มาแล้วครับต่อกันเลย Part 2
ตื่นเช้ามาวันที่ 2 มุ่งหน้าไปสิครับ ตลาดปลาแห่ง Hakodate Asaichi ตาม google map ไปเลยจ้า ไม่ไกลจากโรงแรม
ถึงกันแล้วตลาดปลา เดินพอได้ออกกำลังกายกันไป 555+  จะมีหลายตึกครับ และร้านด้านนอกอีกเยอะแยะ เดินกินให้จนกันไปข้างเลยทีเดียว
ภายในบรรยากาศในตึกคนเยอะ ส่วนมากในตึกนี้จะเป็นเกี่ยว ข้าวหน้าด้ง หรือ ข้าวหน้าปลาดิบนั่นเอง
ทุกร้านจะมีหน้าร้านประมาณนี้ครับ ราคาจะใกล้เคียงกัน  ถูกใจหรือใจสั่งมาเข้าไปเลย ผมว่ารถชาติน่าจะใกล้เคียงกันนะ
บรรยากาศร้านรอบๆตลาดครับ ถูกใจราคาวิ่งเข้าใส่เลย เดี๋ยวจะเสียดาย
ร้านขายหอยและเผาให้สดๆเลยครับ มี กุ้งหวาน หอยเซลล์ ร้านนี้จะสังเกตุง่ายๆครับคนจะต่อแถวและคนเยอะเป็นพิเศษ ผมลืมถ่ายหน้าร้านมา
นี่แหละที่ต้องการ ไข่หอยเม่นเผา  มันเป็นอะไรที่ฟินมาก !!! เพราะสดมากๆ  จัดไป 1 ตัว 300 กว่าบาท รสชาติคนล่ะเรื่องกับไทยนะครับ กินแล้วแบบว่า....
จัดหอยเซลล์เผาไปด้วยครับ ใหญ่สะใจจริงๆ สาย-หอยไม่ควรพลาด...
เมื่อชิมหอยเสร็จหาข้าวกินดีกว่าหิวมาก เดินวนตลาดกันยาวๆไป สรุปมาโดนร้านนี้ ถ่ายได้แค่ในร้านนะครับ
จัดไปข้าวหน้าด้ง กุ้งหวาน ไข่หอยเม่น หอยเซลล์ ปลาแซลม่อน  ไข่ปลาแซลม่อน สดมากครับ อร่อยแต่ถ้าสายปลาแซลม่อนอาจจะไม่โดนสำหรับใครบางคนนะครับ เพราะปลาแซลม่อนที่ญี่ปุ่นจะไม่เหมือนที่ไทยครับ ค่าเสียหายโดนไป ประมาณ 500 บาทครับ
เมื่อทานข้าวเสร็จไปจัดปูยักษ์หรือปูขน คิงแค็ป ไม่รู้ว่าเรียกยังไงกันแน่ จัดไปร้านนี้ ที่นั่งเยอะโล่งสบายดี
จับมันมาถ่ายสะ จะกินมันแล้วนะ 5555+  สั่งคนขายทำมา 2 อย่าง ทั้งนึ่งและเผากันมาเลย
มาแล้วววววว แบบเผานะ ส่วนตัวชอบแบบเผามีกลิ่นหอม แต่เนื้อจะติดๆเปลือกเหมือนปูที่ไทยนั่นแหละและเนื้อจะแห้งหน่อย
อีกแบบก็มา แบบนึ่ง อันนี้เนื้อจะไม่แห้งครับ นุ่มๆมีน้ำซึมออกมาจากเนื้อปู  รถชาติถือว่าหวานและอร่อยครับ เพราะสดมาก ขาดอย่างเดียวในการกินปูรอบนี้ น้ำจิ้มซีฟู๊ด 555+  ถ้าคนที่ตั้งใจไปกินมันเลยแนะนำพกซีฟู๊ดขวดเล็กไปด้วยนะครับ เพราะที่นั่นจะกินแบบไม่มีน้ำจิ้ม ค่าเสียหายตัวนี้ 8500 บาทไทย ถือว่ามาชิมนะครับ หารกัน 9 คน ถ้ากินให้อิ่มล้มละลายกันไปข้างแน่
จัดไป ”หอยเป่าฮือ”ย่างชอบมาก อร่อยครับ แนะนำสั่งเลย
จัดการให้เกลี้ยงสิครับอย่าให้เหลือ ค่าเสียหายหนักขนาดนี้ ^^
นี่ไงค่าเสียหาย !!! ประมาณ 10000 บาทไทยจ้า หาร 9 ตกคนล่ะพันครับ
