเรื่องผู้สูงอายุมากเกินไป และคนรุ่นใหม่เติบโตไม่ทัน เนื่องจากที่ผ่านมาได้มีการควบคุมอัตราการเกิดให้แค่ครอบครัวละ 1 คน ปัจจุบันแม้จะมีการส่งเสริมให้มีบุตรคนที่สองได้ แต่ปัญหาคือ คนจีนส่วนใหญ่อายุมากขึ้น และมีปัญหาการมีบุตร จึงต้องหันมาพึ่งพาทางวิทยาศาสตร์กันมากขึ้นด้วยการทำเด็กหลอดแล้ว
ปัญหาตรงนี้ไม่ได้จำกัดแค่ประเทศจีนเท่านั้น ประเทศไทยก็เริ่มมีปัญหาเช่นกัน ด้วยสังคมยุคใหม่ ผู้หญิงอยู่เป็นโสดมากขึ้น ทำให้อนาคตประเทศไทยจะมีปัญหาเช่นเดียวกับประเทศจีน ภายหลังจากปี 2564 ที่ไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มตัว เราก็จะเริ่มมีปัญหากับการเกิดของเด็กๆ เช่นเดียวกัน ซึ่งจากค่าเฉลี่ยในปัจจุบัน ถือว่ากำลังลำบาก นั่นคือ ประชากรไทย จะต้องมีบุตรโดยเฉพาะขึ้นต่ำ 2 คนต่อ 1 ครอบครัว ปัจจุบันค่าเฉลี่ยอยู่ประมาณ 1.6 ต่อครอบครัว หากยังไม่สามารถทำได้ ก็จะมีปัญหาไม่ต่างจากประเทศจีน
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีคำถามตามมาว่า ยังมีโรงพยาบาลรายอื่นๆ ที่ทำในลักษณะเดียวกัน อันนี้ไม่เถียง แต่อยากให้มองตรงนี้ครับ ที่ทำกันมาแล้ว เป็นที่รับรู้กัน และไม่ได้มีผลต่องบมากนัก เนื่องจากทำกันมานาน แต่ที่ EKH เพิ่งเริ่มทำ และเริ่มส่งผลบวกต่องบ และมองเห็นอัตราการเติบโตชัดเจน งบโต กำไรโต
แม้การเปิดบริการทำเด็กหลอดแก้ว (In Vitro Fertilisation หรือ IVF) ในแถบพระรามเก้า จะเกิดขึ้นในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า ตรงนี้จะช่วยหนุนจำนวนคนไข้เพิ่มขึ้นได้อีกในปีหน้า เพราะการเดินทางที่สะดวกขึ้น และอยู่ในทำเล "ท้องมังกร" แต่จำนวนที่เพิ่มขึ้นจาก 10 ราย เป็น 20 รายแค่ 2 เดือนที่ผ่านมา ถือเป็นการเติบโตที่ชัดเจน บวกกับไตรมาส 3-4 เป็น High Season ต่อเนื่องถึงปีหน้า ศูนย์แม่และเด็กเปิดให้บริการ เพียงพอที่จะเลือก EKH เป็นหุ้นเด่นถือยาว เพราะพื้นที่เดิมถือว่าแออัดมาก Capacity ของตึกเก่าใกล้เต็มแล้ว ตรงนี้จะช่วยให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2562 ได้อย่างสบายๆ ครับ
ที่เหลือก็แล้วแต่ท่านจะพิจารณา และไม่ต้องถามว่า ราคาเป้าหมายเท่าไหร่ "ถือยาว" เป้าหมายมีโอกาสจะปรับขึ้น ตามงบที่เติบโตครับ
////////////////////////////////////
ขอบคุณบทความจาก
www.facebook.com/Share2Trade/
www.share2trade.com