เมื่ออิ่มกันแล้วแพลนต่อไปเราจะไป Kanemori Red Brick House [โกดังอิฐแดงคาเนะโมริ]  แต่พอดีอุปกรณ์บางคนในทริปยังไม่พร้อมเดินลุยหิมะเดินไปทางโกดังบังเอิญเห็นร้านรองเท้าพอดีครับ แนะนำนะครับถ้าใครยังไม่มีรองเท้าลุยหิมะหรือใส่สวยๆเท่ๆ ไปร้านนี้ได้เลย ถูกมากคู่ล่ะ 800-1500 บาท มือหนึ่งนะครับ คุณภาพดีและสวยครับ หน้าร้านจะเป็นประมาณนี้นะครับ
มีเยอะครับเลือกได้เลยวางเป็นไซส์ให้เลยครับ ส่วนมากของ ผญ. จะเยอะนะครับ  แต่ของ ผช. ก็มีครับ
นี่นะครับ google map ไปเลยจ้า จากตลาดเช้า เดินให้ขาขาดกันต่อไปครับ มุ่งหน้าสู่ Kanemori Red Brick House
ถึงแล้วครับ โกดังก่ออิฐแดงคาเนโมริ ที่มีประวัติในตำนานซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของบริเวณอ่าวฮาโกดาเตะที่ยังคงหลงเหลือภาพความทรงจำเมื่อครั้ง ที่ธุรกิจการขนส่งทางทะเลเฟื่องฟู ทำให้ผู้คนที่มาเยือนได้มีช่วงเวลาสุดวิเศษที่ไม่อาจลืมเลือนได้นี้จะยังคงทำหน้าที่ปกปักรักษาประวัติศาสตร์ของฮาโกดาเตะเอาไว้ตลอดกาล
หามุมถ่ายรูปกันได้เลยนะครับ รูปผมอาจไม่สวยเหมือนรีวิวคนอื่น เพราะตอนนั้นหนาวมากหาที่หลบข้างในดีกว่า ^0^
จัดไปเลยที่ Action อีกที่ Hakodate Factory แหล่งของกินและช็อปปิ้ง
ลุยเลยครับ ถ้าอยากซื้อของฝาก กิ๊บช็อปน่ารักๆเก๋ๆ งานฝีมือ มีหลายอย่างครับ ราคาก็พอตัวเหมือนกันครับกับฝีมือที่ทำมือ ส่วนมากงานที่ประเทศนี้เน้น ทำมือ ครับ
แหล่ง Highlight Action เลยก็ว่าได้จุดนี้ ถ่ายให้สะใจกันไปข้างเลยครับ จุดนี้เดินมาเรื่อยๆเลยนะครับ สะพานตรงนั้นก็สามารถไปถ่ายได้ครับ
เข้าไปในโกดังเลยครับจะเจอร้านขนมหวาน  ชื่อร้าน PETITE MERVEILLE เหมือนมีร้านเดียวครับในโกดังที่นี่และมีที่นั่งกินพักขาแปป ดูร้านสิขนมเพียบเลยครับ
จัดไปครับเต็มๆตา เลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว อยากกินให้หมดตู้ 555
ในที่สุดก็จัด มูสช็อค มา หน้าตาประณีตงานเนี๊ยบมาก ไม่ใช่ล่ะ ของหวานๆๆๆ รสชาตินี่เข้มข้นสะใจจริงๆครับ สำหรับคนชอบช็อคกาแล็ค เนื้อข้างในละมุนและไม่เละครับ ราคาชิ้นนี้ก็ประมาณ ชิ้นล่ะ 100 กว่าบาทครับ
อีกอย่างครับ คล้ายๆพุดดิ้งนมสดครับ  ไม่รู้ว่าใช่ไหม แต่ซอสที่ให้มานี่ยิ่งใส่ยิ่งอร่อยครับ เด็ดไม่ใช่ย่อย ถือว่าผ่านครับร้านนี้
เมื่ออิ่มกันแล้วเราก็เดินให้หายย่อยกันเลยครับ เดินช็อปปิ้งหรือจะถ่ายรูป นี่ไงครับขุดที่บอกถ่ายบนสะพานสวยเหมือนกันครับเห็นมุมที่ถ่ายมาตอนแรก Action ให้เต็มที่ครับก่อนกลับ สุดท้ายผมก็กลับไปพักผ่อนเตรียมลุยต่อวันที่ 3
เป้าหมายวันที่ 3 นี้ลุยไป Goryokaku Tower หอคอยแห่งนี้สูง 107 เมตร และจุดชมวิวสามารถมองเห็นทิวทัศน์รอบสวนสาธารณะโกเรียวคาคุทั้งหมดได้ คุณไม่เพียงแต่จะเห็นป้อมรูปดาวอันสวยงามเท่านั้น แต่ยังเห็นภูเขาฮาโกดาเตะ ช่องแคบทสึการุ และเทือกเขาโยโคทสึอีกด้วย โดยการนั่งรถบัสรางไปครับ รถจะอารมณ์ประมานนี้นะครับ บอกไว้ก่อนรถไม่มีห้องน้ำนะครับ จัดการตัวเองให้เรียบร้อย พอดีป้าย Shutter Bus อยู่หน้า โรงแรมพอดีเดินนิดเดียว
เปิด Google map ได้เลยครับ กดนั่ง Shuttle Bus ก็ลงสถานีตามนั้นนะครับและลงเดินอีกนิดหน่อยก็ถึงครับ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ค่ารถประมาณ 100-150 บาทต่อคน ถ้าจำไม่ผิดนะครับ
บรรยากาศระหว่างทางเดิน ไป หอคอย ถ่ายรูปได้ครับ มีมุมสวยๆตามถนน หรืออยากช็อปปิ้งก็จัดไป
ถึงแล้ววววว Goryokaku Tower
เมื่อเดินเยอะกระเพาะเริ่มหิวล่ะ หาไร-สิครัช เจอราเมงตรงข้ามหอคอยพอดี ลุยเลยครับรอไร สาย-เส้นกันทั้งบ้าน 555+  ชื่อร้าน Ajisai Ramen ร้านจะอยู่ชั้น 2 นะครับ หยอดตู้กดสั่งอาหารได้เลย
บรรยากาศร้านจะประมาณนี้นะครับ  
จัดมาราเมงซุปโชยุ  ได้เยอะมากกๆๆๆๆๆ มากที่สุดเลยที่เคยกินมา ร้านนี้   แนะ 2 ต่อ 1 อีกคนสั่งเกี๊ยวซ่าเอาครับ รถชาติร้านนี้ออกไปทางเค็มหน่อยครับ ไม่กลมกล่อมเท่าไหร่ เหมาะสำหรับคนชอบกินเค็มนะครับ
เมื่ออิ่มท้องกันแล้วลุยเข้าหอคอยกันเลย ควรมาให้ถึงหอคอยประมาณ 5 โมงเยนนะครับ เผื่อเดินหาที่กินหรือต่างๆนานๆจะได้ดูวิวทั้งกลางวันและกลางคืน  เดินไปหา Information เลยซื้อตั๋วเข้าชมได้เลยราคา 900 yen ประมาณ 280 บาทต่อคน
นี่ไงตั๋วได้มาแล้ว และแผ่นผับประวัติของหอคอย มีภาษาไทยด้วยนะครับ ตอนไปซื้อตั๋วเขาจะถามว่ามาจากประเทศไหน เขาจะหยิบแผ่นพับภาษานั้นให้ครับ
ขึ้นไปสิครัชรอไรวิวสวยอลังการงานสร้าง ที่เห็นนั่นคือ Goryokaku Park สามารถเข้าไปได้นะครับปลายเดือนเวลาเปิด-ปิด  เดือนเมษายน - ปลายเดือนตุลาคม 8:00-19:00 ,ปลายเดือนตุลาคม - ปลายเดือนเมษายน 9:00-18:00
เสพย์ครับ เสพย์เข้าไป มาทั้งที ถ่ายให้เมมเต็มไปเลย ^^
ทุทมุมทุก Action ให้ครบครัน
เริ่มเย็นก็จะได้ฟิวลิ่งอีกแบบครับสวยไปอีกแบบ จัดไป แชะๆ แชะๆ